การเสริมจมูก (RHINOPLASTY)
จมูก มีความสำคัญต่อความสวยงามของใบหน้าอย่างมาก เนื่องจากเป็นอวัยวะที่นูนเด่นอยู่ตรงส่วนกลางใบหน้า การมีจมูกที่ สวยงามได้สัดส่วนจะช่วยเพิ่มความสวยงามให้ใบหน้าสวยสมส่วน ซึ่งชาวเอเชียตะวันออกส่วนใหญ่จมูกไม่โด่งเท่ากับชาวตะวันตก รวมทั้งอาจมีปัญหารูจมูก และหรือปีกจมูกใหญ่ ไม่ได้สัดส่วน การเสริมจมูกและการตัดปีกจมูกจึงเป็นการผ่าตัดที่นิยมมากที่สุดอย่างหนึ่งในบรรดาการผ่าตัดศัลยกรรมความงาม ซึ่งการผ่าตัดเสริมจมูกและตัดปีกจมูกสามารถทำควบคู่พร้อมกันได้ในการผ่าตัดคราวเดียวกัน โดยผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูกควรมีอายุอย่างน้อย 16 ปี ขึ้นไป
วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก
เนื้อเยื่อของร่างกายตนเอง ได้แก่ กระดูก, ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง หรือ กระดูกอ่อน (จากใบหูและซี่โครง) มีความปลอดภัยสูง แต่ต้องมีแผลผ่าตัดหลายแห่ง วัสดุสังเคราะห์ ที่นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบันคือซิลิโคน ชนิดแท่งสำหรับทางการแพทย์ (Medical grade silicone implant) นำมาเหลา ตัดแต่งให้เข้ากับรูปใบหน้าของแต่ละคน เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยม เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางของแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ ถูกใช้ในการเสริมจมูกชาวเอเชีย มานานหลายสิบปี ข้อดีคือเป็นวัสดุที่มีความคงทน คงรูปได้ดี มีปฏิกิริยากับร่างกายน้อย สามารถถอดออก หรือเปลี่ยนได้ โดยไม่เหลือค้างในร่างกาย และไม่ต้องแผลผ่าตัดที่บริเวณอื่นของร่างกายเหมือนการใช้เนื้อเยื่อตนเอง แต่ก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่าการใช้เนื้อเยื่อตนเอง
คุณสมบัติเด่นของซิลิโคนจมูกเกาหลี
1.เหมาะกับโครงสร้างใบหน้าของชาวเอเชีย ซิ ลิโคนนี้ถูกออกแบบโดยศัลยแพทย์ตกแต่งชาวเกาหลีใต้ซึ่งเคยใช้ซิลิโคนสำเร็จ รูปจากประเทศทางตะวันตกแล้วเห็นปัญหาความไม่พอดีกับคนไข้ จึงทำการศึกษาวิจัยและพัฒนารูปแบบขึ้นมาใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับ รูปจมูก และโครงสร้างฐานกระดูกจมูกของชาวเอเชียมากที่สุด โดยรูปทรงของซิลิโคนถูกออกแบบด้วยรูปทรง ความโค้ง ความหนา ความยาว ที่หลากหลายแตกต่างกันกว่า 50 แบบ โดยศัลยแพทย์จะเป็นผู้เลือกใช้เพื่อให้เหมาะกับจมูกของคนไข้แต่ละราย
2.มีความนิ่มอย่างพอเหมาะ โดยซิลิโคนถูกออกแบบมาให้มีความแข็งเป็นสองช่วง (double material) ซึ่ง ใกล้เคียงธรรมชาติของจมูกมนุษย์มาก โดยส่วนที่เป็นซิลิโคนแข็งจะเป็นตำแหน่งของสันจมูก และส่วนที่เป็นซิลิโคนนิ่มจะเป็นตำแหน่งบริเวณปลายจมูก
3.ให้รูปทรงสันจมูกที่เรียวสวยเป็นธรรมชาติ โดยขอบด้านข้างสันจมูกทั้งสองข้างมีการออกแบบให้มีความลาดเอียงอย่างพอเหมาะ โดยจะค่อยๆบางลงที่ขอบทำให้รอยต่อระหว่างซิลิโคนและกระดูกสันจมูกดูกลมกลืน เมื่อใส่ในจมูกแล้วให้ความกว้างของสันจมูกที่พอดีสวยงาม ไม่ดูกว้างเกินไปจนเป็นแท่ง
4.ศัลยแพทย์เกาหลีรู้จักและเลือกใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะใช้ง่าย ลดเวลาในการผ่าตัด และลดโอกาสที่ต้องมาผ่าตัดแก้ไขซ้ำลงได้มาก
5.ช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถวางแผนก่อนผ่าตัดได้อย่างชัดเจน การใช้ Model แบบจำลองมีแบบความหนาและรูปทรงที่หลากหลาย มาลองวางที่จมูกช่วยในการสื่อสารระหว่างแพทย์และคนไข้ ให้ตรงกับความต้องการได้ง่ายขึ้น
6.เป็นซิลิโคนระดับความบริสุทธิ์สูง และปลอดเชื้อ สามารถใช้ใส่ในร่างกาย(Implant) ได้อย่างปลอดภัย โดยซิลิโคนผลิตในประเทศเกาหลีใต้ในโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน แยกบรรจุเป็นชิ้นและทำการบรรจุกล่องปิดสนิทอย่างปลอดเชื้อ
ก่อนผ่าตัด
แพทย์จะสอบถามความต้องการของท่าน ซักประวัติความเจ็บป่วย และอุบัติเหตุที่ใบหน้า โรคประจำตัว และการใช้ยาประจำ ซึ่งมีภาวะบางอย่างที่ไม่ควรผ่าตัดเช่น โรคเลือดออกผิดปกติหรือหยุดยาก มีภาวะติดเชื้ออยู่ในร่างกาย ความดันโลหิตสูง เบาหวานขั้นรุนแรง จากนั้นจะพิจารณาลักษณะของจมูกเพื่อวางแผนร่วมกันในการเสริม และตัดแต่งให้ได้รูปทรงที่เหมาะสมกับใบหน้าของท่าน
ขั้นตอนการผ่าตัด
1.แพทย์อาจให้ยานอนหลับที่มีฤทธิ์สั้นๆ เพื่อให้คุณนอนหลับลดความกังวล
2.ทำความสะอาดใบหน้า วัดขนาดและวาดเส้นกึ่งกลางจมูก ฉีดยาชาและเปิดแผลขนาดเล็กประมาณ 1 ซ.ม.ซ่อนตามขอบทางด้านในของรูจมูกทั้งสองข้าง จากนั้นจะผ่าตัดสร้างช่องที่สันจมูกใต้เยื่อหุ้มกระดูกจมูกสำหรับใส่แท่งซิลิโคนที่เตรียมไว้
3.นำแท่งซิลิโคนซึ่งได้ตกแต่งและทำรูปร่างให้เรียบร้อยตามที่กำหนด โดยแพทย์จะใช้เวลาประมาณ ½ ถึง 1 ชั่วโมง
4.ในกรณีผ่าตัดปีกจมูกร่วมด้วย แพทย์จะทำการผ่าตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินออกและจัดฐานปีกจมูกใหม่
5.ทำการเย็บปิดแผลด้วยไหมละลาย แล้วปิดพลาสเตอร์ เพื่อยึดซิลิโคนให้เข้าที่และลดอาการบวม
6.นอนพักหลังการผ่าตัดในห้องพักฟื้นประมาณ 1 ชม. เพื่อประคบผ้าเย็น และรอให้หมดฤทธิ์ยานอนหลับจึงสามารถกลับบ้านได้
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
การอักเสบติดเชื้อ
จมูกเอียง ผิดรูป
ซิลิโคนทะลุ
เลือดออกจากแผลผ่าตัด
แผลเป็น
แพ้ยาชา
การผ่าตัดแก้ไข หรือเสริมความงามทุกอย่างไม่สามารถรับประกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะออกมาสมบูรณ์แบบตามต้องการ ซึ่งนอกจากเทคนิคการผ่าตัดของแพทย์แล้วยังมีปัจจัยอื่นๆอีกหลายประการที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้ เช่น การดูแลและปฏิบัติตนหลังผ่าตัด การมีโรคประจำตัว อุบัติเหตุที่ใบหน้าหรือจมูกที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด
การปฏิบัติตนหลังผ่าตัดที่ถูกต้อง และมาพบแพทย์ตามกำหนด และปรึกษาแพทย์เมื่อมีข้อสงสัยแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนลงได้
ข้อจำกัดของการผ่าตัด
การผ่าตัดจมูกเป็นการแก้ไขความไม่สมดุล ไม่ใช่การปั้นแต่งหรือการแกะสลัก การแก้ไขเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขตามต้องการได้ทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ ขึ้นกับปัจจัยต่างๆ หลายอย่าง เช่นอายุ ความหนาของชั้นผิวหนังและเนื้อเยื่อของแต่ละคน คุณอาจไม่สามารถเลือกรูปร่าง หรือขนาดจมูกจากหนังสือ นิตยสาร หรือภาพถ่ายบุคคลอื่นได้ทั้งหมด เนื่องจากลักษณะและส่วนประกอบของใบหน้าแต่ละคนแตกต่างกัน จมูกที่สวยรับกับใบหน้าบุคคลหนึ่งอาจไม่เหมาะสมกับโครงหน้าของอีกคนหนึ่งก็เป็นได้
การผ่าตัดเสริมจมูกที่มากเกินไปอาจมีปัญหาแทรกซ้อนจากแรงดันเนื้อเยื่อข้างเคียงจนเกิดการทะลุ หรือเอียงได้ เช่นเดียวกับการตัดเอาเนื้อเยื่อออกมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดการผิดรูปหรือเสียการคงรูปของจมูกไปได้ ท่านจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ถึงข้อจำกัดดังกล่าวก่อนการตัดสินใจผ่าตัด
การดูแลหลังผ่าตัดเสริมจมูก
อาการบวมมากจะเกิดใน 3 วันแรกหลังผ่าตัด จะเริ่มยุบชัดเจน ใน 3-5 วัน โดยบริเวณระหว่างหัวตาจะบวมได้นานสุด รอยช้ำที่เกิดจากการผ่าตัดจะค่อยๆจางหายไปใน 1-2 สัปดาห์
1.ปิดเทปที่สันจมูกจนถึง 4-5วัน หลังผ่าตัด ในช่วงนี้ห้ามโดนน้ำ
2.แผลผ่าตัดซ่อนอยู่ที่ขอบรูจมูกด้านใน ของรูจมูกทั้งสองข้าง ขนาด 1 ซ.ม. ซึ่งถูกเย็บด้วยไหมละลายขนาดเล็ก ต้องทำความสะอาดด้วยตนเองวันละ 3-4 ครั้ง โดยใช้ ไม้พันสำลีสะอาด ชุบน้ำเกลือทำแผล หรือ น้ำต้มสุกสะอาด ปั่นเบาๆ จนหมดคราบเลือด แล้วป้ายขี้ผึ้งป้ายแผล ห้ามทายาฮีรูดอยด์หรือ ยาอื่นๆเด็ดขาด การไม่รักษาความสะอาดแผลอาจทำให้แผลติดเชื้อ มีปัญหาถึงขั้นต้องถอดซิลิโคนออกได้
3.รับประทานยาแก้ปวด ยาลดบวม และ ยาแก้อักเสบฆ่าเชื้อ ตามแพทย์สั่งจนหมด
4.นอนหงายศีรษะสูง 2 วัน ถ้าตะแครงศีรษะ ต้องระวังการกดทับจมูก ไม่ควรนั่งก้มหน้านานๆจะทำให้เลือดคั่ง บวมที่แผลผ่าตัดได้
5.ประคบเย็นบริเวณจมูก และบริเวณข้างๆ ทั้งสองข้าง ด้วยถุงน้ำแข็ง ห่อด้วยผ้าขนหนู ตลอด 1-2 วัน จะช่วยให้บวมน้อยลง ยุบบวมได้เร็วขึ้น
6.ไม่ควรรับประทานอาหารเผ็ดจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารที่ต้องขบเคี้ยวมาก
7.งดออกกำลังกายหนัก 2 สัปดาห์
8.งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 7 วัน
9.สามารถสวมแว่นตาได้ตามปกติหลังผ่าตัดไปแล้วประมาณ 6 สัปดาห์ ถ้าจำเป็นต้องใส่ก่อนหน้านี้ต้องใช้เทปติดขอบแว่นกับหน้าผาก ห้ามให้แว่นกดทับสันจมูก , กรณีใช้ Contact Lens สามารถใส่ได้ทันทีหลังผ่าตัด
10.ระยะเวลานัดตัดไหม 7 วัน และนัดดูแผลอีกครั้ง 2 และ 4 สัปดาห์หลังผ่าตัด
การดูแลในระยะยาวเพื่อให้ซิลิโคนมีปัญหาน้อยที่สุด
1.ระวังการกระทบกระแทกบริเวณสันและปลายจมูก
2.ไม่ควรใช้มือ หรือเล็บ แกะบาดแผล หรือเศษเลือดที่ติดอยู่ ไม่สั่งน้ำมูกแรงๆ บีบปลายจมูก หรือใช้มือถูจมูกไปมา เนื่องจากปลายของซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมจมูกจะอยู่ในตำแน่งที่ไม่ลึกไปจากเยื่อบุจมูกมากนัก การบาดเจ็บชอกช้ำของเนื้อเยื่อบริเวณนี้แม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้มีการติดเชื้อของแผลผ่าตัดได้ การเช็ดทำความสะอาดบริเวณนี้ควรใช้ กระดาษ ผ้า หรือไม้พันสำลีสะอาด และควรทำด้วยความนุ่มนวล ถ้ามีอาการคัดจมูกควรกินยาลดน้ำมูกหรือไปพบแพทย์
3.เมื่อมีบาดแผล สิว หรือการอักเสบบริเวณจมูกและ บริเวณใกล้เคียง ไม่ควรบีบสิวหรือรักษาแผลเอง ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา รับประทานยาแก้อักเสบฆ่าเชื้อ
4.กรณีสงสัยว่าแผลผ่าตัดจะมีปัญหาจากซิลิโคนที่ใส่ เช่นมีอาการกดเจ็บ บวมแดง หรือ มีน้ำเหลืองไหลมาก ที่บริเวณปลายจมูก ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ในทันที
Nasal Tip Surgery ศัลยกรรมปลายจมูกแบบเกาหลี
ศัลยกรรมปลายจมูกมีการพัฒนาและทำกันมานานแล้วในชาวตะวันตก โดยมักจะทำร่วมกับการปรับลดขนาดกระดูกจมูก และหรือกระดูกที่กั้นกลางภายในโพรงจมูก ซึ่งปลายจมูกที่ได้รูปสวยงามจะมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อผลความสำเร็จของการทำศัลยกรรมจมูกนั้นๆ
สำหรับชาวเอเชียซึ่งมักมีปัญหามีความสูงของสันจมูกที่น้อยเกินไป ศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยการใช้ซิลิโคนได้เป็นที่นิยมมานานกว่า 30 ปีแล้ว และก็ได้ผลที่ดีมากบริเวณสันจมูกด้านบน ส่วนบริเวณปลายจมูกการผ่าตัดใส่ซิลิโคนเพียงอย่างเดียว ให้ผลการผ่าตัดมีความแตกต่างกันมากในแต่ละบุคคล แล้วแต่เนื้อจมูกที่มีอยู่เดิม รวมถึงความหนาของซิลิโคนที่แพทย์เหลาใส่ให้ที่ปลายจมูก
ในประเทศเกาหลีการผ่าตัดเสริมจมูกจะเน้นความสวยเป็นธรรมชาติของปลายจมูกเป็นอย่างมาก ซึ่งจมูกที่สวยแบบธรรมชาติ นอกจากจะเห็นปลายจมูกเป็นสันและได้สัดส่วนกับรูปจมูกโดยรวมแล้ว รูปร่างของรูจมูก เมื่อมองจากมุมด้านล่าง ควรจะต้องเป็นรูปวงรี หรือรูปหยดน้ำ (Tear drop) นอกจากนี้ความเชิดของปลายจมูกควรต้องมีความพอดี เมื่อมองจากด้านข้างแล้ว จมูกควรทำมุม 90 ถึง 95 องศา กับเนื้อด้านบนริมฝีปาก
โครงสร้างของจมูกด้านนอก ประกอบด้วย ด้านบนซึ่งเป็นกระดูกแข็ง และ ด้านล่างปลายจมูกที่ประกอบด้วยกระดูกอ่อน ( Lower Lateral Cartilage ) สองข้างซ้ายขวาซึ่งประกบกันตรงกลาง วางอยู่บนกระดูกอ่อนของผนังกั้นช่องจมูก ( Nasal Septum) ซึ่งกระดูกอ่อนปลายจมูกแต่ละข้างจะมีรูปทรงคลายตัว V คว่ำ โดยขาของของตัว V ด้านหนึ่งจะเรียงขนานกันตรงกลาง (medial crus) และส่วนขาตัวV อีกด้านจะส่วนที่เป็นโครงสร้างรูจมูกด้านหน้า (lateral crus)
ปัจจุบันศัลยกรรมปลายจมูกในเกาหลีถูกพัฒนาเทคนิคเฉพาะหลายอย่างโดยมีพื้นฐานมาจากศัลยกรรมจมูกของ ชาวตะวันตก ที่แตกต่างจากในประเทศไทยอย่างชัดเจนคือ ศัลยแพทย์ตกแต่งชาวเกาหลีจะไม่นิยมใช้ซิลิโคนมาใส่ที่ปลายจมูก แต่จะใช้วิธีการเย็บปลายจมูก และใส่กระดูกอ่อนเป็นหลัก ซึ่งการประเมินจุดที่ต้องเย็บ และปริมาณกับตำแหน่งของกระดูกอ่อนที่จะมาใส่จะต้องผ่านการประเมินเป็นอย่างดี เนื่องจากรูปร่างจมูกของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน การเย็บการเสริมจุดหนึ่งๆจะส่งผลต่อรูปร่างส่วนอื่นๆของจมูกด้วย การใช้ซิลิโคนเสริมอย่างเดียวเพื่อดันปลายจมูกออกมามากๆเป็นที่นิยมน้อยลงมากในประเทศเกาหลีเพราะอาจจะมีปัญหาซิลิโคนทะลุตามมาได้
ข้อดีของการผ่าตัดปรับรูปปลายจมูก โดยไม่ต้องเน้นการใส่ซิลิโคนปริมาณหนาๆจะมีข้อดีคือ
-รูปทรงจมูกดูเป็นธรรมชาติ ปลายจมูกบิดไปมาได้ โดยไม่เป็นแท่งแข็งติดกับสันจมูก
-รูจมูกเป็นรูปวงรี สวยเป็นธรรมชาติคล้ายชาวตะวันตก
-ผลการศัลยกรรมอยู่ทนนานไปตลอด ไม่ต้องมีปัญหาว่านานๆไปซิลิโคนที่ปลายจมูกจะเลื่อน รัดตัว หรือทำให้เนื้อที่ปลายจมูกบางลง จนอาจทะลุได้ เพราะกระดูกอ่อนของตัวเองที่ปลายจมูกจะไม่มีทางทะลุออกมาได้เหมือนซิลิโคน
แต่ในประเทศไทยแพทย์ส่วนมากยังนิยมทำปลายจมูกด้วยซิลิโคน เพราะง่ายกว่ามาก ทำได้รวดเร็ว คิดราคาได้ถูก และไม่ต้องใช้ความชำนาญมากนักการทำปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนเหมือนศัลยแพทย์ตกแต่งที่เกาหลีจึงมีทำกันน้อยมาก เพราะต้องอาศัยทักษะความชำนาญของศัลยแพทย์ตกแต่งมากกว่าเสริมซิลิโคนอย่างเดียวหลายสิบเท่า
ในปัจจุบัน ซิลิโคนที่ถูกนำมาใช้ทำจมูกในประเทศไทยมีหลายชนิดหลายเกรด ความบริสุทธิ์ต่างๆกันไป ความนิ่มของซิลิโคนก็มีหลากหลายมีแม้กระทั่งซิลิโคนที่นิ่มมากจนเกือบเหมือนเจล แม้จะทำการเสริมปลายจมูกด้วยซิลิโคนที่นิ่มมากเพียงใด การทะลุปลายจมูกจากการดันของซิลิโคนก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากซิลิโคนเป็นสิ่งแปลกปลอมในร่างกายเมื่อไปอยู่ในพื้นที่จำกัดก็จะทำให้เกิดแรงดันต่อผิวหนังที่ปลายจมูก ยิ่งถ้าในบางคนที่มีความหนาของเนื้อที่ปลายจมูกไม่มากแล้วไปใส่ซิลิโคนในปริมาณมากเกินไปก็จะทำให้เกิดปัญหาซิลิโคนทะลุตามมาได้ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นแล้วการแก้ไขรอยแผลเป็นก็ไม่ง่ายนัก ต้องเจ็บตัวแก้ไขใหม่ เสียเงิน และเสียเวลาเพิ่มขึ้นอีกด้วย
สรุปว่า
1.ศัลยกรรมจมูกแบบเกาหลีนั้นอาศัยทักษะในการประเมินรูปทรงของกระดูก และ กระดูกอ่อนจมูกอย่างละเอียด ของศัลยแพทย์ตกแต่ง การวางแผนการผ่าตัดที่ดี รวมถึงความชำนาญในการใช้เครื่องมือผ่าตัดที่มีลักษณะเฉพาะ จะช่วยให้ได้ผลการผ่าตัดที่สมบูรณ์สวยงาม
2.ศัลยกรรมปลายจมูกแบบเกาหลีเพื่อให้จมูกดูยาวสวยได้รูป เน้นการปรับรูปทรงกระดูกอ่อนปลายจมูก และการใช้กระดูกอ่อนของตนเองมาเสริม มากกว่าจะใช้ซิลิโคนที่มีความหนามากๆมาเสริมที่ปลาย ซึ่งศัลยกรรมปลายจมูกด้วยการเย็บปรับรูปและเสริมกระดูกอ่อนตนเองจะทำให้จมูกดูเป็นธรรมชาติและสามารถอยู่ได้นานไปตลอด ไม่มีปัญหาซิลิโคนบิดผิดรูปหรือทะลุ
ขอบคุณข้อมูลจาก YosayaClinic