ภาพคุ้นชินเวลาดูเอ็มวีเพลงรัก มักหนีไม่พ้นฉากที่นางเอกงอนสะบัด ปัดข้าวของบนโต๊ะเกลื่อนกลาดพื้นห้อง ด้วยแรงโมโห หรือไม่คุณเธอก็จะเชิดหน้า สะบัดตูด วิ่งออกไปจากห้องด้วยแรงอารมณ์ ร้อนถึงฝ่ายพระเอกที่ต้องวิ่งตามไปงอนง้อสุดฤทธิ์ แหม...หล่อนจะงอนอะไรขนาดนั้น บางครั้งแอบคิดอย่างนี้เหมือนกันนะ แล้วชีวิตจริงล่ะ เราควรจะงอนแค่ไหน และง้อด้วยวิธีใดในแต่ละสถานการณ์ เรื่องนี้ชวนติดตาม เผื่อจะได้เก็บเอาไปใช้ในชีวิตจริงได้บ้าง
ข้อตกลงที่แน่ชัดหากรักจะคบกัน
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก ดำเนินไปอย่างราบรื่น คือการพูดคุยตกลงกันไว้ตั้งแต่ต้น ในเรื่องที่ทั้งสองฝ่าย "รับได้" และ "รับไม่ได้" เพราะแม้จะรักกันดูดดื่มแค่ไหน เขาและเราต่างเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ที่บางครั้งบางเวลาอาจพ่าย แก่อารมณ์จนทำอะไรล้ำเส้นกันได้
หนักกว่านั้น บางคนอาจมีแฟนที่ไม่เซนซิทีฟเอามาก ๆ ไม่รู้แม้กระทั่งว่าสิ่งไหน อะไรบ้างจะทำให้คนรักเจ็บปวดได้ เรื่องเหล่านี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมานั่งจับเข่าคุยกัน อย่างจริงจัง เพราะความสนิทสนมไม่สามารถรับประกันได้ว่า จะรู้ใจกันไปหมด การทำความตกลงในเรื่องสำคัญ ๆ บางอย่างไว้ตั้งแต่ต้นจะทำให้ไม่ต้องมางอนตุ๊บป่องได้ ในภายหลัง พลาดพลั้งโชคร้ายเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายรับไม่ได้จริง ๆ อาจร้ายแรงถึงขั้นเลิกรากันได้
-->1-8 ข้อต่อไปนี้ เรียงลำดับความสำคัญว่ากันตั้งแต่ร้ายแรงน้อยไปจนถึงคอขาดบาดตาย ที่ควรมีการตกลงกัน
สนธิสัญญาป้องกันการงอนตุ๊บป่อง
8. แต่งตัวหรือช็อปปิ้งนานเกินเหตุ
7. ไม่มีการบอกล่วงหน้า ถ้าจะเลื่อนนัดหรือจะมาเลท
6. ไม่มีการผิดนัดซ้ำ ๆ ซาก
5. ไม่พูดจาแย่ ๆ หยาบคาย หรือพูดภาษาพ่อขุนต่อกัน
4. ห้ามพูดหยาบคาย หรือพูดภาษาพ่อขุนต่อหน้าเพื่อนของแต่ละฝ่าย
3. ไม่มีการตวาด หรือข่มขู่กัน
2. ห้ามหลีหญิง (ชาย) อื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง
1. อย่าโกหกในเรื่องสำคัญ ๆ เช่น โกหกว่าฐานะดีกว่าความเป็นจริง โกหกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอดีต ฯลฯ จับได้ทีหลังมันเสียความรู้สึก
เจรจาตกลงไว้ตั้งแต่เริ่มต้นคบกันเป็นการป้องกัน การกระทบกระทั่งภายหลังในเรื่องที่อีกฝ่ายซีเรียส และหากเผลอทำผิดสนธิสัญญา อีกฝ่ายงอนก็ค่อยสมเหตุสมผลหน่อย เพราะได้คุยกันไว้ก่อนแล้วนี่ คนที่ผิดจงทำหน้าที่ง้อซะดี ๆ แบบนี้ถึงจะเป็นการงอนและง้อที่ควรแก่เหตุ
การคุยกันไว้ตั้งแต่ต้นแบบนี้ ไม่ได้ดีเฉพาะกับเรื่องงอน ๆ ง้อ ๆ เท่านั้นนะ ยังดีต่อความสัมพันธ์โดยรวมของคู่รักด้วย เพราะเมื่อรู้จุดอ่อนไหวของแต่ละฝ่าย แล้วจะได้ระมัดระวัง นอกจากนั้นการพูดคุยกันในเรื่องนี้ยังเป็นการ "หาระยะ" หรือช่องว่างเอาไว้หายใจของแต่ละฝ่ายด้วย อย่างเช่น ในเรื่องของการมาสายหรือขอเลื่อนนัด ถ้าตกลงกันไว้แต่ต้น ฝ่ายที่มีเหตุจำเป็นให้ต้องมาเลท จะได้ไม่เกร็งเกินไป ในการโทรมาเลื่อนเวลา หรือถ้าไปไม่ได้จริง ๆ ก็สามารถคุยกันด้วยเหตุด้วยผลได้ว่า เพราะอะไร แค่นี้ก็ไม่ต้องงอนกันให้เหนื่อยแล้ว
ข้อตกลงที่แน่ชัดหากรักจะคบกัน
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก ดำเนินไปอย่างราบรื่น คือการพูดคุยตกลงกันไว้ตั้งแต่ต้น ในเรื่องที่ทั้งสองฝ่าย "รับได้" และ "รับไม่ได้" เพราะแม้จะรักกันดูดดื่มแค่ไหน เขาและเราต่างเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ที่บางครั้งบางเวลาอาจพ่าย แก่อารมณ์จนทำอะไรล้ำเส้นกันได้
หนักกว่านั้น บางคนอาจมีแฟนที่ไม่เซนซิทีฟเอามาก ๆ ไม่รู้แม้กระทั่งว่าสิ่งไหน อะไรบ้างจะทำให้คนรักเจ็บปวดได้ เรื่องเหล่านี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมานั่งจับเข่าคุยกัน อย่างจริงจัง เพราะความสนิทสนมไม่สามารถรับประกันได้ว่า จะรู้ใจกันไปหมด การทำความตกลงในเรื่องสำคัญ ๆ บางอย่างไว้ตั้งแต่ต้นจะทำให้ไม่ต้องมางอนตุ๊บป่องได้ ในภายหลัง พลาดพลั้งโชคร้ายเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายรับไม่ได้จริง ๆ อาจร้ายแรงถึงขั้นเลิกรากันได้
-->1-8 ข้อต่อไปนี้ เรียงลำดับความสำคัญว่ากันตั้งแต่ร้ายแรงน้อยไปจนถึงคอขาดบาดตาย ที่ควรมีการตกลงกัน
สนธิสัญญาป้องกันการงอนตุ๊บป่อง
8. แต่งตัวหรือช็อปปิ้งนานเกินเหตุ
7. ไม่มีการบอกล่วงหน้า ถ้าจะเลื่อนนัดหรือจะมาเลท
6. ไม่มีการผิดนัดซ้ำ ๆ ซาก
5. ไม่พูดจาแย่ ๆ หยาบคาย หรือพูดภาษาพ่อขุนต่อกัน
4. ห้ามพูดหยาบคาย หรือพูดภาษาพ่อขุนต่อหน้าเพื่อนของแต่ละฝ่าย
3. ไม่มีการตวาด หรือข่มขู่กัน
2. ห้ามหลีหญิง (ชาย) อื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง
1. อย่าโกหกในเรื่องสำคัญ ๆ เช่น โกหกว่าฐานะดีกว่าความเป็นจริง โกหกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอดีต ฯลฯ จับได้ทีหลังมันเสียความรู้สึก
เจรจาตกลงไว้ตั้งแต่เริ่มต้นคบกันเป็นการป้องกัน การกระทบกระทั่งภายหลังในเรื่องที่อีกฝ่ายซีเรียส และหากเผลอทำผิดสนธิสัญญา อีกฝ่ายงอนก็ค่อยสมเหตุสมผลหน่อย เพราะได้คุยกันไว้ก่อนแล้วนี่ คนที่ผิดจงทำหน้าที่ง้อซะดี ๆ แบบนี้ถึงจะเป็นการงอนและง้อที่ควรแก่เหตุ
การคุยกันไว้ตั้งแต่ต้นแบบนี้ ไม่ได้ดีเฉพาะกับเรื่องงอน ๆ ง้อ ๆ เท่านั้นนะ ยังดีต่อความสัมพันธ์โดยรวมของคู่รักด้วย เพราะเมื่อรู้จุดอ่อนไหวของแต่ละฝ่าย แล้วจะได้ระมัดระวัง นอกจากนั้นการพูดคุยกันในเรื่องนี้ยังเป็นการ "หาระยะ" หรือช่องว่างเอาไว้หายใจของแต่ละฝ่ายด้วย อย่างเช่น ในเรื่องของการมาสายหรือขอเลื่อนนัด ถ้าตกลงกันไว้แต่ต้น ฝ่ายที่มีเหตุจำเป็นให้ต้องมาเลท จะได้ไม่เกร็งเกินไป ในการโทรมาเลื่อนเวลา หรือถ้าไปไม่ได้จริง ๆ ก็สามารถคุยกันด้วยเหตุด้วยผลได้ว่า เพราะอะไร แค่นี้ก็ไม่ต้องงอนกันให้เหนื่อยแล้ว