น้องกิ๊บ ได้เสียชีวิตจากครอบครัวไปตอนอายุ 19 ปี พี่สาวของเธอเป็นผู้เล่าเรื่องราวของน้องกิ๊บให้เราฟัง
"จุดเริ่มต้นของฉันกับกิ๊บเริ่มมาจากจุดเดียวกัน แต่นับตั้งแต่วันที่กิ๊บเริ่มติดยาชีวิตเราเริ่มแตกต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดกิ๊บได้ตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะทนความเจ็บปวดของฤทธิ์ยาไม่ได้"
ตอนเด็กๆ เรามีกันสามคน พ่อจากเราไปนานมากแล้ว เหลือเพียงแม่คนเดียวที่คอยดูแลฉันกับกิ๊บ แม่ไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยแต่แม่เป็นผู้หญิงที่ใจดีและอดทนมาก ฉันไม่รู้จริงๆว่าทำไมฉันกับกิ๊บถึงมีเส้นทางเดินที่ต่างกันมากขนาดนี้ จำได้ว่าตอนมัธยมต้น ฉันเป็นเด็กเรียนดีเป็นที่รักของครูทุกคน ส่วนน้องสาวของฉันกลับกลายเป็น "ยัยตัวแสบ" ของโรงเรียน ถ้าโรงเรียนบอกให้วไว้ผมสั้นเธอก็จะตัดสั้นเกรียนเหมือนผู้ชายเพื่อประชดครู ถ้าโรงเรียนบอกให้พับถุงเท้าให้เป็นระเบียบ กิ๊บก็จะม้วนถุงเท้าเป็นกลมๆและสักเต็มตัวไปหมด อะไรที่เด็กเกเรเค้าทำ กิ๊บทำมาหมดแล้วทั้งนั้น
"จำได้ว่าแม่ร้องไห้บ่อยมาก ตอนเด็กๆ ฉันโกรธน้องมาก โกรธที่ทำให้แม่เสียใจและโกรธที่เค้าเป็น "ยัยตัวแสบ" ตลอดเวลา และโกรธมากขึ้นเมื่อรู้ว่าเค้าเริ่มติดยาเสพติด" ฉันและแม่ได้กลิ่นแปลกๆออกมาจากห้องนอนของกิ๊บ กลิ่นนั้นเหมือนกัญชา เราทะเลาะกันรุนแรงมากจนกิ๊บหนีออกจากบ้านไป แม่และฉันพยายามตามหาจนไปเจอห้องพักแคบๆ ที่มีเด็กมัธยมรุ่นราวคราวเดียวกับกิ๊บเกือบ 10 คนกำลังสูบยากันอยู่ ตอนนั้นตกใจมากที่เห็นสภาพน้อง กิ๊บมีดวงตาที่เหม่อลอย ยิ้มคนเดียว บางทีก็ซึมไป บางทีก็หัวเราะไม่หยุด ฉันไม่รู้ว่าน้องเสพยาชนิดไหนเข้าไป ในตอนนั้นคิดเพียงว่าจะต้องรีบพาเค้ากลับบ้านและไปหาหมอ เพื่อบำบัดยา
แม่และฉัน พยายามทุกทางที่จะให้กิ๊บเลิกยาให้ได้ เราพากิ๊บไปบำบัดที่ต่างจังหวัด ครั้งแรกสองสัปดาห์ แต่ดูเหมือนว่าไม่เป็นผล เพราะพอกิ๊บกลับบ้านมาและกลับไปเรียน กิ๊บก็กลับไปติดยาอีกครั้ง ครั้งนี้หนักกว่าเดิมเพราะกิ๊บเริ่มมีแฟนและไม่ยอมกลับบ้าน แม่และฉันฝ่าฝนไปตามกลับมา คำตอบที่ได้รับคือ "กิ๊บจะยอมกลับต่อเมื่อให้แฟนกิ๊บกลับไปอยู่ด้วย" ตอนนั้นฉันนอนล๊อคกลอนทุกคืน เป็นความรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก สภาพของคนที่ติดยาไม่ต่างอะไรกับคนที่ไร้สติ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ อารมณ์คลุ้มคลั่งง่ายมาก และกิ๊บก็ดูผอมลงไปเยอะมาก
แม่พยายามพากิ๊บไปหาหมออีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เป็นผลเพราะกิ๊บสะบัดแขนหนีตอนที่เราไปถึงโรงพยาบาลและหายตัวไป แม่และฉันพยายามตามหากิ๊บเกือบสามอาทิตย์ พบกิ๊บอีกทีถึงได้รู้ว่ากิ๊บเพิ่งไปทำแท้งมา ตอนที่เราพบกิ๊บ เราพบกิ๊บในสภาพที่นอนกลิ้งอยู่ข้างถนน มีคนโทรไปบบอก เป็นญาติห่างๆของเรา แม่ได้แต่ร้องไห้ไม่หยุด ฉันเองก็รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน อาการติดยาของกิ๊บไม่ดีขึ้นเลย ดูหนักมากขึ้นกว่าเก่า ตอนนั้นกิ๊บไม่เพียงแค่ดวงตาเหม่อลอย ขอบตาดำคล้ำไร้สติ แต่ยังเริ่มทำร้ายตัวเอง ฉันเห็นน้องกรีดข้อมือตัวเอง ฉันเห็นน้องร้องไห้ ฉันเห็นน้องมือสั่นเทาพยายามจะเสพยา แต่ฉันก็ไม่รุ้จะทำอย่างไรดี ที่จะให้น้องเลิกยาให้ได้ ตอนนั้นฉันยังเด็ก รู้สึกโกรธน้องมากๆ โกรธจนไม่อยากจะสนใจอีกแล้วว่าเค้าจะเป็นอย่างไร
3 ปีผ่านไปกับความพยายามที่จะให้น้องเลิกยาและหันกลับมาใช้ชีวิตปกติไม่เป็นผล แม่และฉันจึงตัดสินใจปล่อยเค้าไป ครั้งที่ห้าที่เค้าหนีออกจากบ้านและไม่กลับมา เราไม่ได้ไปตามกลับบ้านแล้วในครั้งนี้ แปลกมากที่ในตอนนั้นฉันกลับรู้สึกปลอดภัย ตอนนั้นฉันเลยเพิ่งเข้าใจว่าคนที่ติดยาเสพติดน่ากลัวขนาดไหน เพราะจำได้ว่าเวลาที่อยู่บ้านเดียวกัน กิ๊บมักกรีดร้อง ร้องไห้ ทุบตีตัวเอง อารมณ์รุนแรงตลอดเวลา แม้ว่าแม่และฉันจะรู้สึกปลอดภัยเวลาที่กิ๊บไม่อยู่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือความกังวล เราไม่รู้ว่ากิ๊บจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร จนเมื่อเวลาผ่านเกือบ 6 เดือนเราจึงได้รับข่าวจากเพื่อนกิ๊บ
" ตอนนั้นเกือบห้าทุ่มแล้ว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เพื่อนกิ๊บโทร.มาบอกว่ากิ๊บตายแล้ว เพื่อนกิ๊บเล่าว่ากิ๊บพยายามจะเลิกยา แต่มันเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน มันทรมานจนต้องฉีดยาอัดเข้าไปอย่างรุนแรงจนร่างกายรับไม่ไหว" ฉันนิ่งฟังเสียงในโทรศัพท์อย่างไม่มีสติ ไม่รู้จะบอกแม่ว่าอย่างไรดี ความรู้สึกผิดเข้ามาจับหัวใจ ฉันได้แต่โทษตัวเองที่คอยเอาแต่โกรธและว่าน้อง เสียใจที่ไม่ได้เป็นพี่ที่ดี เป็นพี่ที่เข้าใจเลย
ตอนนี้เวลาผ่านมาเกือบ 5 ปีแล้วที่กิ๊บจากไป เวลาที่ย้อนนึกถึงกิ๊บทีไร ทำให้ฉันรู้สึกเสียใจ ถ้าในตอนนั้นฉันโตกว่านี้ ฉันคงไม่ว่าน้อง ไม่โกรธน้องอย่างที่ผ่านมา และบางทีทุกอย่างมันอาจจะดีขึ้น อยากบอกพี่สาวทุกคนที่มีน้องกำลังติดยา หรือเป็นเด็กเกเรว่า "อย่าโกรธเค้าเลย พยายามเข้าใจเค้าให้มากที่สุด ในสภาวะนี้ คนที่เค้าต้องากรที่สุดคือที่พึ่ง คนที่จะช่วยปลอบเค้าได้ คนที่จะให้อภัยในความผิดพลาดของเค้า คนที่จะทำให้เค้ามีกำลังใจที่เข้มแข็งมากขึ้น มีกำลังใจที่จะเข้มแข็งพอที่จะต่อสู้กับจิตใจอ่อนแอของตัวเอง" กรณีของกิ๊บ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกิ๊บเห็นตัวเองไร้ค่า ไร้ความหมายกับทุกคน กิ๊บรู้สึกว่าตัวเองทำให้แม่เสียใจ ไม่มีอะไรดี ชีวิตยิ่งจมลงไปเรื่อยๆ และใช้ยาเสพติดเข้ามาแก้ปัญหา
ฉันไม่อยากให้ใครได้มีโอกาสลองยาเสพติดเลยแม้เพียงครั้งเดียว ฉันหวังว่าดวงวิญญาณของกิ๊บจะไปสู่ที่สงบและมีความสุข และหวังว่าเพื่อนๆหลายคนที่มีคนใกล้ตัวติดยาเสพติดอยู่ คุณจะช่วยเค้าและเป็นกำลังใจให้เค้ากล้าที่จะต่อสู้กับตัวเองให้เลิกยาให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไปเหมือนน้องสาวของฉัน"