ว่าด้วยเรื่อง…โรคภูมิแพ้
สาเหตุของโรคภูมิแพ้
เป็นเพราะระบบภูมิคุ้มกันมีปฏิกิริยาที่ไวเกินไปในการตอบสนองสิ่งแปลกปลอมแบบผิดปกติ ทั้งที่สิ่งแปลกปลอมนั้นไม่มีอันตรายกับร่างกาย แต่เป็นความเข้าใจผิดของร่างกายที่คิดว่าสิ่งแปลกปลอมบางอย่างอันตราย จึงตอบสนอง โดยการผลิตสารภูมิต้านทานเพื่อกำจัดและทำลายสิ่งแปลกปลอมนั้น และแทนที่สารภูมิต้านทานที่ร่างกายผลิตเพื่อปกป้องร่างกาย กลับกลายเป็นว่ามันกระตุ้นให้ร่างกายป่วยเอง จึงทำให้เกิดการแพ้
อาการของโรคภูมิแพ้
ปฏิกิริยาภูมิแพ้จากสิ่งต่าง ๆ ของแต่ละคนจะแสดงออกไม่เหมือนกัน แม้แต่สารภูมิแพ้ชนิดเดียวกันก็ทำให้แสดงอาการต่างกันด้วย และสารภูมิแพ้ชนิดเดียวกันยังทำให้อวัยวะในร่างกายตอบสนองต่างกันและแสงดอาการรุนแรงมากน้อยต่างกัน เช่น การเกิดอาการเฉียบพลัน คือ แพ้ละอองเกสรดอกไม้ ทำให้หายใจไม่สะดวก น้ำมูกไหล หรือคันตา ตาแดง หากแพ้อาหารอาจอาเจียน มีผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง มีอาการหืด ผิวหนังอักเสบ หรือเกิดอาการช็อก ส่วนอาการที่ไม่เฉียบพลัน คือ แพ้เครื่องประดับที่เป็นนิกเกิล หรือกาวลาเท็กซ์ เมื่ออาการแพ้ผิวหนังจะอักเสบ
การวินิจฉัย
เมื่อไม่รู้สาเหตุของการแพ้ควรไปพบแพทย์ แพทย์จะสอบถามและทดสอบด้วยปลาสเตอร์บนหลัง และตรวจเลือดหรือใช้วิธีเทสต์ด้วยการสะกิดผิวหนังให้เป็นแผลเล็ก ๆ แล้วหยดน้ำยาที่มีสารต้องสงสัยว่าจะทำให้เกิดปฏิกิริยา ส่วนการตรวจเลือดก็ทำได้โดยการเจาะเลือดมาผสมกับสารต้องสงสัย แล้วนำวัดปฏิกิริยาสารภูมิคุ้มกัน และเมื่อหาสาเหตุของภูมิแพ้ได้แล้ว ก็ควรหลีกเลี่ยงเท่าที่จะทำได้ หากเป็นโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากการสัมผัสอาจไม่มีปัญหามากนัก เช่น ไม่แตะต้องหรือออกห่างสิ่งที่แพ้
การป้องกัน
-ต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง กินอาหารมีประโยชน์ นอนหลับให้เพียงพอ ไม่เครียด หลีกเลี่ยงสารพิษและพยายามมองโลกในแง่ดีก็จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงเพราะผู้ใช้ร่างกายและจิดใจจนอ่อนล้า เกิดความเครียด หรือสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าจัด นอนดึก กินอาหารไม่มีประโยชน์ ไม่ออกกำลังกาย จะทำให้ประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันน้อยลง ทำให้ตอบสนองต่อการรุกรานของสิ่งแปลกปลอมได้ไม่ดีเท่าที่ควร
-หากแพ้ไรฝุ่นในบ้าน ก็ควรเปลี่ยนใช้ฟูกที่มีลักษณะป้องกันฝุ่นได้ดี และควรซักผ้าปูที่นอน ปลอก หมอน ด้วยอุณหภูมิ 60 องศา และนำเสื้อผ้าที่ซักรีดแล้วเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า รักษาความสะอาดของบ้านและเฟอร์นิเจอร์
-ปิดหน้าต่างก่อนค่ำ เนื่องจากละอองเกสรของดอกไม้จะฟุ้งกระจายเมื่ออากาศเย็นลง
-ทาวาสลีนที่รูจมูก เพื่อดักจับละอองเกสรดอกไม้ไม่ให้เข้าไปในจมูกและเยื่อบุช่องคอ
-สระผมทุกเย็น เพราะว่าฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้นั้นอาจเกาะติดกับเส้นผม
-สวมแว่นกันแดดที่ปกปิดดวงตาได้มิดชิดเพื่อไม่ให้ฝุ่นและละอองเกสรดอกไม้เข้าตา
การรักษา
ปัจจุบันสามารถรับการฉีดวัคซีนได้โดยการฉีดสารต้องสงสัยว่าจะทำให้เกิดภูมิแพ้เข้าไปในร่างกาย เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะต่อสารนั้น โดยจะเพิ่มขนาดขึ้นเรื่อย ๆ และต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดสารภูมิแพ้เป็นช่วง ๆ ตลอดทั้งปี หากกลัวเข็มฉีดยาก็สามารถเลือกการกลืนในรูปของของเหลวเข้าสู่ร่างกาย ผู้ที่ควรได้รับการฉคดวัคซีนควรจะเป็นผู้ที่มีอาการน้ำมูกไหลเป็นเวลานานถึงสี่อาทิตย์ติดต่อกัน