กฎการแต่งงาน 10 ข้อที่ควรแหก




การจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคน เราต้องศึกษาดูใจและเรียนรู้กันมาพอสมควร แต่หลังจากแต่งงานแล้วเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทุกคู่รักอาจจะคิดไม่ถึงเลยก็ได้นะคะ ฉะนั้นอะไรที่เคยได้ฟังมาว่าเป็นกฎทองของการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอาจจะต้องให้ทันยุคทันสมัยกันนิดนึง อันไหนแหกกฎได้บ้าง เพื่อชีวิตคู่ที่มีความสุข



1. ห้ามเข้านอนด้วยอารมณ์โกรธที่ยังค้างคา

เรื่องนี้เคยบอกกันไว้ว่า ห้ามโกรธกันข้ามคืน เป็นกฎที่ใครๆก็รู้ แต่สำหรับอีกกฎที่เราอยากจะบอกทุกๆคู่ที่เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันหรือเริ่มกันมานานแล้ว ในบางครั้งความโกรธและการแก้ปัญหา ณ เวลานั้นๆอาจจะไม่ได้เหมาะสมเสมอไป ในบางทีที่เรารู้สึกว่าโอเคเรายอมลงเพื่อจะได้จบ แต่ความรู้สึกคุกรุ่นในใจยังยังติดตามเราไปจนทะเลาะกันได้อีกรอบ ฉะนั้นหากเป็นไปได้ โกรธกันได้ และหากรู้สึกยังไม่อยากจะรับฟังหรืออธิบายอะไร ก็ให้บอกกล่าวเขาเสีย หลังจากที่เราได้พักผ่อนอย่างเพียงพอและได้ใช้ความคิดอยู่กับตัวเองแล้ว ทั้งคู่อาจจะเจอหนทางแก้ปัญหาที่ดีก็ได้ แต่อย่างไรก็ดี ก่อนทะเลาะกัน ก่อนถึงจุดนั้น ให้ตกลงเรื่องนี้กันไว้ก่อนว่าจะปล่อยข้ามคืนหรือไม่



2. ต้องซื่อสัตย์ต่อกัน 100%

ความซื่อสัตย์นี่เป็นเรื่องควรทำอยู่แล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องแชร์ทุกเรื่องเราวในอดีตที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เพราะอดีตก็คืออดีต หลายคู่ที่ต้องการรู้ถึงขั้นว่าแฟนคบใครมาบ้างและทำอะไร ไปไหนกันบ้าง และนำมาเปรียบเทียบกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่...น่าหดหู่ อนาคตข้างหน้ามีไว้เดินต่อ จะมาหยุดชะงักเพราะอดีตของแฟน บางคนรู้สึกว่าบางเรื่องที่แฟนไม่เคยบอกและเรามารู้เองหมายถึงความไม่ซื้อสัตย์ ซึ่งไม่เกี่ยวกันเลยด้วยซ้ำ ถ้าพร้อมที่จะก้าวต่อจงอย่ามองไปที่อดีตที่ผ่านไปแล้ว ความซื่อสัตย์ที่แน่นอนจริงๆก็คือการทำให้ทั้งสองฝ่ายมีความรู้สึกดีๆต่อกันไปให้นานที่สุด



3. ต้องไปไหนมาไหนหรือเที่ยวด้วยกันเสมอๆ

ใช่อยู่ที่การแต่งงานคือการใช้ชีวิตคู่ การท่องเที่ยวก็ควรไปด้วยกัน แต่ในบางครั้งการที่คนใดคนหนึ่งต้องการจะไปกับเพื่อนฝูงบ้างหรือไปทำงานกับทีม โดยที่ไม่สามารถพาคู่ไปด้วยนั้น การรักษาระยะห่างก็ควรจะเป็นไปในทางที่เหมาะสม  หรือความชอบของทั้งคู่ไม่ตรงกัน ฉะนั้นหากต้องการไปด้วยกันตลอดเวลา ควรยอมไปในสถานที่ๆเราอาจจะไม่ชอบบ้าง หรือแยกกันออกเดินทางบ้าง เป็นการเว้นช่องว่างให้แต่ละคนยังได้ใช้ชีวิตที่เป็นอิสระในกรอบของการใช้ชีวิตคู่ที่ดี



4. ถ้าทะเลาะกันอย่างหนักนั่นเป็นสัญญาณของการหย่าร้าง

บางคู่อยู่ด้วยกันแต่ไม่เคยทะเลาะกันเลยเพียงเพราะเลี่ยงที่จะมีปัญหาขัดแย้งกัน ซึ่งกรณีนี้ที่เมื่อทะเลาะกันทีนึงมักจะอยากแยกทางกัน ฉะนั้นการทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องปกติแต่ให้อยู่ในความพอดี ไม่ใช่ต้องเอาชนะกันอย่างเดียว ไม่ใช่ต้องโทษอีกฝ่าย การทะเลาะกันอย่างสุภาพและมีเหตุมีผลจะทำให้ความรักเบ่งบานมากขึ้น ทำให้รักและเข้าใจกันมากขึ้น อย่าเก็บปัญหาเอาไว้ในใจ จงหาทางคุยอย่างสร้างสรรค์



5. เมื่อมีลูก..ลูกต้องมาก่อนเสมอ

การเป็นพ่อแม่เป็นเรื่องยากกว่าการรักษาความสัมพันธ์คู่รักเสียอีก หลายคู่มักตกลงกันไว้ว่า เมื่อมีลูก..ลูกต้องมาก่อนเสมอ ฉะนั้นคู่นั้นๆอาจจะเกิดความเครียดขึ้น ควรหาเวลาสำหรับคู่รักบ้าง โดยเฉพาะในช่วงเวลาเหนื่อยๆเครียดๆ อย่าคิดในแง่ลบที่ว่า การที่คุณปล่อยลูกให้อยู่กับคุณย่าคุณยายหรือคุณป้า เหมือนคุณทิ้งลูกไปเที่ยวไปทานของอร่อยกันสองคน แต่เชื่อมั้ยว่าเมื่อคุณได้มีโอกาสพักผ่อนบ้าง คุณจะเลี้ยงลูกด้วยอารมณ์ที่แจ่มใสขึ้นและส่งผลดีต่อลูกในที่สุด แต่สำหรับเรื่องนี้คุณคงต้องคุยกันก่อนว่าทั้งคู่อาจจะหาโอกาสพักผ่อนสองคนบ้าง



6. ไม่ควรนอนแยกเตียง

หลังแต่งงาน..ปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งที่มักจะพบเจอก็คือ....ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปิดโรงสี...กรนสนั่นทั้งคืน ไม่เห็นเหมือนภาพคู่รักที่เคยคิดเลย ต่างฝ่ายนอนหลับกันสบายในอ้อมกอดกันและกัน การนอนแยกเตียงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย หากเข้าใจกัน และการได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอก็ดีต่อสุขภาพอย่างมากที่สุด หากคุณตื่นมากลางดึกแล้วพบคู่ของคุณออกไปนอนอีกห้องล่ะก็ จงทำความเข้าใจกันซะค่ะ หรือเป็นไปได้ก็ควรหาทางแก้ไขโดยเร็ว แต่อย่าให้การนอนแยกเตียงทำให้คุณห่างเหินเรื่องความสัมพันธ์รักบนเตียงละกัน



7. คู่รักต้องมีงานอดิเรกที่เหมือนกัน

ในช่วงแรกๆของการแต่งงานเป็นช่วงที่ทุกคู่ต่างอยากใช้เวลาร่วมกันให้มากที่สุด งานอดิเรกก็มักจะทำร่วมกันเสมอๆ แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง..การแยกกันไปทำกิจกรรมในระหว่างวันบ้างก็เป็นทางเลือกที่ดีนะคะ เพราะการได้ใช้เวลาอย่างอิสระกับสิ่งที่ชอบเป็นสิ่งที่ทำให้คนเรามีความสุขมากที่สุดอย่างหนึ่ง แต่หากคู่ไหนมีงานอดิเรกหรือกิจกรรมต่างๆทำเหมือนกัน ถือว่าเป็นคู่ที่โชคดีที่สุดเลยค่ะ



8. หากไม่สปาร์คกันแล้ว...ก็ถึงจุดจบ

เป็นสิ่งที่คิดกันไปเองจริงๆ เรื่องความรู้สึกทางเพศก็เป็นไปตามวัยและเป็นไปตามอะไรอีกหลายอย่างหลังแต่งงาน ฉะนั้นจงมองที่ปัญหาให้ดีว่าที่ไม่สปาร์คกันแล้วนั้นเพราะอะไร หรือสปาร์คกันบ้างแต่ไม่บ่อยเหมือนเคยก็อาจจะเป็นเรื่องปกติของทุกคู่ ความรักยังคงเบ่งบาน ความเข้าใจยังคงเติบโตได้แม้ว่าจะไม่มีโมเม้นต์นั้นกันแล้ว



9. ความเบื่อเป็นสิ่งเลวร้าย

ความเบื่อไม่เลวร้ายเสมอไป หากรู้จักวิธีจัดการปัญหา ฉะนั้นคืนไหนรู้สึกเบื่อจากที่ปกติเคยตื่นเต้นกับเรื่องต่างๆ ลองดูต้นตอของปัญหานั้นก่อน แล้วค่อยเพิ่มความตื่นเต้นให้กับชีวิต ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใหม่ๆ ท่องเที่ยวแนวใหม่ หรือแม้แต่การลงคอร์สเรียนอะไรสักอย่างร่วมกัน แต่อยากให้ทุกคู่ลองใช้ชีวิตแบบเบื่อๆไปด้วยกันเพื่อค้นหาความหมายของชีวิตคู่ที่แท้จริงและแน่นอนว่าคุณจะพบเจอกับเรื่องตื่นเต้นหลังจากจบเรื่องเบื่อๆไป



10. คุณต้องมี "เซ็กซ์" กับคู่รักเพื่อทำให้เขาหรือเธอมีความสุข

เรื่องนี้ส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงจะคิดมาก โดยเฉพาะคุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูก "เซ็กซ์ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตคู่" เซ็กซ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการกระชับความสัมพันธ์ให้ยาวนานขึ้น คุณไม่ได้ทำอะไรผิดหากไม่มีอารมณ์ไม่ว่าคุณจะเป็นคุณแม่มือใหม่ หรือคู่แต่งงานที่อยู่ด้วยกันมานาน เซ็กซ์ควรได้รับความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายจึงจะทำให้เกิดความสุขขึ้น หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำเพียงเพราะอยากให้คู่รักมีความสุข ท้ายที่สุดก็จะเกิดความสุขที่ไม่แท้จริง ไม่มีกฎตายตัวว่าแต่งงานกันแล้วจะต้องกระชับรักกันกี่ครั้งต่อวันหรือต่อสัปดาห์ ทุกอย่างอยู่ที่คู่ของคุณเอง

และในความเป็นจริง ความรักและการแต่งงานไม่มีกฎใดๆตายตัว ทุกคู่ต่างต้องกำหนดกฎต่างๆกันขึ้นมาเอง เพื่อให้เข้ากับไลฟสไตล์ของกันและกันให้มากที่สุด แต่กฎอย่างหนึ่งที่ควรมีทุกคู่ก็คือ..กฎของการรักเดียวใจเดียว





แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement