รักหรือหลง?? ที่คุณเป็นอยู่




หลายงานวิจัยแนะนำไว้ว่าสมองของคนที่มีความลุ่มหลงทางเพศอย่างแรงมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันมากกับสมองของคนที่ติดโคเคนเมื่อเปรียบเทียบจากการทำเอ็มอาร์ไอสแกน ในระยะแรกของความสัมพันธ์ที่ฮอร์โมนทางเพศพุ่งกระฉูดจนควบคุมไม่ได้ ความลุ่มหลงทางกายจุดติดด้วยการเติมเต็มภาพในฝันตามอุดมคติ คุณจะเห็นในสิ่งที่คุณหวังหรือต้องการให้คนๆ นั้นเป็น มากกว่าการที่เห็นตัวตนที่แท้จริงและข้อพกพร่องของเขาคนนั้น

ดร.จูดิธ ออร์ลอฟ จิตแพทย์ผู้เขียนหนังสือ Guide to Intuitive Healing [แนวทางในการเยียวยาตามสัญชาตญาณ] อภิบายถึงความแตกต่างระหว่างความรักกับความลุ่มหลงและเทคนิคในการเสริมสร้างสุขภาพทางเพศให้สมบูรณ์ไว้ว่า ความลุ่มหลงเกิดจากแรงดึงดูดทางเพศและความเพ้อฝันกลางวัน เป็นช่วงหลงระเริงเพียงผิวเผินที่ปราศจากการเห็น “ตัวตนที่แท้จริง” ซึ่งซ่อนอยู่ภายใน ดั่งคำพูดที่ว่า ”ยามแรกรัก น้ำต้มผัก ยังว่าหวาน" ทว่ารักกับหลงไม่ได้แยกกันเป็นสองขั้ว อันที่จริงความลุ่มหลงอาจนำมาซึ่งความรักได้ อย่างไรก็ตามรักแท้ที่ไม่มีพื้นฐานมากจากการเติมเต็มภาพในฝันตามอุดมคติจะต้องใช้เวลาในการคบหาทำความรู้จักกัน นี่คือสัญญาณบ่งชี้ว่า "อะไรคือรัก อะไรคือหลง"



สัญญาณแห่งความลุ่มหลง

✽ คุณตั้งใจจดจ่อกับรูปร่างหน้าตาของคนๆ นั้น
✽ คุณสนใจการมีเซ็กส์มากกว่าการพูดคุยกัน
✽ คุณเก็บความสัมพันธ์ให้อยู่ในขั้นเพ้อฝันกลางวันมากกว่าที่จะพูดคุยกันถึงความรู้สึกที่แท้จริง
✽ คุณต้องจากไปทันทีหลังมีเซ็กส์ แทนที่จะโอบกอดกันด้วยความรัก หรือทานมื้อเช้าด้วยกันในวันใหม่
✽ คุณเป็นแค่คู่นอน แต่ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน



สัญญาณแห่งความรัก

✽ คุณอยากใช้เวลาดีมีค่าด้วยกันนอกเหนือจากเซ็กส์
✽ คุณคุยติดลมกันจนลืมวันลืมคืน
✽ คุณอยากรับฟังความรู้สึกของกันและกันอย่างไม่เสแสร้ง และอยากทำให้ทั้งคู่มีความสุข
✽ คนๆ นั้นบันดาลใจให้คุณเป็นคนที่ดีกว่าเดิม
✽ คุณอยากเจอครอบครัวและเพื่อนๆ ของเขา

อีกความท้าทายหนึ่งของแรงดึงดูดทางเพศคือการรู้จักเดินทางสายกลางและฟังสัญชาตญาณของตัวเองในระยะแรกที่คบหากัน นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ท่ามกลางแรงกระเพื่อมของฮอร์โมนทางเพศ แต่การเลือกที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีเป็นเรื่องจำเป็น นี่คือเคล็บลับเล็กน้อยไว้ช่วยไม่ให้ตกอยู่ในภวังคจิตในยามที่คุณหลงรักใครสักคน ไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องตัดตัณหาทิ้งไปซะ แต่มันจะทำให้คุณรู้ตัวเพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในภายภาคหน้า

4 ความรู้สึกด้านลบตามสัญชาตญาณในความสัมพันธ์

จงให้ระวังสิ่งต่อไปนี้ให้ดี:

✽ มีเสียงในหัวบอกคุณว่ามันเป็นภัยอันตรายหรือให้ระวังตัว
✽ คุณสัมผัสได้ถึงความไม่สบายกายและใจ หรือการไร้ความรู้สึกหลังจากที่อยู่ด้วยกัน
✽ คุณรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในด้านมืด
✽ คุณรู้สึกอึดอัดใจกับวิธีที่คนๆ นั้นปฏิบัติต่อคุณ แต่เกรงกลัวว่าถ้าคุณเอ่ยปากมันออกมา จะมีปากเสียงกันจนทำให้เขาจากหายไป

การรับฟังสัญชาตญาณของตัวเองสามารถป้องกันความรุนแรงภายในครอบครัวได้ ผู้หญิงสามารถจำแนกแยกแยะและทำตามเสียงในหัวของตนได้ สัญชาตญาณสัมผัสถึงความอ่อนโยนหรือความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ ผู้หญิงหลายคนที่เคยอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีการทำร้ายยอมรับว่าสัญชาตญาณแรกเริ่มบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่พวกเขาละเลยเพิกเฉย กว่าจะรู้ตัวว่าตกหลุมพรางก็ถูกกระทำทารุณไปซะแล้ว

ฉะนั้นคบคนที่สัญชาตญาณเราชอบจะดีซะกว่า จะได้ไม่ต้องมานั่งระวังเนื้อระวังตัวเองจากความหวาดระแวงหรือความไม่ลงรอยกัน คุณต้องยอมรับฟังสัญชาตญาณของตัวเองเมื่อมันพูดว่า “คนๆ นี้ดีสำหรับคุณ คุณจะทำให้ทั้งคู่มีความสุข” จะมีความสุขได้ก็ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน แต่ก็ต้องจดจ่อต่อสัญญาณเตือนดังกล่าวด้วย เพราะมันจะช่วยทำให้คุณมีความสัมพันธ์ที่สมปรารถนาอันพึงมีอย่างมีสติปัญญา

เรียบเรียงบทความโดย
✽ดอกจัน✽

ที่มา: นิตยสาร Psychology Today
Photo: diffen.com , ncis.com.sg





แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement