ว่าด้วยเรื่องพฤติกรรม''แอ๊บแบ๊ว''ของวัยรุ่นไทย

ว่าด้วยเรื่องพฤติกรรม''แอ๊บแบ๊ว''ของวัยรุ่นไทย
<br> <br> เเอ๊บแบ๊ว.. <br> เคยได้ยินคำว่า"แอ๊บแบ๊ว"กันมั้ยคะ? เอ็นทรี่นี้ไม่ได้เขียนโดยใช้ reference จากตัวเองแน่ๆ ค่ะแต่รู้สึกว่าอาการนี้กำลังระบาดไปทั่วจริงๆเป็นยังไงมาดูกัน.. <br> <br> "แอ๊บแบ๊ว"เป็นอาการทางจริตชนิดหนึ่ง <br> มักเกิดขึ้นในเพศหญิงช่วงแรกสาวเป็นต้นไป <br> แต่เดี๋ยวนี้เริ่มลุกลามในผู้ชายกะเทยและเพศใกล้เคียงด้วย <br> โรคนี้จะมีอาการควบคู่ไปกับภาวะแทรกซ้อน <br> ที่แสดงออกทางอวัยวะต่างๆของร่างกายดังนี้ <br> <br> <br> 1.ดวงตา <br> จากที่เคยมีลูกตาขนาดปกติไม่ว่าขนาดใดก็ตาม <br> คนที่"แอ๊บแบ๊ว"จะมีดวงตากลมบ้องแบ๊ว <br> เกิดประกายวิบวับขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ <br> (สันนิษฐานว่าเป็นที่มาของคำว่าแอ๊บแบ๊วนั่นเอง) <br> ถ้านึกภาพไม่ออกแนะนำให้ไปดูเอ็มวีเพลงปูของเนโกะจั๊มพ์ <br> อะโนโนโน่อย่างนี้ไม่ดี.. <br> ช็อตทื่สองสาวเล่นกับกล้องนั่นแหละใช่เลย! <br> <br> อุปกรณ์เสริมความแบ๊วในข้อนี้ได้แก่ <br> ที่ดัดขนตา, มาสคาร่าและอายไลเนอร์ <br> ที่จะช่วยขับให้ตาแบ๊วขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ <br> เดี๊ยวนี้มีคอนแท็คเลนส์ประเภทเพิ่มขนาดลูกตาดำด้วย..แม่เจ้า!!! <br> แต่มีข้อแม้ว่าควรมีทักษะในการเสริมแต่งนิดนึง <br> เพราะเคยเห็นสาวๆหลายคนทามาสคาร่าหนาเป็นปื้น <br> ขนตาจับเป็นก้อนๆเหมือนขาแมลงวัน <br> อันนั้นออกแนวสยองแล้วล่ะค่ะ <br> <br> เมื่อตาโตขึ้นแล้วอวัยวะข้างเคียงที่จะมีผลกระทบก็คือคิ้ว <br> ที่จะเลิกขึ้นนิดๆหัวคิ้วจะหดเข้าหากันนิดนึง <br> นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คนแอ๊บแบ๊วมีสีหน้าดูสงสัยไร้เดียงสาอยู่ตลอดเวลา <br> สายตาแบบนี้เพื่อนชายหลายคนของอิชั้นสารภาพว่าเห็นแล้วถึงกับร้องอ๊าง <br> สาวคนไหนจะลองทำตาแบ๊วดูก็ไม่ว่ากันค่ะ <br> <br> 2.แก้ม <br> อยากรู้จังว่าใครคือมนุษย์คนแรกที่ตัดสินว่า <br> ผู้หญิงแก้มป่องคือผู้หญิงน่ารัก <br> แก้มป่องจึงเป็นอาการแบ๊วอันดับสองที่ขาดไม่ได้ <br> <br> ลำพังคนที่แก้มป่องเป็นธรรมชาติก็ถือเป็นโชคดีของเค้าไปค่ะ <br> แต่สำหรับคนที่แก้มตอบโหนกปูดกรามสองข้างทำมุมฉากซึ่งกันและกัน <br> เราก็จะได้เห็นอาการพยายามอมลมไว้ในปาก <br> แล้วดันกระพุ้งแก้มให้ป่องออกมาจนกระทั่งดูน่าหยิกเล่น <br> (อิชั้นเคยลองดูแล้วรู้สึกเหมือนอมน้ำยาบ้วนปากแล้วลืมบ้วนทิ้ง) <br> <br> คนที่แอ๊บแบ๊วจนชำนาญก็จะขนาดแก้มที่ป่องกำลังดีดูน่ารัก <br> แต่สำหรับแบ๊วมือใหม่หลายคนก็พลาดกะไซส์แก้มผิด <br> ป่องเป็นปลาทองรักเร่หรือไม่ก็ชิพกับเดลล์เพิ่งผ่าฟันคุด <br> ก็ถือว่าต้องฝึกกันอีกเยอะ..ได้ไม่ต้องกังวล <br> เพราะถ้าแก้มยังทำให้คุณดูแบ๊วไม่สมใจละก็..ปากยังช่วยคุณได้ค่ะ <br> <br> 3.ปาก <br> ไม่ว่าตามปกติใครจะมีริมฝีปากไซส์อ้อมพิยดาหรือจอยรินลณี <br> ปากของสาวแอ๊บแบ๊วจะถูกกำหนดให้มีริมฝีปากบนบางๆ <br> แล้วยกเชิดขึ้นจนเห็นฟันคู่หน้านิดๆแบบอั้มพัชราภา/แตงโม <br> /เมย์พิชนาฏ/กิ๊บซ่ากิ๊บซี่เกิร์ลลี่เบอรี่และดาราอีกเป็นสิบคน <br> ที่ถ่ายรูปลงหนังสือกี่เล่มๆก็ทำปากแบบเดิมได้ตลอดเวลา <br> <br> ส่วนริมฝีปากล่างขณะแอ๊บแบ๊วนั้นมีข้อบังคับว่า <br> ห้ามเผยอออกมาจนห้อยย้อยแบบโน๊ตเชิญยิ้มเด็ดขาด <br> แต่ต้องเกร็งไว้นิดๆเบะคางให้ดูคล้ายแอบงอนใครมาหน่อยนึง <br> และทีเด็ดคือต้องยิงมุมปากให้เบี้ยวไปข้างที่ถนัดข้างใดข้างหนึ่งพอประมาณ <br> หน้าแบ๊วที่ออกมาจะดูแก่นเซี้ยวแสนซนและทำให้แอบคิดไปเองได้ว่า <br> "ตอนนี้เราหน้าเหมือนโฟร์แล้วล่ะตะเอง.." <br> <br> อย่าลืมรักษารูปปากไว้ตลอดเวลาที่พูดคุยด้วยนะคะ <br> เสียงที่ออกมาจะได้อ้อมแอ้มพูดไม่ชัดน่ารักน่าถีบเอ๊ย!น่าจีบขึ้นอีกจมเลย <br> <br> 4.เสี ยง <br> เสียงเป็นอาการทางกายภาพข้อสุดท้ายของโรคแอ๊บแบ๊ว <br> เสียงมาตรฐานการแอ๊บแบ๊วคือเสียงเล็กๆอู้อี้นิดๆอ้อนหน่อยๆ <br> ประมาณน้องเบเบ้หรือจิ๊บปกฉัตรอะไรแถบๆนี้ <br> ใครที่เคยสอบอ่านร้อยแก้วร้อยกรองแล้วได้คะแนนเต็มมา <br> อาจจะต้องไปตัดปลายลิ้นตัวเองก่อนจึงจะออกเสียงแบ๊วๆแบบนี้ได้ <br> <br> น้ำเสียงที่นิยมแอ๊บแบ๊วคือlevelตั้งแต่2เป็นต้นไป <br> ทำอย่างไรก็ได้ให้ผิดอักขระวิธีให้มากที่สุดเช่น <br> <br> จริงเหรอออกเสียงเป็นจิ๊ง-ง๋ออออออ?? <br> <br> ใช่ไหมเป็นชิเมะ?/ชิป้ะ?/ชิม้า? <br> <br> ไม่เอาเป็นมิอาวววว <br> <br> คือว่า,เอ่อเป็นคึ่บั่บ/คึ่แบ๊บ/เอิ่ม/อึ่มมม <br> <br> อะไรน่ะเป็นอึ่หล่ายอ้ะ?เป็นต้น <br> <br> ตัวอย่างประโยค <br> "อ้าวสวัสดีแกไม่ได้เจอกันนานมากคิดถึงสุดๆ <br> ไปกินข้าวที่สยามกันมั้ยเดี๋ยวพี่ชายเราไปส่งล่ะ" <br> <br> เป็น"ฮั้ย!สัสดีแกร..มะได้เจ๊อกึนนานม๊ากกกคิดถึ่งซูดซู๊ดดด <br> ไปกินค๊าวที้ซึ่หย่ามกึนเมะเด๋วพี๊..ชายเราป้ะส่งแหละ" <br> ฯลฯ <br> <br> <br> วิธีฝึกง่ายๆก็คือยืนหน้ากระจกฝึกทำหน้าให้แบ๊วที่สุด <br> แล้วลองอ่านข้อความเหล่านี้อัดเสียงใส่เทปเอาไว้ <br> ถ้าเปิดฟังแล้วรู้สึกอยากกระโดดถีบตัวเองเมื่อไหร่ <br> แสดงว่าคุณผ่านการ"แอ๊บแบ๊ว"ระดับเบสิคได้แล้วล่ะค่ะ 55555 <br> 18 Dec 2007 \| Post by : Rattiya69

เเอ๊บแบ๊ว.. 
เคยได้ยินคำว่า"แอ๊บแบ๊ว"กันมั้ยคะ? เอ็นทรี่นี้ไม่ได้เขียนโดยใช้ reference จากตัวเองแน่ๆ ค่ะแต่รู้สึกว่าอาการนี้กำลังระบาดไปทั่วจริงๆเป็นยังไงมาดูกัน.. 
 
"แอ๊บแบ๊ว"เป็นอาการทางจริตชนิดหนึ่ง 
มักเกิดขึ้นในเพศหญิงช่วงแรกสาวเป็นต้นไป 
แต่เดี๋ยวนี้เริ่มลุกลามในผู้ชายกะเทยและเพศใกล้เคียงด้วย 
โรคนี้จะมีอาการควบคู่ไปกับภาวะแทรกซ้อน 
ที่แสดงออกทางอวัยวะต่างๆของร่างกายดังนี้ 
 
 
1.ดวงตา 
จากที่เคยมีลูกตาขนาดปกติไม่ว่าขนาดใดก็ตาม 
คนที่"แอ๊บแบ๊ว"จะมีดวงตากลมบ้องแบ๊ว 
เกิดประกายวิบวับขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ 
(สันนิษฐานว่าเป็นที่มาของคำว่าแอ๊บแบ๊วนั่นเอง) 
ถ้านึกภาพไม่ออกแนะนำให้ไปดูเอ็มวีเพลงปูของเนโกะจั๊มพ์ 
อะโนโนโน่อย่างนี้ไม่ดี.. 
ช็อตทื่สองสาวเล่นกับกล้องนั่นแหละใช่เลย! 
 
อุปกรณ์เสริมความแบ๊วในข้อนี้ได้แก่ 
ที่ดัดขนตา, มาสคาร่าและอายไลเนอร์ 
ที่จะช่วยขับให้ตาแบ๊วขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ 
เดี๊ยวนี้มีคอนแท็คเลนส์ประเภทเพิ่มขนาดลูกตาดำด้วย..แม่เจ้า!!! 
แต่มีข้อแม้ว่าควรมีทักษะในการเสริมแต่งนิดนึง 
เพราะเคยเห็นสาวๆหลายคนทามาสคาร่าหนาเป็นปื้น 
ขนตาจับเป็นก้อนๆเหมือนขาแมลงวัน 
อันนั้นออกแนวสยองแล้วล่ะค่ะ 
 
เมื่อตาโตขึ้นแล้วอวัยวะข้างเคียงที่จะมีผลกระทบก็คือคิ้ว 
ที่จะเลิกขึ้นนิดๆหัวคิ้วจะหดเข้าหากันนิดนึง 
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คนแอ๊บแบ๊วมีสีหน้าดูสงสัยไร้เดียงสาอยู่ตลอดเวลา 
สายตาแบบนี้เพื่อนชายหลายคนของอิชั้นสารภาพว่าเห็นแล้วถึงกับร้องอ๊าง 
สาวคนไหนจะลองทำตาแบ๊วดูก็ไม่ว่ากันค่ะ 
 
2.แก้ม 
อยากรู้จังว่าใครคือมนุษย์คนแรกที่ตัดสินว่า 
ผู้หญิงแก้มป่องคือผู้หญิงน่ารัก 
แก้มป่องจึงเป็นอาการแบ๊วอันดับสองที่ขาดไม่ได้ 
 
ลำพังคนที่แก้มป่องเป็นธรรมชาติก็ถือเป็นโชคดีของเค้าไปค่ะ 
แต่สำหรับคนที่แก้มตอบโหนกปูดกรามสองข้างทำมุมฉากซึ่งกันและกัน 
เราก็จะได้เห็นอาการพยายามอมลมไว้ในปาก 
แล้วดันกระพุ้งแก้มให้ป่องออกมาจนกระทั่งดูน่าหยิกเล่น 
(อิชั้นเคยลองดูแล้วรู้สึกเหมือนอมน้ำยาบ้วนปากแล้วลืมบ้วนทิ้ง) 
 
คนที่แอ๊บแบ๊วจนชำนาญก็จะขนาดแก้มที่ป่องกำลังดีดูน่ารัก 
แต่สำหรับแบ๊วมือใหม่หลายคนก็พลาดกะไซส์แก้มผิด 
ป่องเป็นปลาทองรักเร่หรือไม่ก็ชิพกับเดลล์เพิ่งผ่าฟันคุด 
ก็ถือว่าต้องฝึกกันอีกเยอะ..ได้ไม่ต้องกังวล 
เพราะถ้าแก้มยังทำให้คุณดูแบ๊วไม่สมใจละก็..ปากยังช่วยคุณได้ค่ะ 
 
3.ปาก 
ไม่ว่าตามปกติใครจะมีริมฝีปากไซส์อ้อมพิยดาหรือจอยรินลณี 
ปากของสาวแอ๊บแบ๊วจะถูกกำหนดให้มีริมฝีปากบนบางๆ 
แล้วยกเชิดขึ้นจนเห็นฟันคู่หน้านิดๆแบบอั้มพัชราภา/แตงโม 
/เมย์พิชนาฏ/กิ๊บซ่ากิ๊บซี่เกิร์ลลี่เบอรี่และดาราอีกเป็นสิบคน 
ที่ถ่ายรูปลงหนังสือกี่เล่มๆก็ทำปากแบบเดิมได้ตลอดเวลา 
 
ส่วนริมฝีปากล่างขณะแอ๊บแบ๊วนั้นมีข้อบังคับว่า 
ห้ามเผยอออกมาจนห้อยย้อยแบบโน๊ตเชิญยิ้มเด็ดขาด 
แต่ต้องเกร็งไว้นิดๆเบะคางให้ดูคล้ายแอบงอนใครมาหน่อยนึง 
และทีเด็ดคือต้องยิงมุมปากให้เบี้ยวไปข้างที่ถนัดข้างใดข้างหนึ่งพอประมาณ 
หน้าแบ๊วที่ออกมาจะดูแก่นเซี้ยวแสนซนและทำให้แอบคิดไปเองได้ว่า 
"ตอนนี้เราหน้าเหมือนโฟร์แล้วล่ะตะเอง.." 
 
อย่าลืมรักษารูปปากไว้ตลอดเวลาที่พูดคุยด้วยนะคะ 
เสียงที่ออกมาจะได้อ้อมแอ้มพูดไม่ชัดน่ารักน่าถีบเอ๊ย!น่าจีบขึ้นอีกจมเลย 
 
4.เสี ยง 
เสียงเป็นอาการทางกายภาพข้อสุดท้ายของโรคแอ๊บแบ๊ว 
เสียงมาตรฐานการแอ๊บแบ๊วคือเสียงเล็กๆอู้อี้นิดๆอ้อนหน่อยๆ 
ประมาณน้องเบเบ้หรือจิ๊บปกฉัตรอะไรแถบๆนี้ 
ใครที่เคยสอบอ่านร้อยแก้วร้อยกรองแล้วได้คะแนนเต็มมา 
อาจจะต้องไปตัดปลายลิ้นตัวเองก่อนจึงจะออกเสียงแบ๊วๆแบบนี้ได้ 
 
น้ำเสียงที่นิยมแอ๊บแบ๊วคือlevelตั้งแต่2เป็นต้นไป 
ทำอย่างไรก็ได้ให้ผิดอักขระวิธีให้มากที่สุดเช่น 
 
จริงเหรอออกเสียงเป็นจิ๊ง-ง๋ออออออ?? 
 
ใช่ไหมเป็นชิเมะ?/ชิป้ะ?/ชิม้า? 
 
ไม่เอาเป็นมิอาวววว 
 
คือว่า,เอ่อเป็นคึ่บั่บ/คึ่แบ๊บ/เอิ่ม/อึ่มมม 
 
อะไรน่ะเป็นอึ่หล่ายอ้ะ?เป็นต้น 
 
ตัวอย่างประโยค 
"อ้าวสวัสดีแกไม่ได้เจอกันนานมากคิดถึงสุดๆ 
ไปกินข้าวที่สยามกันมั้ยเดี๋ยวพี่ชายเราไปส่งล่ะ" 
 
เป็น"ฮั้ย!สัสดีแกร..มะได้เจ๊อกึนนานม๊ากกกคิดถึ่งซูดซู๊ดดด 
ไปกินค๊าวที้ซึ่หย่ามกึนเมะเด๋วพี๊..ชายเราป้ะส่งแหละ" 
ฯลฯ 
 
 
วิธีฝึกง่ายๆก็คือยืนหน้ากระจกฝึกทำหน้าให้แบ๊วที่สุด 
แล้วลองอ่านข้อความเหล่านี้อัดเสียงใส่เทปเอาไว้ 
ถ้าเปิดฟังแล้วรู้สึกอยากกระโดดถีบตัวเองเมื่อไหร่ 
แสดงว่าคุณผ่านการ"แอ๊บแบ๊ว"ระดับเบสิคได้แล้วล่ะค่ะ 55555

18 Dec 2007 | Post by : Rattiya69

Comment 4
ดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยอ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ <img src="pic/b15.gif"> <img src="pic/b15.gif"> <img src="pic/b15.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b3.gif"> 24 May 2008 \| Comment by : แอมเดกยอดนักแชท

Comment 4

ดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยอ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ <img src="pic/b15.gif"> <img src="pic/b15.gif"> <img src="pic/b15.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b3.gif">

24 May 2008 | Comment by : แอมเดกยอดนักแชท

Comment 3
อ้าวววว พี่นก...เห็นอ้อมเป็นกูรูเซ็กซ์ไปแล้วเหรอคะเนี่ยยยย 5555 เวนกำ...อ่ะ ให้เป็นก็เป็นวะค่ะ 55555 18 Dec 2007 \| Comment by : Rattiya69

Comment 3

อ้าวววว พี่นก...เห็นอ้อมเป็นกูรูเซ็กซ์ไปแล้วเหรอคะเนี่ยยยย 5555 เวนกำ...อ่ะ ให้เป็นก็เป็นวะค่ะ 55555

18 Dec 2007 | Comment by : Rattiya69

Comment 2
แอ๊บแบ๊วไม่เป็น ไงก็ไม่ยอมแก่อยู่แล้วล่ะ 5555 <br> <br> ว่างๆอ้อมไปตอบบอร์ดเรื่องเซ็กซ์บ้างนะจ๊ะ 18 Dec 2007 \| Comment by : SweetNokk

Comment 2

แอ๊บแบ๊วไม่เป็น ไงก็ไม่ยอมแก่อยู่แล้วล่ะ 5555 
 
ว่างๆอ้อมไปตอบบอร์ดเรื่องเซ็กซ์บ้างนะจ๊ะ

18 Dec 2007 | Comment by : SweetNokk

Comment 1
แอ๊บแบ้วแบบนี้พอได้ป่าวคะ <br> <br> <br> พี่อ้อมหายไปไหนมาเนี่ยย เมล์หาก้อไม่ตอบ แงๆๆๆ 18 Dec 2007 \| Comment by : Pangrum

Comment 1

แอ๊บแบ้วแบบนี้พอได้ป่าวคะ 
 
 
พี่อ้อมหายไปไหนมาเนี่ยย เมล์หาก้อไม่ตอบ แงๆๆๆ

18 Dec 2007 | Comment by : Pangrum

Hospital / Wellness

HIS AND HER WELLNESS

View Details

Webboard
เตือนใจหญิง ช่วยกันระวังด้วย:) 1 Jan 1970 โพสต์โดย: missinglink 0
มันคืออะไร ที่มันออกมาจากช่องคลอด >o<" 1 Jan 1970 โพสต์โดย: sal3sab 6
PIC แต่งยังไงให้อินเทรนด์ตาม ซีรีย์ชื่อดัง Gossip Girl 1 Jan 1970 โพสต์โดย: bilikis 5
ได้ยินว่า Urban Decay จะมาขายในเมืองไทย อันนี้จริงหรือเปล่าค่ะ!!? 1 Jan 1970 โพสต์โดย: JuiceZy 3
อยากให้อ่านจังค่ะ เป็นข้อคิดที่ดีมากเลยสำหรับชีวิตคู่ 1 Jan 1970 โพสต์โดย: Penguin69 1
หยิบมาฝากเก็บไว้เป็นความรู้ สภาวะในร่างกายแบ่งได้ทั้งหยินและหยาง 1 Jan 1970 โพสต์โดย: Bell001 1
พี่ ตอง ภัครมัย ถ่ายแบบลง นิตยสาร slimming ค่ะ 1 Jan 1970 โพสต์โดย: PrincessAngel 19
ใครก้อได้คิดช่วยที 25 Dec 7911 โพสต์โดย: dudee 3

Webboard