ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะให้กระดาษแผ่นเดียวบอกเความสามารถ ประวัติ การศึกษา ประสบการณ์ทำงาน และความต้องการที่จะทำงานนั้นจริงๆ ให้จบอย่างได้ใจความ และได้ใจคนสัมภาษณ์ แต่ขอบอกว่าไม่ยากเลย ที่จะทำให้รายชื่อคุณอยู่ในอันดับต้นๆของรายการ "ต้องโทร.."
1. มีบทสรุปความสามารถ
สิ่งแรกที่คนสัมภาษณ์อยากรู้จากคุณก็คือ คุณมีความสามารถตรงกับที่เขาต้องการหรือเปล่า? ทำงานให้เขาได้หรือไม่? และอย่าให้เขาเสียเวลาควานหาว่าความเก่งของคุณอยู่ตรงไหน รวบรวมความสามารถ ทักษะพิเศษ คอร์สอบรมที่เคยผ่านมา สรุปไว้ให้อยู่ในกรอบเดียวกัน พร้อมคำอธิบายสั้นๆ ลงเป็นข้อย่อยๆเพื่อช่วยเติมคะแนนให้คุณได้อีก
2. เติมคำที่โดนใจ
ลองอ่านเรซูเม่ของตัวเองสัหนึ่งรอบ รู้สึกว่ามันจืดชืดเกินไปมั้ย? ลองเลี่ยงคำที่พื้นๆไว้สักหน่อย ใช้คำที่เพราะๆให้คนอ่านแล้ว ประทับใจ จำได้ หรือ ถ้าใช้คำภาษาอังกฤษก็เลือกใช้คำพูดที่ดูดี อย่าง "developed", "analyzed", "executed", "iniiated" เป็นต้น
3. เปลี่ยนคำให้กลายมาเป็นภาพ
อย่าเขียนความสามารถของตัวเองให้ออกมาแบบคำบอกลักษณะงาน อย่างเช่น "รับผิดชอบดูแลทีมขายโฆษณาของบริษัท" ให้เปลี่ยนเป็นประโยคที่เห็นภาพความสำเร็จได้ชัดขึ้น เช่น "ดูแลทีมขายโฆษณาซึ่งมีพนักงาน 7 คนและเพิ่มยอดขายได้มากกว่า 10% ในปีที่ผ่านมา"
สำหรับนักศึกษาใหม่เพิ่งจบ ไม่มีประสบการณ์ ก็ให้ลงไปว่ากิจกรรมที่ทำนั้นมีอะไรบ้าง ทำกับคนมากแค่ไหน และเราอยู่ในตำแหน่งไหน รับผิดชอบอะไร
4. ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็น
เพราะเวลาเป็นของมีค่า ฝ่ายบุคคลมักจะไม่มีเวลามานั่งอ่านทุกคำในจดหมายสมัครงานคนที่จบใหม่ หรือทำงานแรกๆ ประสบการณ์การทำงานและกิจกรรมทั้งหมดคือสิ่งที่ต้องบอก แต่ถ้าคุณทำงานมาแล้วสัก 5-7 ปีขึ้นไป ทั้งชมรมหรือคะแนนตอนมัธยมปลาย อาจารย์ที่ปรึกษาก็ไม่ใช่ข้อมูลสำคัญอีกต่อไปแล้ว
5. เน้นข้อความให้ชัด
ส่วนไหนที่คิดว่าขายตัวเองได้ดีที่สุด ให้ใช้ข้อความที่เข้มหรือโดดเด่นกว่าข้อความอื่นๆ เพื่อจะให้นายจ้างคนใหม่ของคุณอ่านได้ง่าย แต่ละบริษัทก็ต้องการคนที่ต่างกัน อ่านโฆษณารับสมัครงานให้ดีว่า ที่ไหนต้องการคนแบบไหน แล้วเน้นสิ่งที่เขาต้องการในใบตำแหน่งฝ่ายขาย คุณก็ควรเน้นที่ประสบการณ์หรือกิจกรรมที่เกี่ยวกับงานขาย การติดต่อกับคน การทำงานหรือเข้าสังคมกับคนอื่น
6. ใช้ตัวเลขยืนยัน
ถ้ามีข้อมูลใดที่ยืนยันความสำเร็จคุณออกมาเป็นตัวเลข ให้ใส่ลงไป จะเห็นภาพได้ชัดกว่าที่จะเป็นตัวหนังสือ
1. มีบทสรุปความสามารถ
สิ่งแรกที่คนสัมภาษณ์อยากรู้จากคุณก็คือ คุณมีความสามารถตรงกับที่เขาต้องการหรือเปล่า? ทำงานให้เขาได้หรือไม่? และอย่าให้เขาเสียเวลาควานหาว่าความเก่งของคุณอยู่ตรงไหน รวบรวมความสามารถ ทักษะพิเศษ คอร์สอบรมที่เคยผ่านมา สรุปไว้ให้อยู่ในกรอบเดียวกัน พร้อมคำอธิบายสั้นๆ ลงเป็นข้อย่อยๆเพื่อช่วยเติมคะแนนให้คุณได้อีก
2. เติมคำที่โดนใจ
ลองอ่านเรซูเม่ของตัวเองสัหนึ่งรอบ รู้สึกว่ามันจืดชืดเกินไปมั้ย? ลองเลี่ยงคำที่พื้นๆไว้สักหน่อย ใช้คำที่เพราะๆให้คนอ่านแล้ว ประทับใจ จำได้ หรือ ถ้าใช้คำภาษาอังกฤษก็เลือกใช้คำพูดที่ดูดี อย่าง "developed", "analyzed", "executed", "iniiated" เป็นต้น
3. เปลี่ยนคำให้กลายมาเป็นภาพ
อย่าเขียนความสามารถของตัวเองให้ออกมาแบบคำบอกลักษณะงาน อย่างเช่น "รับผิดชอบดูแลทีมขายโฆษณาของบริษัท" ให้เปลี่ยนเป็นประโยคที่เห็นภาพความสำเร็จได้ชัดขึ้น เช่น "ดูแลทีมขายโฆษณาซึ่งมีพนักงาน 7 คนและเพิ่มยอดขายได้มากกว่า 10% ในปีที่ผ่านมา"
สำหรับนักศึกษาใหม่เพิ่งจบ ไม่มีประสบการณ์ ก็ให้ลงไปว่ากิจกรรมที่ทำนั้นมีอะไรบ้าง ทำกับคนมากแค่ไหน และเราอยู่ในตำแหน่งไหน รับผิดชอบอะไร
4. ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็น
เพราะเวลาเป็นของมีค่า ฝ่ายบุคคลมักจะไม่มีเวลามานั่งอ่านทุกคำในจดหมายสมัครงานคนที่จบใหม่ หรือทำงานแรกๆ ประสบการณ์การทำงานและกิจกรรมทั้งหมดคือสิ่งที่ต้องบอก แต่ถ้าคุณทำงานมาแล้วสัก 5-7 ปีขึ้นไป ทั้งชมรมหรือคะแนนตอนมัธยมปลาย อาจารย์ที่ปรึกษาก็ไม่ใช่ข้อมูลสำคัญอีกต่อไปแล้ว
5. เน้นข้อความให้ชัด
ส่วนไหนที่คิดว่าขายตัวเองได้ดีที่สุด ให้ใช้ข้อความที่เข้มหรือโดดเด่นกว่าข้อความอื่นๆ เพื่อจะให้นายจ้างคนใหม่ของคุณอ่านได้ง่าย แต่ละบริษัทก็ต้องการคนที่ต่างกัน อ่านโฆษณารับสมัครงานให้ดีว่า ที่ไหนต้องการคนแบบไหน แล้วเน้นสิ่งที่เขาต้องการในใบตำแหน่งฝ่ายขาย คุณก็ควรเน้นที่ประสบการณ์หรือกิจกรรมที่เกี่ยวกับงานขาย การติดต่อกับคน การทำงานหรือเข้าสังคมกับคนอื่น
6. ใช้ตัวเลขยืนยัน
ถ้ามีข้อมูลใดที่ยืนยันความสำเร็จคุณออกมาเป็นตัวเลข ให้ใส่ลงไป จะเห็นภาพได้ชัดกว่าที่จะเป็นตัวหนังสือ
