ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนสถานีตำรวจ
ก้มหน้านิ่งตลอดเวลา ใบหน้าเธอซีดขาว
บางครั้งก็เหม่อลอย แววตาหมดหวัง
และบางครั้งหมดอาลัยตายอยากในชีวิต
ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบตี 2 แล้ว
ท่าทางของเธอสะดุดในผู้หญิงอีกคนซึ่งอยู่ที่นั่นด้วย
จนอดไม่ได้ที่จะหาโอกาสเข้าไปพูดคุยด้วยความสงสัย
ผู้หญิงทั้งคู่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน
แต่เหตุที่ต้องมาอยู่บนสถานีตำรวจในเวลาเดียวกัน
ก็เนื่องจากอุบัติเหตุรถชนกัน
เป็นการเฉี่ยวชนแล้วพยายามขับหนี
แต่ไม่พ้นการจับกุมของเจ้าหน้าที่ที่อยู่บริเวณดังกล่าวได้
เธอซึ่งเป็นผู้เสียหาย
ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จนเมื่อถึงเวลาสอบปากคำอีกฝ่าย
เธอพยายามเข้าไปพูดคุยกับผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้วยความสงสัย
ตอนแรกคิดว่าอาจจะกลัวหรือตกใจที่แฟนตัวเองพยายามหลบหนี
หรือกังวลกับคดีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
จึงบอกว่าถ้าชดใช้ค่าเสียหายก็จะไม่เอาความใดๆ
แต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรไปกว่านั้น
ผู้หญิงคนนั้นก็ร้องไห้ออกมาอย่างน่าตกใจ
พร้อมทั้งเล่าให้ฟังว่า
ไม่ได้เป็นอะไรกับผู้ชายคนนั้น
ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเลย
อากัปกริยาเช่นนี้ยิ่งทำให้น่าสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม
และยิ่งทำให้ต้องปลอบโยนเพื่อหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นแน่
ด้วยความเป็นผู้หญิงด้วยกันทำให้ใช้เวลาไม่นาน
เรื่องราวทั้งหมดก็ถูกถ่ายทอดออกมา
เธอบอกว่ากำลังถูกผู้ชายคนนั้นจับตัวไว้เหมือนกัน
เธอกลัวมากและอายมากและกำลังช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนทำอะไรไม่ถูก
เมื่อเธอเล่าจบ
ทำให้ผู้ฟังรีบเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับกุมชายคนนั้นไว้ทันที
ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้โชคร้าย
ความจริงบ้านของเธออยู่ที่จังหวัดนครปฐม
ในขณะที่เธอกำลังขับรถกลับบ้านเป็นเวลา 3 ทุ่ม
ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาชนท้าย
ผู้ขี่จักรยานยนต์เป็นผู้ชายคนหนึ่งรีบจอดรถลงมาดูความเสียหาย
และขอโทษขอโพยเธอเป็นการใหญ่
พร้อมทั้งบอกว่าไม่ต้องกังวลจะชดใช้ค่าเสียหายให้และพร้อมจะไปตกลงที่สถานีตำรวจ
ด้วยท่าทางที่สุภาพ นอบน้อม
ทำให้เธอไม่รู้สึกกลัวและยินดีที่จะไม่เอาเรื่องหากชดใช้ค่าซ่อมรถที่มีรอยบุบ
เพียงเล็กน้อย
ชายคนนั้นบอกให้เธอขับรถตามเข้าไปยังอู่ซ่อมรถที่อยู่ไม่ไกล
เพื่อให้ช่างตีราคา และตกลงค่าซ่อม
แต่ระหว่างทางขอนำรถมอเตอร์ไซด์เข้าไปเก็บที่บ้านก่อนเพราะรู้สึกว่าเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหา
เธอก็ขับรถตามไปจนถึงปากทางเข้าบ้านและนั่งคอยอยู่ที่รถ
ชายคนนั้นกลับออกมาพร้อมชายคนหนึ่ง
เปิดประตูและขึ้นนั่งประกบทันที
ดันตัวเธอไปนั่งตรงกลาง ใช้มีดบังคับให้นั่งเฉยๆ
และขับรถเขามากรุงเทพฯ
ถึงธนาคารแห่งหนึ่งบริเวณงามวงศ์วานก็จี้ตัวเธอลงไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม
ได้เงินจำนวนที่ธนาคารกำหนดให้กดจากตู้ในวงเงินเท่านั้น
แต่เมื่อเห็นเงินในบัญชียังมีเหลืออีกมาก
จึงยังไม่ปล่อยตัวไปง่ายๆ
กันตัวไว้รอเวลาให้เลยเที่ยงคืนแล้วจะกดเงินจากตู้เอทีเอ็มอีกครั้ง
ในช่วงการรอคอยเวลา
ก็ขับรถมาแถวถนนลาดพร้าวเลี้ยวเข้าไปในโรงแรมม่านรูด
และ ผลัดกันข่มขืนเธอหลายครั้ง
แล้วก็สั่งอาหารรวมทั้งเบียร์มาดื่มกินในห้องจนมีอาการมึนเมา
แล้วก็ข่มขืนอีก จนกระทั่งตี 2
ชายคนหนึ่งจึงขับรถพาเธอมาบังคับให้กดเงินให้อีก
โดยให้สัญญาจะปล่อยตัวไปหากได้เงินที่ต้องการแล้ว
ยังไม่ทันที่จะถึงธนาคาร
ชายคนนั้นก็ขับรถชนท้ายรถคันหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าเสียก่อนแล้วพยายามหลบหนี
จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจพาไปจับเพื่อนร่วมแก๊งอีกคนที่นอนคอยอยู่ในโรงแรมได้
และพาตัวมาสอบสวน ทั้งคู่รับสารภาพว่าทำอย่างนี้กับผู้หญิงมาแล้วหลายครั้ง
ส่วนใหญ่จะตระเวนมองหารถที่มีผู้หญิงขับเพียงคนเดียวและมักจะหาเหยื่อตามจังหว ัดที่อยู่รอบๆกรุงเทพฯ ผู้หญิงส่วนใหญ่อายไม่กล้าแจ้งความ กลัวเสีย ชื่อเลยทำให้ยิ่งได้ใจ
ก้มหน้านิ่งตลอดเวลา ใบหน้าเธอซีดขาว
บางครั้งก็เหม่อลอย แววตาหมดหวัง
และบางครั้งหมดอาลัยตายอยากในชีวิต
ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบตี 2 แล้ว
ท่าทางของเธอสะดุดในผู้หญิงอีกคนซึ่งอยู่ที่นั่นด้วย
จนอดไม่ได้ที่จะหาโอกาสเข้าไปพูดคุยด้วยความสงสัย
ผู้หญิงทั้งคู่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน
แต่เหตุที่ต้องมาอยู่บนสถานีตำรวจในเวลาเดียวกัน
ก็เนื่องจากอุบัติเหตุรถชนกัน
เป็นการเฉี่ยวชนแล้วพยายามขับหนี
แต่ไม่พ้นการจับกุมของเจ้าหน้าที่ที่อยู่บริเวณดังกล่าวได้
เธอซึ่งเป็นผู้เสียหาย
ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จนเมื่อถึงเวลาสอบปากคำอีกฝ่าย
เธอพยายามเข้าไปพูดคุยกับผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้วยความสงสัย
ตอนแรกคิดว่าอาจจะกลัวหรือตกใจที่แฟนตัวเองพยายามหลบหนี
หรือกังวลกับคดีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
จึงบอกว่าถ้าชดใช้ค่าเสียหายก็จะไม่เอาความใดๆ
แต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรไปกว่านั้น
ผู้หญิงคนนั้นก็ร้องไห้ออกมาอย่างน่าตกใจ
พร้อมทั้งเล่าให้ฟังว่า
ไม่ได้เป็นอะไรกับผู้ชายคนนั้น
ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเลย
อากัปกริยาเช่นนี้ยิ่งทำให้น่าสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม
และยิ่งทำให้ต้องปลอบโยนเพื่อหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นแน่
ด้วยความเป็นผู้หญิงด้วยกันทำให้ใช้เวลาไม่นาน
เรื่องราวทั้งหมดก็ถูกถ่ายทอดออกมา
เธอบอกว่ากำลังถูกผู้ชายคนนั้นจับตัวไว้เหมือนกัน
เธอกลัวมากและอายมากและกำลังช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนทำอะไรไม่ถูก
เมื่อเธอเล่าจบ
ทำให้ผู้ฟังรีบเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับกุมชายคนนั้นไว้ทันที
ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้โชคร้าย
ความจริงบ้านของเธออยู่ที่จังหวัดนครปฐม
ในขณะที่เธอกำลังขับรถกลับบ้านเป็นเวลา 3 ทุ่ม
ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาชนท้าย
ผู้ขี่จักรยานยนต์เป็นผู้ชายคนหนึ่งรีบจอดรถลงมาดูความเสียหาย
และขอโทษขอโพยเธอเป็นการใหญ่
พร้อมทั้งบอกว่าไม่ต้องกังวลจะชดใช้ค่าเสียหายให้และพร้อมจะไปตกลงที่สถานีตำรวจ
ด้วยท่าทางที่สุภาพ นอบน้อม
ทำให้เธอไม่รู้สึกกลัวและยินดีที่จะไม่เอาเรื่องหากชดใช้ค่าซ่อมรถที่มีรอยบุบ
เพียงเล็กน้อย
ชายคนนั้นบอกให้เธอขับรถตามเข้าไปยังอู่ซ่อมรถที่อยู่ไม่ไกล
เพื่อให้ช่างตีราคา และตกลงค่าซ่อม
แต่ระหว่างทางขอนำรถมอเตอร์ไซด์เข้าไปเก็บที่บ้านก่อนเพราะรู้สึกว่าเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหา
เธอก็ขับรถตามไปจนถึงปากทางเข้าบ้านและนั่งคอยอยู่ที่รถ
ชายคนนั้นกลับออกมาพร้อมชายคนหนึ่ง
เปิดประตูและขึ้นนั่งประกบทันที
ดันตัวเธอไปนั่งตรงกลาง ใช้มีดบังคับให้นั่งเฉยๆ
และขับรถเขามากรุงเทพฯ
ถึงธนาคารแห่งหนึ่งบริเวณงามวงศ์วานก็จี้ตัวเธอลงไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม
ได้เงินจำนวนที่ธนาคารกำหนดให้กดจากตู้ในวงเงินเท่านั้น
แต่เมื่อเห็นเงินในบัญชียังมีเหลืออีกมาก
จึงยังไม่ปล่อยตัวไปง่ายๆ
กันตัวไว้รอเวลาให้เลยเที่ยงคืนแล้วจะกดเงินจากตู้เอทีเอ็มอีกครั้ง
ในช่วงการรอคอยเวลา
ก็ขับรถมาแถวถนนลาดพร้าวเลี้ยวเข้าไปในโรงแรมม่านรูด
และ ผลัดกันข่มขืนเธอหลายครั้ง
แล้วก็สั่งอาหารรวมทั้งเบียร์มาดื่มกินในห้องจนมีอาการมึนเมา
แล้วก็ข่มขืนอีก จนกระทั่งตี 2
ชายคนหนึ่งจึงขับรถพาเธอมาบังคับให้กดเงินให้อีก
โดยให้สัญญาจะปล่อยตัวไปหากได้เงินที่ต้องการแล้ว
ยังไม่ทันที่จะถึงธนาคาร
ชายคนนั้นก็ขับรถชนท้ายรถคันหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าเสียก่อนแล้วพยายามหลบหนี
จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจพาไปจับเพื่อนร่วมแก๊งอีกคนที่นอนคอยอยู่ในโรงแรมได้
และพาตัวมาสอบสวน ทั้งคู่รับสารภาพว่าทำอย่างนี้กับผู้หญิงมาแล้วหลายครั้ง
ส่วนใหญ่จะตระเวนมองหารถที่มีผู้หญิงขับเพียงคนเดียวและมักจะหาเหยื่อตามจังหว ัดที่อยู่รอบๆกรุงเทพฯ ผู้หญิงส่วนใหญ่อายไม่กล้าแจ้งความ กลัวเสีย ชื่อเลยทำให้ยิ่งได้ใจ