ฉันมันโง่!!! บทเรียนราคาแพงของคนทำแท้ง


ตกใจอยู่ไม่น้อย เมื่อเพื่อนสาวที่ร่ำเรียนด้วยกันมา มานั่งสะอื้นพร้อมพรั่งพรูเรื่องราวอันเลวร้ายที่เธอประสบพบเจอ และการพูดคุยครั้งนี้เธอบอกพร้อมถ้าเรื่องราวของเธอจะเผยแพร่ต่อสาธารณชนในฐานะต้องการเป็นอุทาหรณ์สอนใจสาวๆ

"ฉันไม่คิดว่าครั้งหนึ่งตัวเองจะผ่านประสบการณ์เลวร้ายถึงเพียงนี้" เธอเริ่มต้น

"อาทิตย์ที่แล้วฉันไปทำแท้งมา ฉันมันโง่...ฉันมันโง่..."เธอโทษตัวเอง

เหตุผลที่ทำให้เธอโทษตัวเองเพราะเธอรู้สึกว่า...เธอโดนหลอกให้เสียตัว... แล้วก็ท้องในที่สุด

"ผู้ชายคนนั้นเขามาขอคบฉันเป็นแฟน ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าฉันท้องจริงไหม เพราะมันไม่มีอาการแพ้เลย ที่สำคัญฉันไม่กล้าปรึกษาใครทั้งนั้น โดยเฉพาะคนในครอบครัว ฉันรู้ว่าคงไม่มีพ่อแม่คนไหนรับได้ ที่สำคัญฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของที่บ้าน"

เมื่อเธอคิดหน้าคิดหลังดีแล้วว่าจำเป็นต้องทำแท้งเพราะชายที่ทำเธอท้องนั้นไม่ยอมรับเด็กในท้อง เธอจึงปรึกษาเพื่อนที่เคยทำ เพื่อนแนะนำให้ไปที่คลีนิคแถวจรัญสนิทวงศ์ 68 พอตรวจหมอนัดเธออีก 2 วัน และให้กินยาเร่งคลอดก่อนกลับ พอวันนัดไปถึงเจ้าหน้าที่ให้เปลี่ยนชุดเป็นชุดคนไข้ ไม่ให้ใส่กางเกงชั้นใน แล้วก็เรียกให้เข้าไปในห้องทำแท้ง

“ในห้องมีอุปกรณ์ มีเตียงขาหยั่ง เขาให้ฉันขึ้นไปนั่งบนเตียง ทำความสะอาด แล้วเอายาเม็ดสีขาวผสมน้ำนิดหน่อยสอดเข้าไป ต้องทำอย่างนี้ทุกๆ 4 ชั่วโมง มันเจ็บมาก พอยาเริ่มออกฤทธิ์ จะปวดท้องปวดจนฉันทนไม่ไหวร้องตะโกนเสียงดัง หมอจึงมาตรวจช่องคลอด ปรากฏว่ามันขยายได้ที่แล้ว หมอทำอะไรไม่รู้รู้แต่ว่าเจ็บมาก แล้วเรารู้สึกอีกทีคือเลือดไหลออกมา สักพักหมอให้เบ่ง หมอกดหน้าท้องฉัน มันเหมือนมีอะไรออกมา แล้วเขาก็กดอีกเหมือนให้มันออกมาให้หมด สักพักหมอให้นอนพัก แล้วกลับบ้านได้”

ตอนนั้นฉันคิดถึงแม่ตลอด สงสารแม่ที่มีลูกอย่างฉัน ฉันตั้งท้องทำให้ฉันรักแม่เรามากขึ้น มันเป็นความผูกพันที่เกิดขึ้นมาเอง และฉันได้สวดมนต์ แผ่เมตตาบอกลูกว่าขอโทษที่ทำอย่างนี้อย่าโกรธในสิ่งที่ทำไป

ในตอนท้ายสาววัย 18 ปีผู้นี้ ฝากเป็นอุทาหรณ์ ว่า ผู้หญิงทุกคนอย่าเสียตัวให้ใครง่ายๆ ถ้าถึงขั้นจะต้องมีความสัมพันธ์กับใครก็ขอให้รู้จักป้องกัน เพราะมันไม่คุ้มกันเลยกับการที่ต้องมาเสียเงินเป็นหมื่นๆ แถมเสียใจเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต

“ฉันอยากให้ฉันเป็นคนสุดท้ายที่ต้องทำสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต ถึงคนที่อ่านเรื่องของเราไป พวกคุณมีสิทธิที่จะว่าฉันได้ เพราะฉันรู้ดีว่าฉันผิด แต่นี่คือบทเรียนที่มีค่าที่สุดของชีวิตฉัน”






Insurance