พรมความหอมอย่างไร.. .ให้ถูกวิธี


ใครกำลังเล็ง “น้ำหอม” เป็นของขวัญปีใหม่ให้หวานใจหรือคนที่รัก หรือใครที่เตรียมตัวไปปาร์ตี้แล้วเลือกฉีดพรมน้ำหอมกลิ่นโปรดให้ถูกวิธี ก็เพิ่มเสน่ห์ให้ได้ไม่น้อย

เครื่องสำอางเอสเต ลอเดอร์ เผยเคล็ดลับและวิธีการให้สาวๆ และหนุ่มๆ ใช้น้ำหอมเป็นอาวุธแบบถูกวิธี โดย แคริน คูว์รี่ รองประธานฝ่ายพัฒนาน้ำหอมระดับโลก ของเอสเต ลอเดอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหอมตัวยงคนหนึ่งของโลก แนะนำว่า

1. เทคนิคการพรมน้ำหอม ที่คุณอาจยังไม่ทราบ
คุณสามารถใส่น้ำหอมได้หลายแบบ เช่น ถ้าต้องการกลิ่นบางเบา หรือกลิ่นแบบแค่ช่วงสบายๆ อาจเพียงทาโลชั่นหรือครีมทาผิวของกลิ่นน้ำหอมที่คุณโปรดปราน แต่ถ้าต้องการกลิ่นแบบเต็มที่ หรือกลิ่นที่ติดทนนานขึ้น หลังจากทาบอดี้หรือครีมโลชั่นแล้ว ตามด้วย eau de parfum อีกทีปิดท้าย

2. จุดสำคัญที่ต้องฉีดน้ำหอม
การใส่น้ำหอม ต้องเป็นความรู้สึกหรือประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์ จุดสำคัญที่ต้องฉีดน้ำหอม ได้แก่ ลำคอ, บนแขน และที่ด้านหลังหัวเข่าอีกนิดหน่อย เพราะอย่าลืมว่ากลิ่นหอมมักจะลอยตัวขึ้นด้านบน การฉีดน้ำหอมเล็กน้อยที่ด้านหลังหัวเข่า จะให้ผลลัพธ์ความหอมแบบ “ทั่วเรือนร่าง” อย่างแท้จริง และอีกจุดคือ ฉีดน้ำหอม ไปในอากาศด้านหน้า และ “เดินผ่าน” ละอองน้ำหอม (อย่าลืมหลับตา! ขณะเดินผ่าน) จะทำให้ละอองน้ำหอมติดกระจาย อยู่บนเส้นผมคุณด้วย

3. ระยะห่างในการฉีด
ประมาณ 6 นิ้วจากตัวคุณ

4. เทคนิคการเติมน้ำหอมในระหว่างวัน
การเติมน้ำหอมระหว่างวัน ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและลักษณะพิเศษ (คาแรคเตอร์) ของน้ำหอมแต่ละชนิด เช่น น้ำหอมที่มีพื้นฐานของกลิ่นพรรณไม้ตะวันออก (Oriental & Woody) มักจะติดทนนานกว่ากลิ่นหอมจากดอกไม้หรือผลไม้ (Floral & Citrus) หรือน้ำหอม Eau de Parfum จะมีกลิ่นน้ำมันหอมที่เข้มข้นกว่า Eau de toilette หรือ Cologne ก็จะกลิ่นติดทนนานกว่า

แต่จุดที่สำคัญที่ต้องระลึกไว้เสมอ คือ น้ำหอมที่ดีมีคุณภาพจะถูกพัฒนาคิดค้นให้กลิ่นติดทนนาน และมีคาแรคเตอร์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ ซึ่งหลังจากฉีดครั้งแรกกลิ่นจะติดอยู่นานอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ก่อนที่จะต้องเติมอีกครั้ง

5. ข้อผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นในการใช้หรือฉีดน้ำหอม และ “ข้อห้ามเด็ดขาด” ที่ต้องแนะนำ
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย คือ การฉีดน้ำหอมมากเกินไป เพราะอยากให้กลิ่นติดลึก ติดทนนาน แต่คุณทราบไหมคะว่าการใส่น้ำหอมมากเกินไป อาจสร้างความประทับใจแก่คนรอบข้างแบบมากเกินไปด้วย และตัวเราก็จะกลายเป็นคนที่น่ารังเกียจไปเลยก็ได้นะ

หากคุณต้องการกลิ่นหอมแบบติดลึก แต่บางเบา ขอแนะนำให้ทาโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวกลิ่นน้ำหอมนั้นก่อน แล้วตามด้วยน้ำหอม ซึ่งจะทำให้กลิ่นความหอมประทับใจติดทนนาน ถ้ายังไม่เชื่อทดลองได้ง่ายๆ คือใช้วิธีที่แนะนำทาบนแขนข้างหนึ่ง ส่วนแขนอีกข้างลองฉีดแค่น้ำหอมอย่างเดียว คุณจะรู้สึกได้เลยว่า การผสมผสานของครีมบำรุงผิวกับน้ำหอม จะไกลิ่นหอมที่เข้มข้นกว่า และติดทนนานกว่า

6. ความแตกต่างในการฉีดน้ำหอมสำหรับเวลากลางวัน และเวลากลางคืนและระหว่างหน้าร้อนและหน้าหนาว

การฉีดน้ำหอมตอนกลางวันและกลางคืนจริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน เช่น ถ้าสาวๆ ที่ชอบกลิ่นหอมแบบแรงและลึก อาจต้องใช้น้ำหอมแบบ Perfume ซึ่งเป็นน้ำหอมระดับที่เข้มข้นและแรงที่สุด

ส่วนการใช้น้ำหอมในแต่ละฤดูกาล ความร้อนหรืออากาศร้อน จะเน้นกลิ่นของน้ำหอมให้แรงขึ้น คุณอาจเลือกใช้กลิ่นน้ำหอมที่คุณชื่นชอบ ในแบบที่กลิ่นอ่อนลงหรือเข้มข้นน้อยลง

7. แนะการใช้น้ำหอมแบบ Alcohol-free ให้ติดทนนานขึ้น
ฉีดพรมน้ำหอม Alcohol-free เหมือนกับการใช้ Eau de perfume ปรกติ คือ ฉีดตรงลำคอ, บนแขน และ ด้านหลังหัวเข่า ยกเว้นไม่ต้องฉีดในอากาศแล้วเดินผ่านละออง เนื่องจากน้ำหอมแบบ Alcohol-free จะมีความเข้มข้นของน้ำมันหอมน้อยกว่าปรกติ กลิ่นจึงติดสั้นกว่า และอย่างที่แนะนำไปแล้วว่า ถ้าอยากให้ติดทนนานขึ้น ทาครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวก่อน แล้วค่อยลงน้ำหอมแบบ Alcohol-free
8. วิธีการใช้น้ำหอมใส่ผม (fragrant hair spray)
ง่ายๆ ตามคำแนะนำการใช้ คือฉีดบนเส้นผม ให้ห่างประมาณ 6 นิ้ว

9. เทคนิคการใช้โลชั่นหรือครีมบำรุงผิวกลิ่นน้ำหอม
ครีมหรือโลชั่นบำรุงผิว เป็นผลิตภัณฑ์ที่วิเศษสุด ที่คุณจะรู้สึกสนุกสนาน รื่นรมย์กับกลิ่นหอมของน้ำหอมนั้นๆ แถมยังให้ความชุ่มชื่นผิวด้วย โดยใช้หลังจากอาบน้ำเสร็จ ทาให้ทั่วตัว แขน ขาและหน้าอก

10. ความแตกต่างระหว่าง Perfume, Eau de Perfume, Eau de toilette และ Fragrant body

นอกจากความเข้มข้นของน้ำหอมที่เราทราบๆ กันดีอยู่แล้ว ซึ่งเรียงลำดับความเข้มข้น ก็คือ Perfume, Eau de Perfume, Eau de toilette ส่วนผลิตภัณฑ์ Fragant body ทั้งครีม, โลชั่น หรือแป้ง จะไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ แต่มีน้ำหอมผสมอยู่ในระดับที่น้อยกว่า Eau de toilette ดังนั้นผลิตภัณฑ์บอดี้ทั้งหลายจึงมีระดับกลิ่นหอมที่น้อยกว่าในแบบน้ำที่มีแอลกอฮอลล์

11. อายุการใช้งาน หลังจากเปิดน้ำหอมใช้แล้ว
ขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำหอมนั้นๆ กลิ่นพื้นฐาน (notes) ของน้ำหอมแต่ละกลิ่น ก็ให้อายุใช้งานที่ต่างกัน วิธีที่ดีที่สุดที่ทำน้ำหอมใช้ได้นานที่สุด คือหลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน

12. ความสำคัญของการลองน้ำหอมบนผิวคุณ ไม่ใช่แค่ในกระดาษ
เป็นเรื่องสำคัญมากที่สุดคุณควรลองน้ำหอมบนผิว เพราะน้ำหอมจะให้กลิ่นหอม “กำจายเต็มที่ มีชีวิตชีวา” เมื่อทำปฏิกิริยากับผิวหนัง และสร้างความมั่นใจแก่คุณก่อนตัดสินใจซื้อว่า กลิ่นหอมที่ติดบนกายคุณนั้น เป็นกลิ่นหอมที่คุณรื่นรมย์ที่สุด ตั้งแต่เริ่มพรมบนผิว ไปจนถึงกลิ่นสุดท้ายที่ติดกาย ที่สำคัญ ก่อนออกไปช้อปปิ้งซื้อน้ำหอมกลิ่นใหม่ ต้องให้เนื้อตัวคุณสะอาดที่สุด ไม่มีน้ำหอมหรือคีมทาตัวอื่นๆ ติดตัวทั้งสิ้น จึงจะได้กลิ่นแท้จริงของน้ำหอมที่ลอง

13. เทคนิคการลองกลิ่นน้ำหอม ก่อนเลือกซื้อ
ขอแนะนำให้ลองกลิ่นน้ำหอมไม่เกิน 3 กลิ่นต่อครั้ง เพราะถ้ามากกว่านั้นจมูกคุณจะสับสนและแยกแยะกลิ่นไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่ทราบกลิ่นที่แท้จริงของน้ำหอมแต่ละกลิ่นด้วย แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ วิธีเบรกกลิ่น หรือ เฟรชจมูกของคุณ คือ ดมกลิ่นเม็ดกาแพ หรือที่ง่ายกว่านั้น คือเดินออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ในบริเวณอื่น ที่ไม่มีกลิ่นน้ำหอม แล้วค่อยกลับมาดมใหม่

เคล็ดลับเหล่านี้ คงช่วยเพิ่มเสน่ห์จากน้ำหอมให้คุณได้มากที่เดียว แต่หากใครที่ตัดสินใจเลือกของขวัญปีใหม่เป็นน้ำหอมให้คนอื่น ก็ควรใช้เวลาเลือกนานหน่อย เพราะคงตัดสินใจเองยากเหมือนกันถ้าจะเลือกกลิ่นที่เจ้าตัวเขาชอบจริงๆ...





แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement