9 วิธี....หนีอ้วน

9 วิธี....หนีอ้วน
9 วิธีหนีอ้วน <br> <br> อยากผอมทำยังไงดีคะ? แน่นอนว่าถ้าสาวๆ ไม่เลือกอดอาหาร <br> ยอมหิวจนตาลายก็ต้องโหมออกกำลังอย่างหนักเหลือทน <br> แต่วันนี้เรามีทางเลือกให้คุณผอมหุ่นเพียวสวยด้วยวิธีง่ายๆ <br> มาเสริฟถึงที่ค่ะ ที่สำคัญไม่ต้องอดอาหารและไม่จำเป็นต้องโหม <br> ออกกำลังกายค่ะ แค่เปลี่ยนพฤติกรรมแสนง่าย 9 อย่างเท่านั้นเองค่ะ <br> <br> 1. นอนหลับให้เต็มอิ่ม <br> จากการวิจัยของสถาบัน Howard Hughes Medical มหาวิทยาลัย <br> สแตนฟอร์ด พบว่ายิ่งคุณนอนน้อยเท่าใด ร่างกายของคุณก็ดูเหมือน <br> ว่าจะยิ่งผลิตฮอร์โมน leptin ได้น้อยลงเท่านั้น ซึ่งนั่นก็จะมีผลต่อน้ำ <br> หนักตัว เนื่องจาก leptin จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นน้ำหนักให้ลดลงได้ถึง <br> 2 ทาง คือ มันจะช่วยลดความอยากในการรับประทานได้ โดยการ <br> บอกสมองว่า "นี่! หยุดเคี้ยวซักทีเถอะ อิ่มจนท้องจะแตกอยู่แล้วนะ" <br> และอีกด้านหนึ่งมันก็จะกระตุ้นให้คุณใช้พลังงานมากขึ้นซะอีกด้วย <br> ยิ่งกว่านั้นยังเห็นได้ชัดอีกว่าเมื่อเรานอนน้อยร่างกายก็จะไปต้าน <br> การลดลงของน้ำหนัก จากการที่ ghrelin ฮอร์โมนซึ่งทำหน้าที่ <br> กระตุ้นความอยากอาหาร จะมีปริมาณสูงกว่าในบรรดาผู้ที่นอนไม่พอ <br> (แต่ถ้าเกิดคุณนอนไม่พอในคืนหนึ่ง ลองพยายามงีบหลับให้ได้ <br> ในวันต่อมา เพราะฮอร์โมนจะไปทำให้คุณต้องปิดตาหลับภายใน <br> 24 ชั่วโมงแน่นอน) <br> <br> <br> <br> <br> <br> 2. ปิดวิทยุซะ <br> คุณรู้มั้ยว่าเวลาตามร้านอาหารต่างๆ ถ้าเขาอยากจะให้ลูกค้าภายใน <br> ร้านจัดการกับอาหารตรงหน้าให้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบออกจากร้าน <br> ไปโดยเร็วนั้น ทางร้านก็จะเปิดเพลงจังหวะเร็ว (ประมาณ 120-130 <br> จังหวะต่อนาที) ซึ่งหากมองอีกมุมหนึ่งถือว่าเป็นเหตุผลที่ดีนะคะ <br> เพราะว่าจังหวะเพลงที่เร็วนี้จะทำให้คุณใส่ใจกับการรับประทานอาหาร <br> ตรงหน้ามากขึ้นค่ะ <br> ฉะนั้นก่อนมื้ออาหารถ้าอยากผอมจงเลือกเอาว่าจะปิดวิทยุของคุณซะ <br> หรือจะบรรเลงใส่แผ่นเพลงเบาๆ ใส่เครื่องเสียงของคุณระหว่างทาน <br> อาหารมื้ออร่อย <br> <br> <br> 3. กินให้ครบทุกมื้อ <br> ข้อนี้สำหรับสาวๆ ที่ชอบอดอาหารมื้อเช้าเพื่อความผอม เพราะเชื่อเถอะ <br> ค่ะว่าไม่มีประโยชน์หรอก ซ้ำยังทำให้คุณอ้วนขึ้นอีกด้วย ซึ่งก็ไม่แปลก <br> หรอกนะในเมื่อเช้าคุณไม่ได้ทานอะไรด้วยเหตุอยากผอม แต่กลายเป็น <br> ว่าตกกลางวันคุณกลับหิวไส้แทบขาด ฉะนั้นไม่ว่าอะไรที่คุณหยิบจับขึ้น <br> มาได้ ก็ขนใส่ปากไปไม่บันยะบันยังซะหมด ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากเหตุผล <br> หลายๆ อย่าง อาทิ เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง คุณก็จะรู้สึกโหย <br> หาอาหารอย่างแรง ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายค่ะ และด้วยกลไก <br> ทางด้านความรู้สึกนึกคิด เมื่อคุณไม่ได้ทานอาหารมื้อเช้า มื้อถัดมาคุณ <br> ก็จะทานมากขึ้น เพราะคิดว่า "เอาเถอะน่าเมื่อเช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง <br> เลย ชดเชยซะหน่อยแล้วกัน" ที่สำคัญร่างกายของคุณก็จะยิ่งคิดว่าตอน <br> นี้คุณอยู่ในภาวะขาดอาหาร ฉะนั้นระบบเมตาโบลิซึมของคุณจะค่อยๆ <br> ทำงานช้าลง นั่นแปลว่าการเผาผลาญพลังงานก็จะต่ำลงไปด้วย <br> เข้าใจง่ายๆ ก็ "คราวนี้แหละคุณขา อ้วนแน่ๆ" <br> <br> <br> <br> <br> <br> 4. อย่าเอะอะอะไรก็ใช้รถๆ หัดเดินซะบ้าง <br> อย่าปฏิเสธว่าข้อนี้ไม่จริงเลย เพราะการใช้รถในแต่ละวันจะเป็นการเพิ่ม <br> อัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้ถึง 6% ต่อชั่วโมง แต่ในทางกลับกัน <br> ทุกๆ ไมล์ในการเดินของคุณในแต่ละวันจะกลับเป็นการลดความเสี่ยง <br> ต่อการเป็นโรคอ้วนได้ถึง 8 % แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ ง่ายๆ ค่ะ เวลาคุณ <br> คุยโทรศัพท์เม้าส์กับเพื่อนสาวเรื่องยัยเพื่อนร่วมงานตัวแสบเนี่ยช่วยได้นะ <br> แค่คุยไปคุยมาแล้วเดินวนรอบห้องเผลอแป๊ปเดียวก็เดินเป็นกิโลๆ <br> <br> แล้วล่ะยิ่งถ้าเราจะขว้างแคลอรี่ไปไกลๆ จากเราจริงๆ ล่ะก็ เวลาดูทีวี <br> พอถึงช่วงเบรคโฆษณาก็ลุกขึ้นย้ายตัวเองไปรอบๆ บ้าง หรือไม่ก็ลอง <br> ขึ้นๆ ลงๆ บันไดบ้านนี่ล่ะดู ผลัดกับการเดินเร็วๆ จากห้องหนึ่งไปยังห้อง <br> หนึ่งในบ้านดูสิ หรือเด็ดสุดก็อีตอนช้อปปิ้งนี่แหละ เซย์โนลิฟท์และ <br> บันไดเลื่อนสิคะ รับรองผอมค่ะ <br> <br> <br> <br> <br> <br> 5. แค่โดนแดดบ้างก็ผอมแล้ว <br> อย่างงค่ะ คุณคงไม่รู้มาก่อนว่าแสงแดดทำให้ผอมได้ เพราะร่างกาย <br> ของเราต้องการแสงแดดเหมือนกัน เพื่อไปผลิตฮอร์โมน serotonin <br> ซึ่งมีส่วนในการไปช่วยลดความอยากน้ำตาลและอาหารอย่างอื่นด้วย <br> ดังนั้นเมื่อคุณเริ่มที่จะอยากทานพวกขนุกขนมก็เดินออกไปรับแดดแทน <br> แล้วกัน อืม...แล้วแม้แต่ช่วงอากาศเย็นๆ ก็เถอะหากเปิดผ้าม่าน บานเกล็ด <br> ระหว่างวันซะบ้างก็ยังดีนะ (แต่อย่าอยากขนมมากทั้งวันนะ ไม่งั้นคงต้อง <br> ไปตากแดดจนมะเร็งผิวหนังถามหาแน่ๆ ) <br> <br> <br> <br> <br> <br> 6. อย่าเก็บคุ๊กกี้หรืออาหารอย่างอื่นไว้ในโถแก้ว <br> เพราะถ้าคุณเก็บอาหารไว้ในที่ๆ ไกลสายตาหน่อย มันก็ง่ายที่จะป้องกัน <br> ไม่ให้ของอ้วนๆ มาเย้ายวนเรา ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยคอร์แนล <br> ได้แนะว่าสาวๆ จะกินของหวานได้มากขึ้นเมื่อเห็นมันจัดวางอยู่บนโต๊ะ <br> เด่นชัดสวยงาม ดังนั้นมาลองเก็บของหวานทั้งหลายไว้ในภาชนะทึบแสง <br> หรือไปวางไว้ไกลๆ ตาไกลๆ จมูกจะดีกว่านะคะ <br> <br> <br> <br> <br> <br> 7. วางส้อมลงทุกครั้งที่เคี้ยว <br> ช่วงเวลา 20 นาที เป็นเวลาที่กระเพาะอาหารจะส่งสัญญาณไปบอก <br> สมองว่าอิ่มแล้ว ดังนั้นเมื่อคุณทานอาหารเร็วเกินไป ร่างกายของคุณ <br> ก็จะไม่มีเวลาพอที่จะรับรู้ได้ว่าถึงเวลาที่ควรอิ่ม ผลที่ตามมาก็คือคุณ <br> ทานมากไป การทานช้าลงเท่านั้นค่ะที่ช่วยได้ คุณอาจจะใช้ตะเกียบมา <br> เป็นตัวช่วยในการทานอาหารก็ได้ จะทำให้คุณทานอาหารได้ช้าลง <br> (ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะมัวแต่สาละวนอยู่กับการใช้ตะเกียบให้ถนัดมือ) <br> หรือลองอีกวิธีที่จะทำให้คุณรับรู้ได้ถึงรสอร่อยของอาหารมากขึ้น <br> โดยเคี้ยวแต่ละคำให้ได้เวลาราว 30 วินาที แค่นี้คุณก็จะเห็นได้เลย <br> ว่าการทานอาหารช้าๆ ทำให้รับรู้ถึงรสชาติอาหารดีขึ้นและผอมค่ะ <br> <br> <br> <br> <br> <br> 8. เปิดไฟทานอาหาร <br> ในห้องที่มืดสลัว จะทำให้คุณทานได้มากขึ้น ทำไมน่ะเหรอ <br> คำตอบอยู่ที่ทฤษฎีหนึ่งที่กล่าวไว้ว่าแสงไฟมืดสลัว จะทำให้คุณรู้สึก <br> ผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับการรับประทานมากขึ้น ในทางกลับกัน <br> มีการวิจัยว่าเมื่อคุณทานอาหารในห้องที่สว่าง ก็ดูเหมือนว่าคุณจะทาน <br> อาหารได้ลดลง <br> <br> <br> <br> <br> <br> 9. แค่โกรธก็อ้วนแล้ว <br> ถ้าคุณไม่รู้จักระงับอารมณ์คุณก็มีสิทธิ์อ้วนได้ ยังไงน่ะเหรอ <br> ก็เวลาที่คุณเกิดอารมณ์โกรธขึ้นมา ระดับของฮอร์โมน cortisol <br> ในร่างกายก็จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ <br> จากผลงานวิจัยพบว่าเมื่อคนเราโกรธ และหากยิ่งโกรธถี่ขึ้นเท่าไหร่ <br> นั่นก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักและรอบเอวหนาๆ ในทางอ้อม <br> (แถมยังเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อปัญหาของระบบหัวใจอีกต่างหาก) ดังนั้น <br> คราวหน้าถ้าใครมายั่วอารมณ์คุณ ก็นับ 1-10 สูดหายใจลึกๆ ตั้งสติดีๆ <br> แค่นั้นเอง นึกซะว่าเพื่อผอมๆๆๆ หรือใช้นิ้วโป้งนวดคลึงเบาๆ บริเวณขมับ <br> เพื่อการผ่อนคลายก็ได้ค่ะ <br> <br> <br> ที่มาข้อมูล :นิตยสาร Health Today, Lookmim Group 3 Mar 2008 \| Post by : niel

9 วิธีหนีอ้วน 
 
อยากผอมทำยังไงดีคะ? แน่นอนว่าถ้าสาวๆ ไม่เลือกอดอาหาร 
ยอมหิวจนตาลายก็ต้องโหมออกกำลังอย่างหนักเหลือทน 
แต่วันนี้เรามีทางเลือกให้คุณผอมหุ่นเพียวสวยด้วยวิธีง่ายๆ 
มาเสริฟถึงที่ค่ะ ที่สำคัญไม่ต้องอดอาหารและไม่จำเป็นต้องโหม 
ออกกำลังกายค่ะ แค่เปลี่ยนพฤติกรรมแสนง่าย 9 อย่างเท่านั้นเองค่ะ 
 
1. นอนหลับให้เต็มอิ่ม 
จากการวิจัยของสถาบัน Howard Hughes Medical มหาวิทยาลัย 
สแตนฟอร์ด พบว่ายิ่งคุณนอนน้อยเท่าใด ร่างกายของคุณก็ดูเหมือน 
ว่าจะยิ่งผลิตฮอร์โมน leptin ได้น้อยลงเท่านั้น ซึ่งนั่นก็จะมีผลต่อน้ำ 
หนักตัว เนื่องจาก leptin จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นน้ำหนักให้ลดลงได้ถึง 
2 ทาง คือ มันจะช่วยลดความอยากในการรับประทานได้ โดยการ 
บอกสมองว่า "นี่! หยุดเคี้ยวซักทีเถอะ อิ่มจนท้องจะแตกอยู่แล้วนะ" 
และอีกด้านหนึ่งมันก็จะกระตุ้นให้คุณใช้พลังงานมากขึ้นซะอีกด้วย 
ยิ่งกว่านั้นยังเห็นได้ชัดอีกว่าเมื่อเรานอนน้อยร่างกายก็จะไปต้าน 
การลดลงของน้ำหนัก จากการที่ ghrelin ฮอร์โมนซึ่งทำหน้าที่ 
กระตุ้นความอยากอาหาร จะมีปริมาณสูงกว่าในบรรดาผู้ที่นอนไม่พอ 
(แต่ถ้าเกิดคุณนอนไม่พอในคืนหนึ่ง ลองพยายามงีบหลับให้ได้ 
ในวันต่อมา เพราะฮอร์โมนจะไปทำให้คุณต้องปิดตาหลับภายใน 
24 ชั่วโมงแน่นอน) 
 
 
 
 
 
2. ปิดวิทยุซะ 
คุณรู้มั้ยว่าเวลาตามร้านอาหารต่างๆ ถ้าเขาอยากจะให้ลูกค้าภายใน 
ร้านจัดการกับอาหารตรงหน้าให้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบออกจากร้าน 
ไปโดยเร็วนั้น ทางร้านก็จะเปิดเพลงจังหวะเร็ว (ประมาณ 120-130 
จังหวะต่อนาที) ซึ่งหากมองอีกมุมหนึ่งถือว่าเป็นเหตุผลที่ดีนะคะ 
เพราะว่าจังหวะเพลงที่เร็วนี้จะทำให้คุณใส่ใจกับการรับประทานอาหาร 
ตรงหน้ามากขึ้นค่ะ 
ฉะนั้นก่อนมื้ออาหารถ้าอยากผอมจงเลือกเอาว่าจะปิดวิทยุของคุณซะ 
หรือจะบรรเลงใส่แผ่นเพลงเบาๆ ใส่เครื่องเสียงของคุณระหว่างทาน 
อาหารมื้ออร่อย 
 
 
3. กินให้ครบทุกมื้อ 
ข้อนี้สำหรับสาวๆ ที่ชอบอดอาหารมื้อเช้าเพื่อความผอม เพราะเชื่อเถอะ 
ค่ะว่าไม่มีประโยชน์หรอก ซ้ำยังทำให้คุณอ้วนขึ้นอีกด้วย ซึ่งก็ไม่แปลก 
หรอกนะในเมื่อเช้าคุณไม่ได้ทานอะไรด้วยเหตุอยากผอม แต่กลายเป็น 
ว่าตกกลางวันคุณกลับหิวไส้แทบขาด ฉะนั้นไม่ว่าอะไรที่คุณหยิบจับขึ้น 
มาได้ ก็ขนใส่ปากไปไม่บันยะบันยังซะหมด ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากเหตุผล 
หลายๆ อย่าง อาทิ เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง คุณก็จะรู้สึกโหย 
หาอาหารอย่างแรง ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายค่ะ และด้วยกลไก 
ทางด้านความรู้สึกนึกคิด เมื่อคุณไม่ได้ทานอาหารมื้อเช้า มื้อถัดมาคุณ 
ก็จะทานมากขึ้น เพราะคิดว่า "เอาเถอะน่าเมื่อเช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง 
เลย ชดเชยซะหน่อยแล้วกัน" ที่สำคัญร่างกายของคุณก็จะยิ่งคิดว่าตอน 
นี้คุณอยู่ในภาวะขาดอาหาร ฉะนั้นระบบเมตาโบลิซึมของคุณจะค่อยๆ 
ทำงานช้าลง นั่นแปลว่าการเผาผลาญพลังงานก็จะต่ำลงไปด้วย 
เข้าใจง่ายๆ ก็ "คราวนี้แหละคุณขา อ้วนแน่ๆ" 
 
 
 
 
 
4. อย่าเอะอะอะไรก็ใช้รถๆ หัดเดินซะบ้าง 
อย่าปฏิเสธว่าข้อนี้ไม่จริงเลย เพราะการใช้รถในแต่ละวันจะเป็นการเพิ่ม 
อัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้ถึง 6% ต่อชั่วโมง แต่ในทางกลับกัน 
ทุกๆ ไมล์ในการเดินของคุณในแต่ละวันจะกลับเป็นการลดความเสี่ยง 
ต่อการเป็นโรคอ้วนได้ถึง 8 % แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ ง่ายๆ ค่ะ เวลาคุณ 
คุยโทรศัพท์เม้าส์กับเพื่อนสาวเรื่องยัยเพื่อนร่วมงานตัวแสบเนี่ยช่วยได้นะ 
แค่คุยไปคุยมาแล้วเดินวนรอบห้องเผลอแป๊ปเดียวก็เดินเป็นกิโลๆ 
 
แล้วล่ะยิ่งถ้าเราจะขว้างแคลอรี่ไปไกลๆ จากเราจริงๆ ล่ะก็ เวลาดูทีวี 
พอถึงช่วงเบรคโฆษณาก็ลุกขึ้นย้ายตัวเองไปรอบๆ บ้าง หรือไม่ก็ลอง 
ขึ้นๆ ลงๆ บันไดบ้านนี่ล่ะดู ผลัดกับการเดินเร็วๆ จากห้องหนึ่งไปยังห้อง 
หนึ่งในบ้านดูสิ หรือเด็ดสุดก็อีตอนช้อปปิ้งนี่แหละ เซย์โนลิฟท์และ 
บันไดเลื่อนสิคะ รับรองผอมค่ะ 
 
 
 
 
 
5. แค่โดนแดดบ้างก็ผอมแล้ว 
อย่างงค่ะ คุณคงไม่รู้มาก่อนว่าแสงแดดทำให้ผอมได้ เพราะร่างกาย 
ของเราต้องการแสงแดดเหมือนกัน เพื่อไปผลิตฮอร์โมน serotonin 
ซึ่งมีส่วนในการไปช่วยลดความอยากน้ำตาลและอาหารอย่างอื่นด้วย 
ดังนั้นเมื่อคุณเริ่มที่จะอยากทานพวกขนุกขนมก็เดินออกไปรับแดดแทน 
แล้วกัน อืม...แล้วแม้แต่ช่วงอากาศเย็นๆ ก็เถอะหากเปิดผ้าม่าน บานเกล็ด 
ระหว่างวันซะบ้างก็ยังดีนะ (แต่อย่าอยากขนมมากทั้งวันนะ ไม่งั้นคงต้อง 
ไปตากแดดจนมะเร็งผิวหนังถามหาแน่ๆ ) 
 
 
 
 
 
6. อย่าเก็บคุ๊กกี้หรืออาหารอย่างอื่นไว้ในโถแก้ว 
เพราะถ้าคุณเก็บอาหารไว้ในที่ๆ ไกลสายตาหน่อย มันก็ง่ายที่จะป้องกัน 
ไม่ให้ของอ้วนๆ มาเย้ายวนเรา ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยคอร์แนล 
ได้แนะว่าสาวๆ จะกินของหวานได้มากขึ้นเมื่อเห็นมันจัดวางอยู่บนโต๊ะ 
เด่นชัดสวยงาม ดังนั้นมาลองเก็บของหวานทั้งหลายไว้ในภาชนะทึบแสง 
หรือไปวางไว้ไกลๆ ตาไกลๆ จมูกจะดีกว่านะคะ 
 
 
 
 
 
7. วางส้อมลงทุกครั้งที่เคี้ยว 
ช่วงเวลา 20 นาที เป็นเวลาที่กระเพาะอาหารจะส่งสัญญาณไปบอก 
สมองว่าอิ่มแล้ว ดังนั้นเมื่อคุณทานอาหารเร็วเกินไป ร่างกายของคุณ 
ก็จะไม่มีเวลาพอที่จะรับรู้ได้ว่าถึงเวลาที่ควรอิ่ม ผลที่ตามมาก็คือคุณ 
ทานมากไป การทานช้าลงเท่านั้นค่ะที่ช่วยได้ คุณอาจจะใช้ตะเกียบมา 
เป็นตัวช่วยในการทานอาหารก็ได้ จะทำให้คุณทานอาหารได้ช้าลง 
(ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะมัวแต่สาละวนอยู่กับการใช้ตะเกียบให้ถนัดมือ) 
หรือลองอีกวิธีที่จะทำให้คุณรับรู้ได้ถึงรสอร่อยของอาหารมากขึ้น 
โดยเคี้ยวแต่ละคำให้ได้เวลาราว 30 วินาที แค่นี้คุณก็จะเห็นได้เลย 
ว่าการทานอาหารช้าๆ ทำให้รับรู้ถึงรสชาติอาหารดีขึ้นและผอมค่ะ 
 
 
 
 
 
8. เปิดไฟทานอาหาร 
ในห้องที่มืดสลัว จะทำให้คุณทานได้มากขึ้น ทำไมน่ะเหรอ 
คำตอบอยู่ที่ทฤษฎีหนึ่งที่กล่าวไว้ว่าแสงไฟมืดสลัว จะทำให้คุณรู้สึก 
ผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับการรับประทานมากขึ้น ในทางกลับกัน 
มีการวิจัยว่าเมื่อคุณทานอาหารในห้องที่สว่าง ก็ดูเหมือนว่าคุณจะทาน 
อาหารได้ลดลง 
 
 
 
 
 
9. แค่โกรธก็อ้วนแล้ว 
ถ้าคุณไม่รู้จักระงับอารมณ์คุณก็มีสิทธิ์อ้วนได้ ยังไงน่ะเหรอ 
ก็เวลาที่คุณเกิดอารมณ์โกรธขึ้นมา ระดับของฮอร์โมน cortisol 
ในร่างกายก็จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ 
จากผลงานวิจัยพบว่าเมื่อคนเราโกรธ และหากยิ่งโกรธถี่ขึ้นเท่าไหร่ 
นั่นก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักและรอบเอวหนาๆ ในทางอ้อม 
(แถมยังเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อปัญหาของระบบหัวใจอีกต่างหาก) ดังนั้น 
คราวหน้าถ้าใครมายั่วอารมณ์คุณ ก็นับ 1-10 สูดหายใจลึกๆ ตั้งสติดีๆ 
แค่นั้นเอง นึกซะว่าเพื่อผอมๆๆๆ หรือใช้นิ้วโป้งนวดคลึงเบาๆ บริเวณขมับ 
เพื่อการผ่อนคลายก็ได้ค่ะ 
 
 
ที่มาข้อมูล :นิตยสาร Health Today, Lookmim Group

3 Mar 2008 | Post by : niel

Comment 1
อืม...จะเอาไปใช้นะค่ะ 3 Mar 2008 \| Comment by : miyuki

Comment 1

อืม...จะเอาไปใช้นะค่ะ

3 Mar 2008 | Comment by : miyuki

Hospital / Wellness

HIS AND HER WELLNESS

View Details

Webboard
ช่วยน้ำหอมด้วนนะค้า 1 Jan 1970 โพสต์โดย: น้ำหอม 2
สำหรับสาวๆที่สนใจอาหารเสริมสุขภาพบำรุงผิวค่า 1 Jan 1970 โพสต์โดย: MiRuKu 0
อยากรู้ว่าแฟนนอกใจหรือป่าวค่ะ 1 Jan 1970 โพสต์โดย: LOVE 6
อยากทราบ เกี่ยวกับ ยาคุมฉุกเฉิน 1 Jan 1970 โพสต์โดย: i-berry 1
ช่วยแนะนำหน่อยนะค่ะ 1 Jan 1970 โพสต์โดย: nanne 2
สำนักกฎหมายเลิศนิติ บริการทางกฎหมาย ทนาย ทนายความ 25 Dec 3925 โพสต์โดย: qqqqqq 0
มีวิธีจับกิ๊กแฟนยังไงให้ได้จังๆ บ้างคะ 1 Jan 1970 โพสต์โดย: candies 2
When Mr. Bean was your? 1 Jan 1970 โพสต์โดย: Momay 2

Webboard