เย้ๆๆๆๆ หลังจากที่นกทำ Live ไปแล้ว ตอนนั้นซื้อขวดเล็กจากใน 7-11 แล้วมาลอง โอ้ยยยมันดีมากๆ แล้วหลังจากนั้นไม่นาน Garnier ก็ส่งสองขวดนี้มาให้ค่ะ เลยคิดว่าจะทำรีวิวแบบภาพชัดๆและคลิปสั้นๆแบบชัดๆให้ได้ดูกันด้วยค่ะ เพราะ Live ไม่ค่อยชัดเลย



Garnier micellar cleansing water มีสองสูตรค่ะ ขวดสีชมพูและสีฟ้า

ขวดสีชมพู : เหมาะสำหรับผิวธรรมดา-ผิวมีแนวโนมแพ้ง่าย
ขวดสีฟ้า : เหมาะสำหรับผิวมัน-ผิวมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย

ขวดใหญ่ปริมาณ 400 มล. ถือว่าขวดใหญ่และใช้ได้นาน 
เมื่อเทียบกับราคา นกถือว่าราคาเบามากเลยค่ะ (ยิ่งบางทีมีโปรโมชั่นนะ หูยยย อยากตุนไว้เลย)

ก่อนอื่นมาดูคุณสมบัติของ Garnier Micellar Water กันก่อนค่ะ

สิ่งที่เค้าเคลมเอาไว้ก็คือ ทำความสะอาดเครื่องสำอางโดยไม่ต้องถู  เสมือนแม่เหล็กที่ช่วยดูดเอาสิ่งสกปรกออก และแม้เพียงปาดไปครั้งแรกก็สะอาดแล้ว ที่สำคัญคือ ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันหรือความรู้สึกแห้งตึงหลังใช้ ไม่อุดตันผิวให้เกิดสิวต่างๆ และสำคัญมากคือไม่ต้องออกแรงถูจนทำให้ผิวเกิดปัญหาริ้วรอย 

** Garnier Micellar Water ยังได้รับรางวัลด้านผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางปี 2016 จากนิตยสาร CLEO อีกด้วยค่ะ



เพื่อทดสอบว่าจริงๆแล้วเค้าเช็ดเครื่องสำอางได้ดีขนาดไหน นกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างติดทน และเป็นผลิตภัณฑ์กันน้ำด้วยค่ะ โดยเฉพาะมาสคาร่าและรองพื้นที่ติดทนมาาาาก จะได้ลองดูว่าเค้าสามารถทำความสะอาดเมคอัพชนิดกันน้ำได้หมดจดโดยที่ไม่ต้องถูจริงหรือไม่ค่ะ



แต่งหน้าจัดเต็มเพื่อการทดสอบนี้เลยค่ะ ต่างจากตอน Live ที่แต่งหน้าเต็มแต่ทั้งวันแล้วก็หายไปเยอะแล้วค่ะ ครั้งนี้ทั้งไพรเมอร์ ทั้งรองพื้น และนกค่อนข้างเน้นเรื่องการปัดมาสคาร่า นกปัดสองรอบใช้มาสคาร่าสองยี่ห้อ ซึ่งกันน้ำทั้งสองยี่ห้อและติดทนมากๆ



เวลาทำความสะอาดผิวหรือเช็ดเครื่องสำอาง ให้ทำความสะอาดบริเวณดวงตาก่อนนะคะ

นกชุบสำลีให้ชุ่มพอประมาณแปะไว้ประมาณ 10 วินาที ในระหว่างนี้ใช้นิ้วกดเบาๆค่ะ

ในภาพด้านขวา..นกยังไม่ได้เช็ดเพียงแค่แปะไว้แล้วกดเบาๆเท่านั้น มาสคาร่าก็ละลายออกมาค่อนข้างเยอะแล้วค่ะ

Garnier Micellar Water เช็ดรอบดวงตาได้ดีมากค่ะ ไม่แสบตาเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้นกค่อนข้างเน้นมาก

เพราะรอบดวงตานกระคายเคืองง่าย เวลาจะใช้อะไรเช็ดรอบดวงตาค่อนข้างระมัดระวังค่ะ



จากนั้นก็เช็ดเพียงเบาๆ (เบาๆจริงๆค่ะ) ก็หลุดออกหมด รวมทั้งรองพื้อนและคอนซีลเลอร์บริเวณรอบๆที่โดนไปด้วยค่ะ

เรียกได้ว่า เช็ดเดียวจบจริงๆค่ะ แถมไม่ต้องถูด้วย สำคัญมาก ไม่อยากมีริ้วรอยอย่าถูเด็ดขาดค่ะ

จากนั้นก็เช็ดผิวหน้า ถ้าเราชุบสำลีให้ชุ่มพอ ก็จะเช็ดออกได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นค่ะ

และก็เช่นเดิมไม่มีการออกแรงกดผิวใดๆค่ะ เช็ดเบาๆได้เลย แหม...ผิววัยนี้ก็อยากได้อะไรแบบนี้นะคะ เช็ดเบาๆแต่เช็ดสะอาด



ใช้เวลาไม่นานก็ออกหมดแล้วค่ะ แต่โดยมากนกต้องเช็ดอีกรอบค่ะ จนกว่าจะไม่เหลือคราบใดๆ 



เช็ดผิวทั้งสองข้างแล้ว ใช้เวลาไม่นานและใช้สำลีไม่เยอะ ไม่แสบผิว ไม่ระคายเคืองด้วยค่ะ ยิ่งความเหนอะยิ่งไม่มี

ลองอีกครั้งโดยใช้สำลีที่บางขึ้นค่ะ ชุบให้ชุ่มนิดนึงค่ะ จากนั้นก็แปะกดให้ติดกับผิว โดยไม่ต้องกดอะไรมากค่ะแค่แปะให้ติด

พอดึงสำลีออก จะเห็นชัดว่ามาสคาร่าละลายยยยยออกมาแล้ว โดยไม่ได้ใช้แรงจริงๆนะคะ

อีกข้างค่ะ แค่แปะๆไว้ ดูสำลีจะมองเห็นแล้วค่ะทั้งมาสคาร่าและอายแชโดว์

พอค่อยๆเอาสำลีออก เค้าก็ติดมากับสำลีเยอะแล้วค่ะ

ในเรื่องนี้นกอยากเห็นว่าจริงๆเค้าดูดเครื่องสำอางกันน้ำ ดุจแม่เหล็ก ได้จริงหรือ จึงไม่เช็ดค่ะเพียงแค่แปะไว้เท่านั้นเอง

ผลที่ได้หลังจากแปะไว้ เค้าดูดเครื่องสำอางออกจริงๆค่ะ คือละลายมาสคาร่าและไลเนอร์ได้ดีมาก

แต่หลังจากที่ละลายมาสคาร่าแล้วก็เช็ดได้ค่ะ เพียงเบาๆโดยไม่ถูเช่นเดิม

เช็ดเบาๆนะคะ ตาจะได้ไม่มีริ้วรอยก่อนวัย

ไม่ว่าจะเป็นขวดเล็กหรือขวดใหญ่ประสิทธิภาพดีเหมือนกันค่ะ ขวดเล็กเอาไว้พกพาไปเที่ยวค่ะ ขวดใหญ่ติดบ้านไว้เลย ใช้ประจำแน่นอน



สิ่งที่นกชอบอีกอย่างหนึ่งคือ หลังจากเช็ดผิวเสร็จ และผิวแห้งสนิทดี ความรู้สึกคือ ผิวเรานุ่มค่ะ (ไม่ได้ไปล้างหน้านะคะ)

จะไม่รู้สึกว่าเช็ดเอาน้ำมันธรรมชาติจากผิวออกไปจนผิวแห้งหรือตึงผิวใดๆเลยค่ะ ตรงนี้ชอบมากๆ 

เพราะผิวยิ่งชุ่มก็จะไม่ค่อยมีริ้วรอยมาเยือนในเร็ววัน



ผิวหน้ากับผิวท้องแขนอาจจะต่างกันแต่ก็อยากให้เห็นกันชัดๆค่ะ ใช้ผลิตภัณฑ์เดิมที่แต่งหน้า

แต่ที่ท้องแขนนกจะกดและเขียนเน้นมากกว่าบนใบหน้าสักหน่อย (หน้าไม่ต้องใช้แรงในการเขียนอะไรค่ะ)




เช็ดรวดเดียว (ซึ่งจริงๆกับใบหน้าก็ไม่ถูกวิธีนัก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับดวงตาต้องแปะไว้ก่อน

แต่เช็ดรวดเดียวก็ออกแบบนี้แล้วค่ะ (จริงๆชุบสำลีไม่ชุ่มมากด้วยนะคะ)



เช็ดอีกนิดหน่อยก็ออก ที่ยังเหลือเห็นคราบนิดๆนั่นคือ ลิปสติกค่ะ เค้าเป็นลิปที่ค่อนข้างจะติดและ stain ค่ะ แต่เช็ดอีกหน่อยก็ออก



สำหรับใบหน้านกใช้ไปทั้งหมด 3 แผ่น (หน้า-หลัง) 

จากนั้นค่อยไปล้างหน้าค่ะ เคยนะคะที่เช็ดเครื่องสำอางแล้วยังไม่ได้ล้างหน้าก็ไปทำงานบ้านต่อ

ก็ไม่รู้สึกเหนอะอะไร เหมือนผิวปกติ ไม่แห้งตึงอะไรค่ะ

......ความรู้สึกหลังใช้......

ความประทับใจแรกตั้งแต่แกะชุบสำลีคือเค้าไม่มีกลิ่น โดยเฉพาะกลิ่นแอลกอฮอล์ค่ะ ตรงนี้ทำให้นกใจชื้นขึ้นมาก เพราะรู้ตัวว่ารอบดวงตาเราค่อนข้างระคายเคืองได้ง่าย พอได้ลองกับรอบดวงตาเรียกว่าปลื้มเลยทีเดียว เพราะนกเป็นคนที่เวลาแต่งหน้าจะเน้นแต่งตามากเพราะตาหลบในและขนตาสั้น จึงจำเป็นต้องปัดมาสคาร่าอย่างน้อย 2 รอบ และต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่กันน้ำไม่ว่าจะมาสคาร่าหรือไลเนอร์ค่ะ ฉะนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่จะมาล้างเครื่องสำอางก็สำคัญมาก เพราะยิ่งเราถูแรงเท่าไร ผิวจะยิ่งเกิดริ้วรอยง่ายและเร็วขึ้น สำหรับ Garnier Micellar Water นี้นอกจากเช็ดผิวได้สะอาดเกลี้ยงแล้ว ยังทำให้ผิวนุ่มขึ้นอีกด้วย (รู้สึกไปเองหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ทุกครั้งหลังใช้จะรู้สึกแบบนี้จริงๆค่ะ)

นกเช็ดรอบดวงตาโดยที่บางครั้งเผลอโดนตา แต่ไม่แสบ ไม่ระคายเคืองใดๆเลยค่ะ ตรงนี้นกค่อนข้างประทับใจมากๆจริงๆ

เค้ามีสองสูตรนะคะ

ขวดสีชมพู : เหมาะสำหรับผิวธรรมดา-ผิวมีแนวโนมแพ้ง่าย
ขวดสีฟ้า : เหมาะสำหรับผิวมัน-ผิวมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย

ใครมีผิวแบบไหนเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวเลยค่ะ

 สามารถซื้อได้แล้วที่ Lazada ค่ะ

ขอขอบคุณการ์นิเย่สำหรับผลิตภัณฑ์ค่ะ