ชายก็ไม่จริง หญิงก็ไม่แท้ ช่างผันแปรกันไปได้ และเป็นการ ผันแปรของพฤติกรรมทางเพศ ที่ชวนให้สังคมวิตก ทำให้หัวอกพ่อ แม่กลัดกลุ้ม เพราะลูกชายหนุ่มกลับกลายเป็น 'สาว'และลูกสาวที่ควร นุ่มนวล น่ารัก กลายเป็น 'หนุ่ม' หนำซ้ำเวลานี้ยังถือกันว่า เป็นเรื่อง ธรรมดา ไม่เห็นจะต้องมาหาวิธีบำบัดรักษาอะไรให้พวกเขาและเธอ หันกลับมาหาเพศเดิมตั้งแต่เกิด เพราะเค้าอยากจะเป็นของเค้าอย่าง นี้ เค้าไม่ได้ทำความเดือร้อนอะไรให้ใครสักหน่อย
ตั้งแต่แรกเกิด ทั้งเด็กชายและหญิงจะมีการพัฒนาทางเพศไปพร้อมกับการเจริญเติมโตของร่างกาย และพร้อมๆกับการพัฒนาด้านอื่นๆ ที่ควรเป็นควรมี โดยธรรมชาติ และโดยการได้เรียนรู้จากผู้ค้นแวดล้อม เริ่มจากพ่อแม่ ครูอาจารย์ ญาติพี่น้อง และเพื่อนหรือคนในสังคมรอบตัว พัฒนาไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เด็กจนเข้า สู่วัยรุ่นจนเป็นผู้ใหญ่ และพัฒนาบ้างเสื่อมลงบ้างในบางด้านเมื่อเข้าสู่วัยชรา ลักษณาะของเพศหญิง เพศชาย รวมทั้งพฤติกรรมการแสดงออกต่างๆ โดยปกติจะเป็นไปตามเพศและ วัย หรือพูดได้ว่าเป็นไปตามฮอร์โมนเพศซึ่งเราได้เกิดมา นอกจากนั้นสิ่งแวดล้อมรอบตัวก็จะช่วยหล่อหลอม พฤติกรรมของเด็กชายเด็กหญิงไปด้วย เช่น ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ค่านิยม ของสังคมนั้นๆ แต่บางครั้งพฤติกรรมทางเพศของชายและหญิงบางคน ก็แสดงออกผิดแผกต่างไปจากคนทั่วๆไป ในสังคมแวดล้อมของเขาหรือในถิ่นกำเนิดของเขา โดยอาจเป็นเพราะเขาหรือเธอฝืนจิตใจ และความต้องการ ลึกๆ ภายในของตัวเองไม่ได้ บังคับควบคุมตัวเองให้ประพฤติตามที่คนส่วนมากในสังคมรอบตัวทำกันไม่ได้ หรือบางทีอาจเป็นไปโดยหลงผิดคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีกว่าเด่นกว่า แปลกกว่า เป็นแฟชั่นชั่วครั้งคราวก็มี แต่ไม่ถึง กับจะทำให้เกิดอาชญากรรมทางเพศ พวกที่ทำตัวแบบที่เรามองเห็นชัดได้ว่ามีบุคลิกภาพผิดปกติแบบมีความเบี่ยงเบนทางเพศ หรือประเภท ชายก็ไม่จริง หญิงก็ไม่แท้ เหล่านี้ ไม่ถึงกับเป็นโรคจิต และส่วนมากไม่ก่อให้เกิดปัญหาสังคมโดยตรง แต่ถึงกระนั้น พวกหนุ่มและสาวผิดเพศเดิมของตนประเภทนี้ ก็อาจก่อความรำคาญตา รบกวนจิตใจให้ คนใกล้ชิดในสังคมเดียวกันได้ หากรู้สึกต่อหญิงชายพวกนี้ว่าเป็นคนผิดปกติ และไม่น่าคบหาสมาคมด้วย และในแง่ตรงข้าม อาจเป็นกลุ่มส่งเสริมให้คนอื่นๆ มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศเช่นเดียวกันได้ ถ้าไปลองถามจากคุณหนุ่ม คุณสาว ประเภทชายไม่จริง หญิงไม่แท้พวกนี้ ว่าทำไมถึงชอบทำอะไรไม่ เหมือนคนอื่นเขา ทำไมถึงอยากเป็นอย่างนี้ ทำตัวผิดเพศอย่างนั้น พวกเขาพวกเธอก็คงปฏิเสธลั่นว่า ใครว่า ผม ใครว่าหนู อยากเป็น อยากทำ มันเป็นเองต่างหาก จริงมั้ยที่สาวๆ หนุ่มดๆ พวกนี้เถียงว่ามันเป็นขึ้นเอง ไม่ใช่พวกเขา พวกเธออยากมีพฤติกรรมเช่นนั้น เราลองมาดูกันสิว่า สาเหตุที่ทำให้พวกนี้มีความเบี่ยงเบนทางเพศเช่นนี้เพราะอะไร เพื่อว่าเราจะได้ตัดสินใจถูกว่าพวกเราที่มีความรู้สึก และมีพฤติกรรมมีบุคลิกภาพแบบชายจริงหญิงแท้ ตามเพศที่พ่อแม่ช่วยกันผสมมาให้ ควรจะปฏิบัติคบหาสมาคมกับคนกลุ่ม ' ไม่แท้' ทั้งหลายอย่างไร แต่ก่อนอื่นมาแยกประเภทกันก่อนว่า พฤติกรรมผันแปรมีอย่างไรบ้าง
พวกแรก คือ พวกที่ชอบหาความสุขทางเพศกับเพศเดียวกัน คือ รักหรือชอบระหว่างชายกับชาย ที่มัก เรียกว่าพฤติกรรมของพวกเกย์ (GAY) หรือหญิงกับหญิง ที่มักเรียกว่าเลสเบี้ยน (LESBIAN) พวกนี้ปัจจุบัน กำลังทวีจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เพราะสังคมที่เปิดกว้าง และทัศนคติที่มีต่อค่านิยมที่ดีเบี่ยงเบนไปด้วย
พวกที่สอง คือ พวกที่หาความสุขและมีความสุขทางเพศได้ทั้งกับต่างเพศ และเพศเดียวกัน แน่นอน พวกไบเซ็กชวลลิตี้ (BISEXUALITY) เหล่านี้มีทั้งคนที่เกิดมาเป็นเพศหญิงหรือเป็นเพศชาย ไม่ใช่ว่าพวก นี้จะมีแต่พวกผู้ชายทำกันเท่านั้น
พวกที่สาม คือ เป็นพวกที่เกิดมามีอวัยวะเพศของทั้งสองเพศอยู่ในคนเดียวกัน เช่น อาจมีหน้าอก มีเต้า นมเต่งตั้งอย่างสาว แล้วก็มีองคชาตตั้งตัวได้อย่างหนุ่ม หรือมีอัณฑะด้วย และมีมดลูกด้วย เลยแยกไม่ออก กำหนดไม่ได้ว่า เป็นเพศหญิงหรือเพศชาย พวกนี้แหละคือพวกที่เราต้องเรียกตามภาษาแพทย์ว่า พวกะเทย (HERMAPHRODITE) ซึ่งยังแยกออกเป็น กะเทยแท้ (TPUE HERMAPHORODITE) ซึ่ง ลักษณะทางเพศภายนอกมองเห็นเด่นชัด ตรงกับฮอร์โมนในตัว กับกะเทยเทียม (PSEUDO HERMA PHRODITE) เป็นพวกลักษณะทางเพศภายนอกมองเห็นอย่างหนึ่ง แต่ฮอร์โมนที่ผลิตแท้จริงเป็นของอีก เพศหนึ่ง หรือไม่โครโมโซมผิดปกติไป กะเทยในพวกที่สามนี้ เป็นพวกที่น่าเห็นใจที่สุด และไม่น่าเป็นที่รังเกียขหรือติเตียนจากสังคมรอบตัว เนื่องจากพวกเขาหรือเธอจำใจมีพฤติกรรมผิดปกติ หรือเบี่ยงเบนไปบ้างตามสภาวะของร่างกาย
พวกที่สี่ คือ พวกลักเพศ (TRANSVESTISM) เป็นพวกที่เกิดเป็นชายแต่ชอบแต่งตัวเป็นหญิงหรือ พวกหญิงที่ทำท่ามาดแมนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบบผู้ชาย ที่เราเรียกล้อเลียนกันว่า หนุ่มสวยสาวหล่อ บางคน ที่ยังรู้สึกอาย และไม่แน่ใจว่าจะเป็นที่ยอมรับของสังคมคนรอบตัวหรือเปล่า ก็จะมีพฤติกรรมซ่อนเร้น หรือ ยอมให้รับรู้กันในกลุ่มที่ประพฤติเบี่ยงเบนเช่นกันเท่านั้น ชายหญิงพวกลักเพศนี้ มักพบว่ารักชอบเพศเดียวกัน ที่เรียกว่านิยมโฮโมเซ็กช่วล และอาจเป็นพวกที่ไม่มมีความสุขทางเพศกับเพศตรงข้ามโดยตรง แต่หาความ สุขความใคร่กับวัตถุสิ่งของตัวแทนของเพศตรงข้าม เช่น ชุดชั้นใน เสื้อผ้า แม้แต่ถุงน่อง รองเท้าก็ยังมี
พวกที่ห้า คือ พวกที่ไม่ยอมรับเพศของตัวเองตามที่เกิดมาและมีพฤติกรรม ทั้งบุคลิกภาพท่าทางต่างๆ การแต่งตัว คำพูดเป็นลักษณะของเพศตรงข้าม พวกนี้ปฏิเสธ แม้แต่อวัยวะเพศของตนเอง จิตใจจะกระวน กระวาย และพยายามทุกวิถีทางที่จะแปลงเพศให้เป็นหญิงหรือชายตามที่ตนปรารถนา ทำนองเจ็บตัวเท่าไร ก็ยอม เสียเงินเท่าไรก็สู้ พวกนี้เป็นอีกพวกที่แพทย์เรียกว่ามีภาวะของทรานเซ็กช่วลลิสม์ ซึ่งอาจเป็นเพราะ ความผิดปกติของโครโมโซมหรือเพราะภาวะแวดล้อม ตอนเล็กๆ ทำให้เป็นไปก็ได้ แต่ส่วนมากพวกทราน เซ็กช่วลลิสม์นี้มักเบี่ยงเบนเองโดยที่พ่อแม่ไม่อาจทัดทานได้ เท่าที่เคยพูดคุยสอบถามจากหนุ่มหรือสาวที่มี ความเบี่ยงเบนเช่นนี้
ตั้งแต่แรกเกิด ทั้งเด็กชายและหญิงจะมีการพัฒนาทางเพศไปพร้อมกับการเจริญเติมโตของร่างกาย และพร้อมๆกับการพัฒนาด้านอื่นๆ ที่ควรเป็นควรมี โดยธรรมชาติ และโดยการได้เรียนรู้จากผู้ค้นแวดล้อม เริ่มจากพ่อแม่ ครูอาจารย์ ญาติพี่น้อง และเพื่อนหรือคนในสังคมรอบตัว พัฒนาไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เด็กจนเข้า สู่วัยรุ่นจนเป็นผู้ใหญ่ และพัฒนาบ้างเสื่อมลงบ้างในบางด้านเมื่อเข้าสู่วัยชรา ลักษณาะของเพศหญิง เพศชาย รวมทั้งพฤติกรรมการแสดงออกต่างๆ โดยปกติจะเป็นไปตามเพศและ วัย หรือพูดได้ว่าเป็นไปตามฮอร์โมนเพศซึ่งเราได้เกิดมา นอกจากนั้นสิ่งแวดล้อมรอบตัวก็จะช่วยหล่อหลอม พฤติกรรมของเด็กชายเด็กหญิงไปด้วย เช่น ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ค่านิยม ของสังคมนั้นๆ แต่บางครั้งพฤติกรรมทางเพศของชายและหญิงบางคน ก็แสดงออกผิดแผกต่างไปจากคนทั่วๆไป ในสังคมแวดล้อมของเขาหรือในถิ่นกำเนิดของเขา โดยอาจเป็นเพราะเขาหรือเธอฝืนจิตใจ และความต้องการ ลึกๆ ภายในของตัวเองไม่ได้ บังคับควบคุมตัวเองให้ประพฤติตามที่คนส่วนมากในสังคมรอบตัวทำกันไม่ได้ หรือบางทีอาจเป็นไปโดยหลงผิดคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีกว่าเด่นกว่า แปลกกว่า เป็นแฟชั่นชั่วครั้งคราวก็มี แต่ไม่ถึง กับจะทำให้เกิดอาชญากรรมทางเพศ พวกที่ทำตัวแบบที่เรามองเห็นชัดได้ว่ามีบุคลิกภาพผิดปกติแบบมีความเบี่ยงเบนทางเพศ หรือประเภท ชายก็ไม่จริง หญิงก็ไม่แท้ เหล่านี้ ไม่ถึงกับเป็นโรคจิต และส่วนมากไม่ก่อให้เกิดปัญหาสังคมโดยตรง แต่ถึงกระนั้น พวกหนุ่มและสาวผิดเพศเดิมของตนประเภทนี้ ก็อาจก่อความรำคาญตา รบกวนจิตใจให้ คนใกล้ชิดในสังคมเดียวกันได้ หากรู้สึกต่อหญิงชายพวกนี้ว่าเป็นคนผิดปกติ และไม่น่าคบหาสมาคมด้วย และในแง่ตรงข้าม อาจเป็นกลุ่มส่งเสริมให้คนอื่นๆ มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศเช่นเดียวกันได้ ถ้าไปลองถามจากคุณหนุ่ม คุณสาว ประเภทชายไม่จริง หญิงไม่แท้พวกนี้ ว่าทำไมถึงชอบทำอะไรไม่ เหมือนคนอื่นเขา ทำไมถึงอยากเป็นอย่างนี้ ทำตัวผิดเพศอย่างนั้น พวกเขาพวกเธอก็คงปฏิเสธลั่นว่า ใครว่า ผม ใครว่าหนู อยากเป็น อยากทำ มันเป็นเองต่างหาก จริงมั้ยที่สาวๆ หนุ่มดๆ พวกนี้เถียงว่ามันเป็นขึ้นเอง ไม่ใช่พวกเขา พวกเธออยากมีพฤติกรรมเช่นนั้น เราลองมาดูกันสิว่า สาเหตุที่ทำให้พวกนี้มีความเบี่ยงเบนทางเพศเช่นนี้เพราะอะไร เพื่อว่าเราจะได้ตัดสินใจถูกว่าพวกเราที่มีความรู้สึก และมีพฤติกรรมมีบุคลิกภาพแบบชายจริงหญิงแท้ ตามเพศที่พ่อแม่ช่วยกันผสมมาให้ ควรจะปฏิบัติคบหาสมาคมกับคนกลุ่ม ' ไม่แท้' ทั้งหลายอย่างไร แต่ก่อนอื่นมาแยกประเภทกันก่อนว่า พฤติกรรมผันแปรมีอย่างไรบ้าง
พวกแรก คือ พวกที่ชอบหาความสุขทางเพศกับเพศเดียวกัน คือ รักหรือชอบระหว่างชายกับชาย ที่มัก เรียกว่าพฤติกรรมของพวกเกย์ (GAY) หรือหญิงกับหญิง ที่มักเรียกว่าเลสเบี้ยน (LESBIAN) พวกนี้ปัจจุบัน กำลังทวีจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เพราะสังคมที่เปิดกว้าง และทัศนคติที่มีต่อค่านิยมที่ดีเบี่ยงเบนไปด้วย
พวกที่สอง คือ พวกที่หาความสุขและมีความสุขทางเพศได้ทั้งกับต่างเพศ และเพศเดียวกัน แน่นอน พวกไบเซ็กชวลลิตี้ (BISEXUALITY) เหล่านี้มีทั้งคนที่เกิดมาเป็นเพศหญิงหรือเป็นเพศชาย ไม่ใช่ว่าพวก นี้จะมีแต่พวกผู้ชายทำกันเท่านั้น
พวกที่สาม คือ เป็นพวกที่เกิดมามีอวัยวะเพศของทั้งสองเพศอยู่ในคนเดียวกัน เช่น อาจมีหน้าอก มีเต้า นมเต่งตั้งอย่างสาว แล้วก็มีองคชาตตั้งตัวได้อย่างหนุ่ม หรือมีอัณฑะด้วย และมีมดลูกด้วย เลยแยกไม่ออก กำหนดไม่ได้ว่า เป็นเพศหญิงหรือเพศชาย พวกนี้แหละคือพวกที่เราต้องเรียกตามภาษาแพทย์ว่า พวกะเทย (HERMAPHRODITE) ซึ่งยังแยกออกเป็น กะเทยแท้ (TPUE HERMAPHORODITE) ซึ่ง ลักษณะทางเพศภายนอกมองเห็นเด่นชัด ตรงกับฮอร์โมนในตัว กับกะเทยเทียม (PSEUDO HERMA PHRODITE) เป็นพวกลักษณะทางเพศภายนอกมองเห็นอย่างหนึ่ง แต่ฮอร์โมนที่ผลิตแท้จริงเป็นของอีก เพศหนึ่ง หรือไม่โครโมโซมผิดปกติไป กะเทยในพวกที่สามนี้ เป็นพวกที่น่าเห็นใจที่สุด และไม่น่าเป็นที่รังเกียขหรือติเตียนจากสังคมรอบตัว เนื่องจากพวกเขาหรือเธอจำใจมีพฤติกรรมผิดปกติ หรือเบี่ยงเบนไปบ้างตามสภาวะของร่างกาย
พวกที่สี่ คือ พวกลักเพศ (TRANSVESTISM) เป็นพวกที่เกิดเป็นชายแต่ชอบแต่งตัวเป็นหญิงหรือ พวกหญิงที่ทำท่ามาดแมนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบบผู้ชาย ที่เราเรียกล้อเลียนกันว่า หนุ่มสวยสาวหล่อ บางคน ที่ยังรู้สึกอาย และไม่แน่ใจว่าจะเป็นที่ยอมรับของสังคมคนรอบตัวหรือเปล่า ก็จะมีพฤติกรรมซ่อนเร้น หรือ ยอมให้รับรู้กันในกลุ่มที่ประพฤติเบี่ยงเบนเช่นกันเท่านั้น ชายหญิงพวกลักเพศนี้ มักพบว่ารักชอบเพศเดียวกัน ที่เรียกว่านิยมโฮโมเซ็กช่วล และอาจเป็นพวกที่ไม่มมีความสุขทางเพศกับเพศตรงข้ามโดยตรง แต่หาความ สุขความใคร่กับวัตถุสิ่งของตัวแทนของเพศตรงข้าม เช่น ชุดชั้นใน เสื้อผ้า แม้แต่ถุงน่อง รองเท้าก็ยังมี
พวกที่ห้า คือ พวกที่ไม่ยอมรับเพศของตัวเองตามที่เกิดมาและมีพฤติกรรม ทั้งบุคลิกภาพท่าทางต่างๆ การแต่งตัว คำพูดเป็นลักษณะของเพศตรงข้าม พวกนี้ปฏิเสธ แม้แต่อวัยวะเพศของตนเอง จิตใจจะกระวน กระวาย และพยายามทุกวิถีทางที่จะแปลงเพศให้เป็นหญิงหรือชายตามที่ตนปรารถนา ทำนองเจ็บตัวเท่าไร ก็ยอม เสียเงินเท่าไรก็สู้ พวกนี้เป็นอีกพวกที่แพทย์เรียกว่ามีภาวะของทรานเซ็กช่วลลิสม์ ซึ่งอาจเป็นเพราะ ความผิดปกติของโครโมโซมหรือเพราะภาวะแวดล้อม ตอนเล็กๆ ทำให้เป็นไปก็ได้ แต่ส่วนมากพวกทราน เซ็กช่วลลิสม์นี้มักเบี่ยงเบนเองโดยที่พ่อแม่ไม่อาจทัดทานได้ เท่าที่เคยพูดคุยสอบถามจากหนุ่มหรือสาวที่มี ความเบี่ยงเบนเช่นนี้
