กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพ่อมดกับแม่มดน้อยคู่หนึ่งเป็นพี่น้องกัน
เมอร์ลินเป็นพ่อมดผู้พี่เขาโชคดีมีอำนาจวิเศษติดตัวมาตั้งแต่เกิด ส่วนมารีนเป็นแม่มดผู้น้อง เธอเป็นแม่มดน้อยที่ไม่มีพลังวิเศษใด ๆ มิหนำซ้ำ เธอยังเป็นเด็กหัวช้าเสียอีก
แม้มารีนจะไม่ฉลาดหรือมีพรสวรรค์เหมือนกับพี่ชาย แต่เธอก็พยายามเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อย่างไม่เคยย่อท้อ ซึ่งผิดกับเมอร์ลินที่นอกจากจะหยิ่งทะนงและไม่เคยคิดขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมแล้ว เขายังมักจะพูดจาดูถูกน้องสาวของตัวเองอยู่เสมอ
เมื่อพ่อกับแม่สังเกตเห็นการกระทำของเมอร์ลิน ทั้งคู่จึงคิดว่าพวกเขาควรจะทำอะไรสักอย่าง ด้วยเหตุนี้เอง พ่อกับแม่จึงตัดสินใจส่งลูกทั้งสองไปเรียนวิชาเวทมนตร์ เพื่อเตรียมให้ลูก ๆ เข้าแข่งขันชิงตำแหน่งสุดยอด พ่อมดแม่มดรุ่นจิ๋ว
มารีนตื่นเต้นมากที่พ่อกับแม่จะส่งเธอไปเรียนวิชาเวทมนตร์กับพ่อมดแม่มดฝีมือเยี่ยม
ส่วนเมอร์ลินกลับรู้สึกเบื่อหน่ายเพราะเขามั่นใจในพรสวรรค์ของตัวเองมากเหลือเกิน แต่อย่างไรก็ตาม เมอร์ลิน ก็ไม่อาจขัดคำสั่งของพ่อกับแม่ได้
ครูคนแรกของเมอร์ลินและมารีนคือแม่มดชราผู้เชี่ยวชาญใน การปรุงยาวิเศษ คุณครู แม่มดสอนลูกศิษย์ตัวน้อยให้ทดลองปรุงยาสูตรต่าง ๆ รวมทั้งยาสูตรลับที่มีตุ๊กแก จิ้งเหลน จิ้งจก และขี้มูก ขี้ตา ขี้ฟันเป็นส่วนผสม มารีนซึ่งรู้ว่าตัวเองไม่เก่งมีความสุขมากที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ส่วนเมอร์ลินที่แสนอวดดีก็ได้แต่ปล่อยให้คำสอนของคุณครูเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะเขาเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถใช้พรสวรรค์ที่มีอยู่คิดค้นสูตรยาใหม่ ๆ ขึ้นมาเมื่อไรก็ได้
เมื่อเมอร์ลินกับมารีนเรียนวิชากับคุณครูแม่มดจนจบหลักสูตร ทั้งคู่ก็เดินทางต่อไปยังบ้านของคุณครูคนที่สอง
คุณครูคนที่สองของเมอร์ลินและมารีนคือพ่อมดผู้เชี่ยวชาญในการแปลงกาย เมื่อพ่อมดได้พบกับลูกศิษย์ พ่อมดก็สอนวิชาแปลงกายให้แก่ลูกศิษย์โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน มารีนดีใจมากที่คุณครูสอนวิธีแปลงกายจากง่ายไปยาก เธอตั้งใจเรียนรู้และจดบันทึกขั้นตอนต่าง ๆ อย่างละเอียด ส่วนเมอร์ลินที่แปลงกายเป็นอยู่แล้ว ก็ได้แต่นึกดูถูกฝีมือของคุณครูพ่อมด แล้วพานไม่สนใจเรียนจนพลาดวิธีแปลงกายแบบซับซ้อนที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน
เมื่อสองพี่น้องฝึกการแปลงกายจนจบหลักสูตร ทั้งคู่ก็เดินทางต่อไปยังบ้านของคุณครูคนที่สาม คุณครูคนที่สามของเมอร์ลินและมารีนเป็นแม่มดสาวผู้เชี่ยวชาญในการร่ายเวทมนตร์ คุณครูท่านนี้เป็นแม่มดอัจฉริยะที่เกิดมาโดยมีอำนาจวิเศษเหมือนเมอร์ลิน แต่เธอมีสติปัญญาที่ฉลาดล้ำทำให้สามารถคิดสร้างสรรค์เวทมนตร์มหัศจรรย์ได้มากมายไม่รู้จบ มารีนสนุกกับการเรียนวิชาเวทมนตร์กับครูสาวแสนสวยมาก เธอตั้งคำถามทุกครั้งที่สงสัยและคุณครูก็ตอบข้อข้องใจให้เธออย่างละเอียด ฝ่ายเมอร์ลินนั้น...เมื่อเขาเห็นว่าคุณครูมีอายุน้อย เขาจึงตั้งป้อมไม่ยอมใส่ใจในสิ่งที่คุณครูแนะนำ
หลังจากที่แม่มดสาวถ่ายทอดวิชาให้ลูกศิษย์จนหมดสิ้น เมอร์ลินและมารีนก็ลาครูเพื่อมุ่งหน้าไปยังงานประลองฝีมือ
เมอร์ลินมั่นใจว่าตัวเขาจะต้องคว้าตำแหน่งสุดยอดพ่อมดรุ่นจิ๋วมาได้แน่ ๆ ส่วนมารีนก็เชื่อว่าพี่ชายของเธอน่าจะได้เป็นผู้ชนะ
เมื่อเมอร์ลินและมารีนไปถึงงานประลอง สองพี่น้องก็แยกกันไปแข่งขันชิงตำแหน่งสุดยอดพ่อมดแม่มดรุ่นจิ๋ว เมอร์ลินใช้พลังวิเศษส่วนตัวเอาชนะพ่อมดคู่แข่งได้อย่างสบาย ฝ่ายมารีนก็ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาเอาชนะแม่มดน้อยทั้งหลายได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ในที่สุด สองพี่น้องก็ต้องมาชิงชัยกันเอง
เมอร์ลินแปลกใจมากเมื่อเห็นว่าคู่แข่งคนสุดท้ายกลับกลายเป็นน้องสาวที่มีฝีมือไม่เอาไหนของเขา ส่วนมารีนเองก็คาดไม่ถึงว่าเธอจะสามารถเอาชนะใครต่อใครจนมีสิทธิ์มาชิงชัยกับพี่ชายผู้มีพรสวรรค์ และเมื่อถึงเวลาที่สองพี่น้องต้องประลองฝีมือกัน เมอร์ลินก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบว่าน้องสาวหัวช้าของเขาสามารถปรุงยา แปลงกาย และร่ายเวทมนตร์ได้อย่างเหนือชั้น
และแล้ว...พ่อมดน้อยจอมยโสก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความสามารถของน้องสาวที่หมั่นเพียรเรียนวิชาจากคุณครู (ทั้ง ๆ ที่เธอหัวไม่ดีสักเท่าไหร่) เมอร์ลินงุนงงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้สึกผิดที่มัวหลงในพรสวรรค์และปิดกั้นตัวเองในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
พ่อมดน้อยผู้สำนึกผิดมองน้องสาวของเขาด้วยความชื่นชม เขาเชื่อแล้วว่าคนที่เกิดมาไม่เก่งแต่มีความพากเพียรในการเรียนรู้ สักวันหนึ่ง...ผลแห่งความพากเพียรก็จะปรากฏให้เห็นดังเช่นที่เขาได้ประจักษ์อยู่ตรงหน้า
เมอร์ลินสัญญากับตัวเองว่าเขาจะเลิกนิสัยชอบดูถูกผู้อื่นและเลิกหลงในพรสวรรค์ของตัวเองเสียที
พ่อกับแม่ของเมอร์ลินดีใจมากที่ลูกชายได้บทเรียนในการปรับปรุงนิสัย ซึ่งหลังจากที่เมอร์ลินเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยดูน้องสาวเป็นตัวอย่าง ท้ายที่สุด...เมอร์ลินก็เติบโตขึ้นเป็นพ่อมดที่เก่งกาจและมีชื่อเสียงมากที่สุดผู้หนึ่งในโลก
