เริ่มต้นจากการล้างหน้าให้สะอาด ถึงแม้ว่าจะเป็นการล้างหน้าตอนเช้า เราก็ต้องใส่ใจ จริงอยู่ว่าเราอาจจะไม่มีเครื่องสำอางบนใบหน้า แต่เรายังมีครีมบำรุงที่ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ และเซลล์ผิวเก่าที่ร่างกายของเราได้ผลัดเปลี่ยนขณะนอนหลับ ดังนั้น การล้างหน้าให้สะอาดในตอนเช้า จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ผู้หญิงเราหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย และต่อมาคือ การบำรุงผิวด้วยมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ รวมทั้งการปกป้องใบหน้าจากแสงแดด ด้วยการใช้ซันบล๊อค และเริ่มเมคอัพกันได้เลยค่ะ
1. ลงคอนซีลเลอร์
เพื่อปกปิดริ้วรอยหมองคล้ำรอบดวงตา ทำให้ใบหน้าดูสว่างขึ้น ด้วยการใช้ปลายนิ้วแตะคอนซีลเลอร์ใต้ตา แล้วค่อยๆเกลี่ยให้ชิดขนตาล่าง ให้ยาวตลอดจากหัวตาถึงปลายตา เพื่อให้เกิดความกลมกลื่น หากคุณเป็นสาวผิวขาว ควรที่จะเลือกคอนซีลเลอร์โทนเหลืองที่ดูสว่าง แต่ถ้าหากคุณเป็นสาวผิวคล้ำหรือรอบตาคล้ำมาก เลือกคอนซีลเลอร์ที่ออกชมพูเล็กน้อยค่ะ
2. รองพื้น
มีอยู่มากมายหลายชนิด ตั้งแต่ครีม น้ำ เจล น้ำมันและแท่ง คุณควรจะเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว เช่น ผิวมันเลือกชนิดบางเบา ในรูปของเจลหรือน้ำ หากผิวแห้งมาก ก็อาจจะเลือกใช้รองพื้นที่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือถ้าหากว่าผิวหน้าเป็นสิว ก็ควรเลือกรองพื้นชนิด Oil Free
3. แป้ง
มีทั้งแป้งฝุ่น แป้งพัฟฟ์และแป้งรองพื้น แป้งที่มีเนื้อบางเบาที่สุดก็คือ แป้งฝุ่น แต่หากว่าคุณต้องการใช้แป้งในการแต่งเติมและพกพาสะดวก ก็ควรใช้แป้งพัฟฟ์เอาติดกระเป๋าไว้ ส่วนแป้งรองพื้นนับว่าเป็นแป้งที่สะดวกใช้เช่นกัน แต่มีจุดด้อยที่แป้งรองพื้นจะมีเนื้อหนา จะทำให้แต่งหน้าได้ลำบาก เพราะอาจจะดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร
4. แต่งคิ้วให้ได้รูป
ด้วยการเขียนคิ้วให้เป็นรูป จากนั้นใช้แปรงปัดขนคิ้ว ปัดให้ขนตั้งเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ และถ้าอยากให้ขนคิ้วอยู่คงรูป ก็อาจจะใช้ปลายนิ้วแตะปิโตรเลี่ยมเจลลี่เบาๆแล้วไล้ที่ขนคิ้วให้อยู่คงรูปเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ
5. อายแชโดว์
แต่งแต้มเปลือกตา สาวๆรุ่นเล็กอาจจะดูสวยได้แค่ปัดเปลือกตาด้วยสีอ่อนๆ แต่หากต้องการให้เปลือกตาสวยอย่างครบถ้วนและดูดีมีมิติแล้ว ก็ควรจะเลือกแต่งเปลือกตาด้วยอายแชโดว์ 3 สี ที่มักจะถูกจับเป็นเซตในตลับ โดยใช้สีอ่อนสุดไล้ให้ทั่วเปลือกตา ด้วยแปรงสำหรับอายแชโดว์โดยเฉพาะ จากนั้นใช้อายแชโดว์สีที่สอง ที่มีความเข้มปานกลาง ทาเปลือกตาช่วงรอยพับ หรือเวลาที่เราหลับตาแล้วตานูนออกมานั่นล่ะ ทาให้ทั่วจนถึงขอบขนตา จากนั้นค่อยลงสีที่สาม ที่มีความเข้มมากกว่าสีอื่น ใช้ปลายของฟองน้ำที่มีในตลับ เขียนเป็นเส้นให้ติดขอบขนตา
6. อายไลเนอร์
ขั้นตอนนี้อาจจะไม่จำเป็น หากคุณต้องการให้การแต่งหน้าของคุณดูเป็นธรรมชาติ การเขียนขอบตาด้วยอายไลเนอร์ให้ดูสวยงามก็คือ เขียนให้ชิดกับขอบขนตาและอาจจะเขียนเฉพาะขอบตาบนก็ได้ ถ้าหากไม่แน่ใจว่ามือของคุณนั้นแม่นพอ
7. ดัดขนตาและปัดมาสคาร่า
การปัดมาสคาร่าให้ขนตาดูสวย งอนงามเป็นแผงนั้นควรจะทำควบคู่ไปกับการดัดขนตา และควรจะเลือกมาสคาร่าชนิดกันน้ำ เพื่อจะได้ไม่เลอะเทอะ หรือจะเลือกมาสคาร่าชนิดใสก็ได้ หากต้องการให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
8. บลัชออน
เช่นเดียวกับอายแชโดว์ บลัชออนมีทั้งชนิดฝุ่น ครีมหรือน้ำ วิธีการทาบลัชออนให้สวยก็คือ ควรจะยิ้มเต็มที่เวลาที่ทา แล้วลงมือแต้มบลัชออนตรงพวงแก้มที่เปล่งที่สุด แล้วไล้เฉียงสูงขึ้นไปเล็กน้อยจนจรดตีนผม และหากคุณเลือกใช้บลัชอนชนิดฝุ่นก็ควรจะใช้คู่กับแปรงปัดแก้มปลายกลมค่อนข้างใหญ่ จะปัดได้ดูสวยงามกลมกลืนกว่าแปรงปัดแก้มอันเล็กที่มาคู่กับบลัชออนในตลับ
9. เขียนขอบปาก
สีดินสอเขียนขอบปากควรจะเป็นสีที่เข้ากันได้ดีกับสีลิปสติก การเขียนขอบปากจะทำให้ทาลิปสติกได้สวยขึ้นเพราะริมฝีปากจะดูได้รูปมากขึ้น หรือถ้าหาดินสอเขียนขอบปากมีสีเข้ากันกับลิปสติกไม่ได้ ก็ควรจะเลือกใช้ดินสอเขียนขอบปากที่มีสีใกล้เคียงกับริมฝีปากของคุณที่สุด เพื่อความกลมกลืนไม่หลอกตา
10. ลิปสติก
เพื่อให้ได้ผลดี ควรทาลิปสติกด้วยพู่กันมากกว่าการใช้แท่งลิปสติกทาลงบนริมฝีปากเลย เพราะการใช้พู่กันจะทำให้สีของลิปสติกกลืนเข้ากับริมฝีปากได้ดีขึ้น เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น เมื่อทาแล้วจึงค่อยเพิ่มความมันวาวด้วยลิปกลอส หากต้องการให้ปากแลดูชุ่มฉ่ำ แต่ก็ควรระวังไม่ให้มากหรือหนักมือเกินไป เดี๋ยวจะกลายเป็นปากมันเยิ้มแทน
บทความโดย Pooyingnaka.com