ความเชื่อ 10 อย่างเกี่ยวกับการแต่งงาน


ก่อนที่จะเริ่มความสัมพันธ์ถึงขั้นแต่งงานกันนั้น ลองมองความเชื่อเก่าๆและวิเคราะห์ดูสักหน่อยว่าเป็นอย่างไร ทำไมคนที่แต่งงานแล้วถึงได้หย่าร้างกันมากนัก



1. ความเชื่อ : ผู้ชายได้ประโยชน์มากกว่าผู้หญิงเมื่อแต่งงานกันแล้ว

ความจริง : จากที่มีการวิจัยศึกษามาแล้วพบว่า ทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างไม่มีฝ่ายใดเสียเปรียบ แม้ว่าแต่ละคู่จะใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่เมื่อแต่งงานพวกเขาก็จะมีชีวิตที่ยาวนานขึ้น มีความสุขขึ้น สุขภาพดีขึ้นแถมยังอาจจะรวยขึ้นอีกต่างหาก ฝ่ายสามีโดยมากจะได้ประโยชน์เรื่องสุขภาพที่ดีขึ้นส่วนฝ่ายภรรยานั้นแน่นอนทางด้านการเงิน

2. ความเชื่อ : การมีบุตรทำให้ชีวิตแต่งงานได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นและเพิ่มความสุขให้ชีวิตแต่งงานด้วย

ความจริง : และจากหลายๆการวิจัยพบว่า บุตรคนแรกจะทำให้ช่องว่างระหว่างแม่และพ่อห่างกันขึ้นและเพิ่มความกดดันให้แก่กัน ด้วยความที่เป็นมือใหม่ในการเลี้ยงลูก แต่อย่างไรก็ตาม การที่มีบุตรทำให้อัตราการหย่าร้างนั้นลดน้อยลง

3. ความเชื่อ : ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่คือโชคและความรักที่แสนโรแมนติก

ความจริง : นอกเสียจากโชคและความรักแล้ว สิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตคู่ที่จะนำไปสู่การใช้ชีวิตที่ยาวนานร่วมกันคือความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อน เพราะหลังจากการแต่งงาน ต่างฝ่ายต่างต้องทำงานหนัก ต้องเสียสละและข้อสัญญาต่างๆ คู่ที่มีความสุขที่สุดก็คือคู่ที่รักกันเป็นดั่งเพื่อน สามารถแชร์ในทุกๆเรื่องและมีความสนใจในสิ่งเดียวกัน ทำให้มีความเข้าใจกันได้ดี

4. ความเชื่อ : ผู้หญิงที่มีการศึกษายิ่งสูง ยิ่งทำให้ได้แต่งงานช้าลง

ความจริง : จากการศึกษาเมื่อเร็วๆนี้ ผู้หญิงที่จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาได้แต่งงานไปมากกว่าคนที่ไม่จบการศึกษา ความจริงๆแล้วผู้หญิงยิ่งมีการศึกษาจะยับยั้งเรื่องการใช้ชีวิตคู่มากขึ้น และเลือกที่จะอยู่เป็นโสดกันมากขึ้นนั่นเอง

5. ความเชื่อ : คู่ที่อยู่กินกันก่อนแต่งงานและดูใจศึกษากันก่อนจะมาอยู่กันจริง มีความพึงพอใจในคู่รักและทำให้รักกันได้ยาวนานยิ่งกว่าคู่ที่แยกกันอยู่

ความจริง : หลายๆการวิจัยที่พบว่าคู่ที่อยู่กินกันก่อนแต่งงานจะมีความพึงพอใจกันน้อยลงและโอกาสที่จะหย่าร้างหรือเลิกรากันไปมีสูงขึ้น เหตุผลหนึ่งก็คือ เมื่อมีปัญหามักจะเพิ่มปัญหากันเข้าไปอีก และทัศนคติในการจะใช้ชีวิตแต่งงานด้วยกันก็จะเป็นเรื่องที่ยากอยู่สักหน่อย หากการอยู่กินด้วยนั้นไม่สามารถจะแก้ปัญหาต่างๆเมื่อพบได้ และไปใช้ชีวิตหลังแต่งงานด้วยกันปัญหาก็มักจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

6. ความเชื่อ : ผู้คนไม่สามารถที่จะคาดหวังได้ว่าจะอยู่ด้วยกันหลังแต่งงานไปได้ตลอดชีวิตเหมือนที่เคยคิดเอาไว้ เพราะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมามากพอ

ความจริง : คนในยุคปัจจุบันแต่งงานกันช้าที่อายุมากขึ้นกว่าสมัยก่อน และการใช้ชีวิตอิสระเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการกันมากขึ้น เมื่อได้เห็นได้รู้จักกันมากขึ้นก็เกิดความเบื่อ ด้วยความเป็นคนรุ่นใหม่ที่มักจะมองหาสิ่งใหม่ๆให้เรียนรู้อยู่เสมอ ครึ่งหนึ่งของการหย่าร้างใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาได้ 7 ปี

7. ความเชื่อ : การแต่งงานทำให้ผู้หญิงเสี่ยงกับความรุนแรงในครอบครัวมากกว่าเมื่อตอนที่เป็นโสด

ความจริง : เป็นดั่งเช่นว่า การจดทะเบียนสมรสนั้นเป็น "ใบอนุญาตในการทำร้ายร่างกาย" จากการสำรวจพบว่าคู่ที่แต่งงานกันแล้วมักมีปัญหาที่รุนแรงมากกว่าก่อนที่จะแต่งงานกันเสียอีก และโดยมากแล้วหากสามีทำร้ายภรรยาก็จะไม่พบการรายงานหรือแจ้งความใดๆ เหตุผลหนึ่งที่เกิดความรุนแรงขึ้นเพราะฝ่ายชายมักจะต้องดูแลให้ฝ่ายหญิงกินดีอยู่ดีอยู่เสมอ ทำให้เกิดความขัดแย้งกัน และเมื่อเกิดความรุนแรงในครอบครัวขึ้น ผู้หญิงมักจะคิดเรื่องการหย่าร้างมากขึ้น

8. ความเชื่อ : คู่ที่แต่งงานแล้วจะมีเซ็กซ์กันน้อยลงกว่าตอนที่ยังเป็นโสดกันอยู่

ความจริง : คู่ที่แต่งงานกันแล้วจะมีทั้งเซ็กซ์ที่มากขึ้นและดีขึ้นอีกด้วย ไม่เพียงแต่มีเซ็กซ์ได้บ่อยขึ้นแต่พวกเค้ายังสนุกไปกับมัน ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ

9. ความเชื่อ : คู่ที่อยู่กินกันก่อนแต่งงานก็เหมือนแต่งงานนั่นแหละ เพียงแค่ไม่มี"ใบสมรส"

ความจริง : คู่ที่อยู่กินกันก่อนแต่งงานมักไม่ได้รับสิ่งที่คู่แต่งงานได้รับ ทั้งทางสุขภาพ ฐานะ และความรู้สึก และด้วยความรู้สึกที่ไม่มั่นคงในความรักจึงไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้น เพราะถึงอย่างไรผู้หญิงก็ยังเป็นนางสาวเมื่อเลิกร้างกับฝ่ายชายนั่นเอง

10. ความเชื่อ : เพราะว่ามีอัตราการหย่าร้างที่สูงขึ้น คู่ที่รักกันอย่างมีความสุขหลังแต่งงานทำให้พวกเขาไม่คิดหย่าร้างไม่ว่าการแต่งงานนั้นจะเป็นอย่างไร

ความจริง : เมื่อสมัย 20 - 30 ก่อนนั้น จะมีความเครียดในการงาน และข้อขัดแย้งมากมายในการแต่งงาน ทำให้คู่รักมักจะคิดหย่าร้างกัน แต่ในปัจจุบันคู่รักโดยมากมักจะคบหาดูใจกันนานหลายปีจนมีความมั่นใจในคู่ของตน และมีหน่วยงานที่คอยช่วยเหลือสำหรับผู้หญิงที่มีปัญหา ในการตอบคำถามและช่วยในด้านจิตใจ

อย่างไรก็ตาม การแต่งงานคือการตัดสินใจของคนสองคน การจะมีความสุขหรือไม่นั้นก็ขึ้นกับคนเพียงสองคนที่จะมีความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจกันมากน้อยเพียงใด

บทความแปลโดย Pooyingnaka.com

โดย BlueBerry Heart





Pooyingnaka Wellness