เรื่องนี้เกิดกับเพื่อนผม แต่ขอนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นอุทาหรณ์ เตือนสติคุณสาวๆ ที่ขับรถยนต์เป็นประจำ นก เพื่อนของผมขับรถไปชนท้ายรถ ซึ่งจอดติดไฟแดงอยู่ข้างหน้า หลังเรียกประกันภัยยังจุดเกิดเหตุแล้วก็ต้องไปว่ากันต่อที่โรงพัก ทีนี้พอถึงโรงพักเรื่องมันก็จะชักยุ่ง เพราะเจ้าของรถยนต์คู่กรณีของเพื่อนผมเขาโวยวาย จะเรียกเงินค่าซ่อมกันชนหลัง (ที่อ้างว่ายุบเพราะถูกรถยนต์เพื่อนผมจูบท้ายไปเบาๆ) 4,000 บาท ทีแรกพนักงานตรวจเคลมของบริษัทประกันก็ไม่ยอม แต่ต่อรองกันไปต่อรองกันมาอีท่าไหนไม่ทราบ พนักงานตรวจเคลมดันไปยอมรับราคาของคู่กรณี และวันนั้นนกรีบไปทำธุระอีกที่หนึ่ง และที่สำคัญที่สุดคงไม่มีใครพิศวาสอยากอยู่โรงพักนานๆ เธอคิดว่าเงินแค่ 4,000 บาท จ่ายไปก่อนจะได้ไม่เสียเวลา เพราะถึงอย่างไรบริษัทประกันภัยก็ต้องจ่ายเงินคืนเธออยู่ดี นกจึงเสนอให้เจ้าของรถยนต์คู่กรณีเพื่อให้เรื่องยุติโดยเร็วว่า เธอยอมสำรองจ่ายเงิน 4,000 บาทให้เขาไปก่อน และขอให้พนักงานตรวจเคลมของบริษัทประกันภัยเบิกเงินบริษัทมาคืนเธอภายหลัง พนักงานตรวจเคลมก็ตกปากรับคำว่าจะดำเนินการให้ เมื่อทุกฝ่ายตกลงกันได้ พนักงานสอบสวนเองจึงแนะนำด้วยความหวังดีเช่นกันครับ กรณีนี้ไม่ต้องลงบันทึกประจำวันเสียค่าปรับ 400 บาทก็ได้ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันดี จากนั้นต่างฝ่ายก็แยกย้ายกันไป
แต่ปัญหามันอยู่ตรงนี้ครับ บริษัทประกันภัย(แทบทุกแห่ง)ต้องใช้ใบบันทึกประจำวันของตำรวจ เป็นหลักฐานในการเบิกเงินเคลม กรณีนี้ต้องมีใบเสร็จของเงิน 4,000 บาทว่าได้จ่ายเป็นค่าอะไหล่ ซึ่งใบเสร็จค่าอะไหล่จะมีก็ต่อเมื่อมีการเปลี่ยนอะไหล่จริง แต่ในเรื่องนี้พอคู่กรณีได้เงิน 4,000 บาทไปแล้วก็หายจ้อย
ชักสนุกแล้วสิ ใบเสร็จก็ไม่มี ใบบันทึกประจำวันก็ไม่มี สุดท้ายเรื่องนี้ก็เลยต้องจบลงไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของนก วันนี้ผมไม่รู้ว่านกได้เงินคืนหรือยัง หรือต้องรออีกนนานแค่ไหน ดังนั้นต้องจำให้ขึ้นใจว่า เมื่อรถมีประกันภัย เถียงหัวชนฝาให้บริษัทประกันจ่ายจ่าย อย่าใจอ่อนสำรองจ่ายไปก่อนเชียว ไม่อย่างนั้นต้องมาปวดหัวทีหลัง ไหนๆก็เสียค่าเบี้ยประกันแล้ว อย่าเสียค่าโง่อีกเลยครับ