เลือดจะไปลมจะมา..กับวันนั้นของเดือน


เลือดจะไปลมจะมา ป้องกันได้ด้วยอาหารการกิน เตรียมสุขภาพให้พร้อมรับมือกับวันนั้นของเดือน

จิตใจหดหู่ ปวดท้อง คัดหน้าอก อารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียว อ่อนเปลี้ยเพลียแรง สิวขึ้น หิวบ่อย หรืออยากอาหารไม่เป็นเวลาในช่วงก่อนวันนั้นของเดือน ล้วนแล้วแต่เป็นอาการแปรปรวนของฮอร์โมนในร่างกายที่ทำให้ผู้หยิงหลายคนฝันร้าย อย่าว่าแต่ตัวเธอเองเลย แม้แต่คนที่อยู่ใกล้ชิดก็รรับอารมณ์เธอไม่ทัน ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าต้องประสบพบเจอกับอาการเหล่านี้แน่ๆ เกือบทุกเดือน แต่ก็ยังไม่อาจทำใจให้ชินชากับอาการดังกล่าวได้

โดยปกติอาการเช่นนี้จะเป็นอยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อนประจำเดือนจะมา ในทางการแพทย์เรียกว่า Premenstrual Syndrom (PMS) ซึ่งเป็นช่วงเลาที่ร่างกายจำเป็นต้องระดมพละกำลังที่มีอยู่ในตัวเกือบทั้งหมดมาทุ่มเทให้กับการบีบตัวของมดลูกเพื่อขับประจำเดือนออกจากร่างกาย ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมเราจึงรุ้สึกหมดแรง ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของฮอร์โมนสำคัญๆ ที่คอยช่วยควบคุมความสมดุลต่างๆ ของสุขภาพร่างกายก็ยังมาลดน้อยลงไปในช่วงนี้อีก เลยยิ่งทำให้อาการไม่สบายทั้งร่างกายและจิตใจยิ่งเลวร้ายหนักขึ้น

วิธีการช่วยเหลือเบี้องต้นสำหรับผุ้ที่มีอาการดังกล่าวบางครั้งอาจไม่จำเป็นต้องพึ่งยารักษาโรคใดๆ ก็อาจหายไปเองได้ตามธรรมชาติ แต่สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรงอาจต้องพึ่งยาเพื่อรักษาตามอาการ นอกจานี้ การเตรียมพร้อมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงด้วยอาหารการกินที่มีประโยชน์ก็จะสามารถช่วยปกป้องร่างกายให้รอดพ้นจากอาการทรมานเหล่านั้นได้อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ นักวิชาการในสหรัฐอเมริกาหลายท่านพบว่า การให้สารอาหารประเภทวิตามินและแร่ธาติ พร้อมกากใยไฟเบอร์เพิ่มขึ้นจะสามารถฃ่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน ส่งผลให้ระดับของฮอร์โมนที่ควบคุมความสมดุลของร่างกายไม่แปรปรวนมาก และอาการไม่สาบายต่างๆ ก่อนประจำเดือนจะมาก็ลดระดับความรุนแรงลง เริ่มสนใจแล้วใช่ไหมว่า วิตามินและแร่ธาตุดังกล่าวมีอะไร แล้วอยู่ในอาหารประเภทไหนบ้าง

ลืมความเจ็บปวดของรอบเดือนด้วยการขบแทะ
ถั่วมันๆ โดยเฉพาะเกาลัด ถั่วลิสง อัลมอนด์ วอลนัต มะม่วงหิมพานต์ ล้วนอุดมไปด้วยวิตามินีและกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จำเป็นต่อร่างกาย และเป็ฯของกินที่ช่วยคลายเครียดได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยเพิ่มธาตุเหล็กให้กับเม็ดเลือด้วย เหมาะมากกับช่วงเวลาที่ต้องสูญเสียเลือดประจำเดือน และร่างกายต้องสร้างเม็ดเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทน อย่างไรก็ดี ไม่ต้องวิตกกังวลกับปรมาณแคลอรีที่มีอยุ่ในถั่วดังกล่าว เพราะช่วงเวลานั้นร่างจำเป็นจะต้องใช้พลังงานมากขึ้นกว่าในช่วงปกติประมาณ 200 กิโลแคลอรีต่อวัน ซึ่งก็เท่ากับถั่วประมาณ 80 กรัม

กล้วยเหลืองอร่ามมากคุณค่า
กล้วยเป็นผลไม้ชินดหนึ่ง ซึ่งมีคุณค่าทางอาหารต่อชีวิตมนุษย์อย่างมากมายเหลือคณานับ และเป็นอาหารต้านอาการก่อนประจำเดือนได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ที่สำคัญ ปริมาณโพแทสเซียมที่สูงของกล้วย ช่วยขจัดอาการบวมน้ำที่ทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัวในช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือนได้เป็นอย่างดี เท่านั้นไม่พอ ผลไม้ที่หวานนุ่มแสนอร่อยนี้ยังมีส่วนช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ส่วนเส้นใยของกชล้วยก็อยู่ท้องดี จึงช่วยทำให้ไม่รู้สึกหิวบ่อยในช่วงเวลานั้น ทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการหลั่งเซโรโทนิน หรือฮอร์โมนแห่งความสุขอีกด้วย จะเห็นว่าประโชน์ของการกินกล้วยดูคล้ายๆ กับการกินช็อกโกแล็ต แต่กล้วยจะดีต่อสุขภาพมากกว่าหลายเท่า

รับประทานเนื้อสัตว์ให้น้อยลง
ในช่วงก่อนประจำเดือนมา จะเป็นการดีมากหากคุณสามารถลดการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ย่อยยากได้แต่เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดโปรตีนที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างพละกำลัง และช่วยซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ คุณสามารถจะบริโภคอาหารที่จำจากถั่วเหลือง อาทิเช่น เต้าหู้ต่างๆ  ซึ่งสามารถทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ดี แถมดียิ่งกว่าซะอีก เพราะโปรตีนจาถั่วเหลืองไม่มีไขมันอิ่มตัว สามารถช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอลร้าย อันเป็นสาเหตุให้หลอดเลือดอุดตัน

นอกจากนั้น นักวิชาการยังพบว่าในถั่วเหลืองมีสารไอโซฟลาโวน ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศ ดังนั้น หากหมั่นรับประทานถั่วเหลืองเป็นประจำ ร่างกายจะได้รับสารชนิดนี้หล่อเลี้ยงอยู่เรื่อยๆ แทนที่จะต้องรอฮอร์โมนจากภายในตัวที่เปลี่ยนแปลงขึ้นๆ ลงๆ ไปตามวงจรของรอบเดือนแล้วผลดีที่ได้รับอย่างชัดเจนก็คือรูปร่างที่สมส่วน ผิวพรรณที่ผุดผ่อง และอาการปวดท้องเนื่องจากการมีประจำเดือนก็จะบรรเทาเบาบางลง

คลายความเครียดด้วยเมล็ดฟักทอง
คุณจะสามารถเพลิดเพลินจนลืมอาการหงุดหงิด ปวดท้องหรือปวดหัวไปได้ชั่วระยะหนึ่ง หากคุณได้นั่งแทะเมล็ดฟักทอง นอกเหนือจากความมันที่ทำให้ไม่อาจหยุดแทะได้แล้ว เมล็ดฟักทองยังดุดมด้วยแร่ธาตุแมกนีเซียม ซึ่งอาหารที่มีแมกนีเซียมสูงจะช่วยสงบประสาทและคลายเครียด อีกทั้งยังมีโอเมก้า-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมองดีขึ้น ส่งผลให้โอกาสที่จะเกิดอาการปวดหัวไมเกรนลดน้อยลง

ทุ่มวิตามินและเกลือแร่ให้กับร่างกายเต็มที่
ผักสีเขียวเข้ม ไม่ว่าจะเป็นบร็อกโคลี่ ผักโขม หรือผักพื้นบ้านยอดนิยมของไทยอย่างผักคะน้า ผักกระเฉด ใบแมงลัก ใบกะเพราะ หรือใบโหระพา ล้วนแล้วแต่เป็นผักที่มีแคลเซียมสูง ซึ่งน้อยคนนักจะทราบว่าแคลเซียมมีบทบาทต่อความดันโลหิต เนื่องจากสามารถช่วยป้องกันหลอดเลือดแดงแข็ง อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสุงขึ้น อีกทั้งยังช่วยควบคุมการบีบและคลายของกล้ามเนื้อมดลูกในระหว่างมีประจำเดือนด้วย นอกจานี้ ผักสีเขียวดังกล่าวยังมีกรดโฟลิก และวิตามินบี 6ที่ช่วยประสารการทำงานดังกล่าวของแคลเซียมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมกับช่วยลดไขมันในเลือด และช่วยป้องกันไม่ทำให้เลือดข้นหนืดเกินไป

น้ำชะน้ำ ช่วยขจัดอาการบวมน้ำ
เป็นไปโดยธรรมชาติที่เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะขาและเท้าจะกักเก็บน้ำเอาไว้มากจนทำให้เกิดอาการบวม และรู้สึกขาหนักๆ ก่อนที่ประจำเดือนจะมา ฉะนั้นเพื่อขจัดอาการดังกล่าว จึงควรพยายามหลีกเลี่ยงของกินที่มีรสเค็ม ทั้งนี้เนื่องจากความเค็มจะยิ่งกระตุ้นทำให้เซลล์ยิ่งกักเก็บไว้มากขึ้น ในขณะที่การดื่มน้ำมากๆ กลับจะช่วยขจัดอาการบวมน้ำและลดการกักเก็บน้ำของเซลล์ลง เท่ากับเป็นการออสโมซิสน้ำออกจากร่างกายนอกจากนี้เวลานอนควรนอนยกขาสูง โดยอาจจะพาดขาไว้กับผนังหรือหาหมอนสูงๆ มารองขา





แสดงความคิดเห็น






Insurance


Advertisement