ประโยชน์ของยาบำรุงโลหิตสตรีแผนโบราณ


โบราณมีการใช้ยาสำหรับสตรีกันอย่างแพร่หลาย และมีรายละเอียดอยู่ในคัมภีร์มหาโชตรัต ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์ การคลอดบุตร ก็จะมีรายละเอียดอยู่ในคัมภีร์ปฐมจินดา

การเปลี่ยนแปลงทางด้านสรีระร่างกายในผู้หญิง ทางแพทย์แผนโบราณบอกว่าผู้หญิงจะเริ่มมีประจำเดือนเมื่อมีอายุประมาณ 13-14 ปี แต่ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันบอกว่า เด็กผู้หญิงจะเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกบางรายมีได้ตั้งแต่อายุ 9-10 ขวบ แต่โดยเฉลี่ยแล้วเด็กผู้หญิงจะมีประจำเดือนครั้งแรกในช่วงอายุ 10-12 ปี และก่อนการมีประจำเดือนในแต่ละเดือนก็จะปรากฏอาการที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

ระดูปกติโทษ คือ การมีอาการที่เกิดขึ้นก่อนการมีประจำเดือน และในแต่ละเดือนก็จะเกิดเหมือนๆ กัน เช่น ปวดท้อง, เวียนหัว, เครียด, ไข้ขึ้น เป็นอยู่อย่างนี้ตลอด โบราณให้เหตุผลว่าเป็นอาการที่เกิดจากลมกองใดกองหนึ่งกระทำ ซึ่งก็จะมียารักษาคือ ยารักษาระดูปกติโทษ เมื่อกินเข้าไปแล้วอาการเหล่านี้ก็จะดีขึ้น

ระดูทุจริตโทษ คือ อาการที่แสดงออกในผู้หญิงก่อนการมีประจำเดือน และอาการเหล่านี้จะมีลักษณะแตกต่างกันในแต่ละเดือน เช่น เดือนนี้ปวดหัว เดือนหน้าปวดท้อง ท้องเสีย หรือปริมาณของประจำเดือนไม่แน่นอน อาจจะมากหรือน้อย ที่เคยมาแล้วก็หายไป ทำให้ร่างกายผอมแห้งแรงน้อย เรียกว่า สันนิจโลหิต คือการที่โลหิตแห้ง โบราณเรียกว่าเลือดไม่งาม ก็จะแสดงออกทางใบหน้า ทำให้หน้าตาหมองคล้ำ มีสิวฝ้า คำว่าเลือดลมในภาษาโบราณจึงไม่ได้หมายความว่า การที่เลือดไม่ดีนั้นคือการที่ร่างกายขาดธาตุเหล็กเหมือนอย่างแผนปัจจุบัน และยาบำรุงเลือดในแพทย์แผนไทยก็ไม่ได้เป็นยามีธาตุเหล็กอย่างแผนปัจจุบัน แต่เป็นยาช่วยปรับธาตุต่างๆ ให้สมดุล เช่น เลือดก็จะถูกจัดอยู่ในธาตุน้ำคือ โลหิตัง น้ำดีจะเป็นธาตุน้ำคือ ปิตตัง แต่การทำงานเป็นไฟ ทั้งหมดนี้การแพทย์แผนไทยมองว่าเป็นองค์รวม

การแต่งงานในสมัยโบราณ ทางฝ่ายชายไม่ได้ดูผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตา ความสะสวยเพียงอย่างเดียว แต่จะคำนึงถึงกิริยามารยาท การทำมาหากิน การเป็นแม่ศรีเรือน และมองว่าผู้หญิงนั้นมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงหรือไม่ เนื่องจากการแต่งงานในยุคโบราณจะคำนึงถึงการมีลูกเป็นสำคัญ หากผู้หญิงคนไหนที่มีร่างกายไม่สมบูรณ์แข็งแรง ผอมแห้ง เลือดลมไม่สมบูรณ์ ก็จะมีการจัดยาบำรุงเลือดหรือยาบำรุงโลหิตสตรีให้กิน หมอแผนโบราณที่เก่งทางด้านนี้จะจัดยาบำรุงเลือดเป็น 3 หม้อ หม้อแรกจะเป็นยาประจุโลหิต กินเพื่อให้เลือดลมที่ไม่ดีได้ขับออกมา หลังจากนั้นก็ตามด้วยยาบำรุงธาตุ คือช่วยปรับธาตุให้เป็นปกติ และตามด้วยยาบำรุงโลหิตสตรี

ปัจจุบัน รูปแบบของยาบำรุงโลหิตสตรีได้เปลี่ยนไป จากเดิมที่เป็นยาหม้อซึ่งต้องต้มกินกันถึง 3 หม้อ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคปัจจุบันที่ผู้หญิงต้องทำงานนอกบ้าน เพื่อให้กินง่ายและสะดวก บริษัทผู้ผลิตพยายามทำยาครอบจักรวาลอยู่ในขวดเดียวกัน เป็นยาบำรุงโลหิตสตรี ขับโลหิตสตรี ที่ขายกันอยู่ทั่วไป

สรรพคุณของยาบำรุงโลหิตสตรี คือ ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ เลือดลมดี ผิวพรรณสดใส อวบอิ่มขึ้น เมื่อตั้งครรภ์ก็จะมีอาการแพ้ท้องน้อยมาก

ตำรับยาบำรุงโลหิตสตรีนั้น ถือเป็นตำรับยาที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้และหน่วยงานเกี่ยวข้องที่รับผิดชอบ จนได้มีการบรรจุไว้ในตำรับยาสามัญประจำบ้าน ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกันหลายตำรับเช่น ตำรับยาบำรุงโลหิต ยาประสะไพล ยาไฟประลัยกัลป์ ยาไฟห้ากอง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของสมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อน พวกพริกไทย อบเชยเทศ ไพล การบูร และกระวาน เป็นต้น

ส่วนตำรับยาบำรุงโลหิตสตรีในคัมภีร์มหาโชตรัต ก็จะแบ่งเป็นยาบำรุงไฟธาตุ ยาบำรุงโลหิต ยาแก้สารพัดโลหิตเน่าโลหิตร้ายทั้งปวง ยาสังขแพทย์ (น้อย) ยาสังขแพทย์ (ใหญ่) และยาสังขวิชัย เป็นต้น

ความเชื่อที่ว่า การกินยาบำรุงสตรีนี้แล้วจะทำให้เกิดการแท้งนั้น โอกาสที่จะเป็นไปได้ก็ดูจะน้อยมาก เนื่องจากเป็นยาที่ทำจากสมุนไพร ซึ่งไม่ได้ออกฤทธิ์แรงขนาดที่จะทำให้เกิดการแท้งได้ เพราะยาที่ทำให้แท้งต้องมีคุณสมบัติในการบีบตัวของมดลูกอย่างรุนแรง และทำให้ฮอร์โมนมีการปรับตัวอย่างรุนแรงเช่นกัน ส่งผลให้ผนังมดลูกไม่พร้อมที่จะเป็นที่ฝังตัวของตัวอ่อน ก็เป็นการเข้าใจผิด เพราะยาบำรุงโลหิตสตรีจะช่วยเอาเลือดเสียออกจากร่างกาย บำรุงธาตุและบำรุงโลหิต และถ้าใครที่รู้ตัวว่ากำลังตั้งครรภ์ก็ไม่ควรกินยานี้

สรุปแล้วประเด็นในเรื่องยาบำรุงโลหิตสตรีที่หมอได้กล่าวถึงตั้งแต่ข้างต้น ซึ่งเป็นยาตำรับโบราณ ใช้วิธีการต้มแต่ดั้งเดิม เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปเต็มไปด้วยเทคโนโลยี ยาหม้อก็เปลี่ยนเป็นยาขวดบรรจุเสร็จพร้อมดื่ม ในขนาดและปริมาณที่เหมาะก็ยังคงสรรพคุณเช่นเดิม ฉะนั้นก็อยากฝากให้มีการพัฒนายาบำรุงโลหิตสตรีให้ดียิ่งๆ ขึ้นเพื่อช่วยพัฒนาตลาดยาไทย เวลานี้ตัวเลขของยาบำรุงโลหิตสตรีในตลาดยาไทยมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท ซึ่งทำให้มองเห็นอนาคตยาไทยที่ยังสามารถพัฒนาไปได้อีกไกลทีเดียว





Pooyingnaka Wellness