Talk About Women

อยากเพิ่มน้ำหนัก no โฆษณานะ
สูง 160 หนัก 43-44 ค่ะ แบบว่าเพื่อนทักว่าผอมโคตร กินยังไงก็ม่ายอ้วนซะที เราไม่ชอบกินจุกจิก แต่กินทีหนักเหมือนกัน แต่เราไม่ชอบกินของหวานกะเนื้อ กินทีอืด รุ้สึกว่ามันย่อยยาก แต่ก่อนหนัก 45 ก็ว่าผอมแล้วนะ ตอนนี้มันไหล ลงเรื่อยจนตัวเราเริ่มรุ้สึกไม่ไหวเหมือนกัน โทรมจนเห็นได้ชัด <br>
<br>
เคยมีคนบอกว่าพอเริ่มเข้าหลักสอง มันจะอ้วนโดยธรรมชาติตามหลักการเผาผลาญ แต่เราไม่เรย นับวันน้ำหนักจะลดลงเรื่อยๆ หมอก็เคยหาแล้วเค้าก็บอกว่าไม่มีไรผิดปกติ เค้ายังสงสัยว่าไมเราไม่อ้วนซะที <br>
<br>
ทำไงจะเพิ่มน้ำหนักได้อ่ะ เอาแบบธรรมชาติ ไม่ต้องเข้าคอร์สอะไรทั้งนั้น <br>
<br>
ปล. ใครเข้ามาขายของหรือพวกหลอกล่อเข้าคอร์สนั่นคอร์สนี่อ่ะ ขอให้สูญเสียสมรรถภาพทางเพศไปเรยนะ สาธุ

27 May 2008  |  Post by : pksy
Comment 5
วันๆ ทานอะไรบ้างค๊ะ เรานี่ไม่ค่อยทานแต่ทำไมไม่ลดเลย แต่ตอนนี้ลดแล้ว สุขภาพดีไม่ต้องเข้าคอร์ส personal training ที่ fitness ให้เสียตังค์ด้วย

26 Jun 2008  |  Comment by : puizzzz
Comment 4
วันๆ ทานอะไรบ้างค๊ะ เรานี่ไม่ค่อยทานแต่ทำไมไม่ลดเลย แต่ตอนนี้ลดแล้ว สุขภาพดีไม่ต้องเข้าคอร์ส personal training ที่ fitness ให้เสียตังค์ด้วย

26 Jun 2008  |  Comment by : puizzzz
Comment 3
วิธีเพิ่มน้ำหนักสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวน้อยเกินไป คือต้องกินให้ได้พลังงานมากกว่าที่ร่างกายใช้ไป พลังงานที่ได้รับควรมาจากอาหารที่มีประโยชน์ แทนที่จะเป็น junk food ที่ให้สารอาหารต่ำ <br>
<br>
การเลือกอาหารที่มีประโยชน์ ควรเลือกอาหารให้หลากหลายจากทุกหมวดหมู่ <br>
จะทำให้ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน โดยไม่จำเป็นต้องเน้นว่าเป็นอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง อาจเลือกอาหารที่ให้พลังงานสูงที่ไม่ต้องกินในปริมาณมากๆ เช่น <br>
<br>
ผลไม้แห้ง ผลไม้แช่อิ่ม ถั่วเปลือกแข็ง อะโวคาโด เนยถั่ว งา เป็นต้น หรืออาจใช้วิธีเติมนมผงลงในซุป น้ำสลัดข้น หรือแกงก็ได้เพื่อเพิ่มแคลอรี รับประทานอาหารทอด หรือผัดมันได้บ้าง แต่ที่สำคัญคือควรใช้น้ำมันพืชเวลาประกอบอาหาร เพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดจากโคเลสเตอรอล <br>
<br>
วิธีเพิ่มน้ำหนักอื่นๆ ที่คุณอาจลอง ได้แก่ <br>
• ดื่มน้ำผลไม้ นม หรือน้ำปั่น มิลค์เชค (ไอศกรีมปั่นกับนม) แทนชา กาแฟ หรือน้ำอัดลมที่ไร้ประโยชน์ ถ้าไม่อยากทำอาหารให้ตนเอง อาจใช้วิธีดื่มเป็นน้ำผลไม้ปั่นกับโยเกิร์ต นม หรือแม้กระทั่งไอศกรีมก็ได้ <br>
<br>
• รับประทานอาหารมื้อย่อยๆ เพิ่มขึ้น การทำเช่นนี้จะทำให้ได้รับสารอาหาร <br>
ได้ง่ายกว่าที่จะรับประทานอาหารเป็นมื้อใหญ่ๆ 3 มื้อ <br>
<br>
• ดื่มน้ำหลังอาหาร 30 นาที การจำกัดน้ำขณะรับประทานอาหารจะทำให้รับอาหารได้มากขึ้น <br>
<br>
• เอนจอยอาหารมื้อดึก <br>
<br>
• อาจลองดื่มอาหารเสริมสำเร็จรูปที่เอามาชงกับน้ำหรือน้ำผลไม้ก็ได้ ควรปรึกษาแพทย์ เภสัชกร หรือนักกำหนดอาหาร เพื่อเลือกอาหารเสริมที่เหมาะสมกับความต้องการ <br>
<br>
บางคนอาจไม่มีความรู้สึกหิวเลย ซึ่งอาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น ความเจ็บป่วย ความเจ็บปวด ความเหนื่อยล้า ความเครียด ความซึมเศร้า ยาบางชนิด อากาศร้อนจัด หรือหลายๆ สาเหตุรวมกันซึ่งส่งผลไปที่สมองส่วนรับรู้ถึงความหิว และสมองส่วนนี้จะส่งสัญญาณว่า “ไม่หิว” ทั้งๆ ที่ถึงเวลาที่คุณควรจะหิวแล้ว <br>
<br>
ดังนั้นแม้ไม่หิวก็ต้องลองรับประทานให้ตรงเวลามื้ออาหาร อาจจะเริ่มจากอาหารปริมาณน้อยๆ ก่อน เมื่อร่างกายคุ้นเคยกับการรับประทานอาหารตรงเวลามากขึ้นค่อยปรับเพิ่มปริมาณอาหารมากขึ้น <br>
<br>
คุณจิ๊บเหนื่อยล้า และมีความเครียดในการเลี้ยงดูลูกเล็ก และอาจมีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วย จึงอยากแนะนำให้จัดการกับภาวะต่างๆ เหล่านี้ อาจหาญาติพี่น้องมาช่วยดูแลลูกบ้าง หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ เมื่อรู้สึกดีขึ้น อารมณ์ดี ก็จะทำให้มีความสุขกับการรับประทานอาหาร และจะรับอาหารได้มากขึ้น และอาจลองวิธีเรียกน้ำย่อยต่อไปนี้ <br>
• เลือกอาหารที่มีสีสัน กลิ่นหอม น่ารับประทาน <br>
<br>
• ดื่มไวน์ 1 แก้ว ก่อนอาหาร แอลกอฮอล์มักช่วยเรียกน้ำย่อย (แต่ถ้าใครไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก็ไม่ต้องเริ่มเลย เลี่ยงวิธีนี้ก็ได้ค่ะ) <br>
<br>
• ชวนเพื่อนฝูงมารับประทานอาหารที่บ้านด้วยกัน การรับประทานร่วมกับผู้อื่น มักทำให้การรับประทานนั้นสนุกและรับประทานได้มากขึ้น <br>
<br>
• ซื้ออาหารที่ชอบมาเก็บไว้ที่บ้าน สำหรับมื้ออาหารปกติหรือมื้อว่าง <br>
<br>
• เปลี่ยนบรรยากาศไปรับประทานอาหารที่อื่นของบ้าน เช่น ปูเสื่อที่สนาม ทำเป็นปิกนิคกับลูก หรือเปลี่ยนไปนั่งรับประทานอาหารในห้องรับแขก บางครั้งการเปลี่ยนสถานที่อาจช่วยได้บ้าง <br>
<br>
• ออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านบ้าง เช่น เลือกร้านอาหารที่มีบริการอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ก็เรียกน้ำย่อยได้ดีไม่เบา <br>
<br>
• พาลูกออกไปเดินเล่นก่อนมื้ออาหาร จะช่วยเรียกน้ำย่อยได้ <br>
<br>
• ตั้งเวลานาฬิกา เพื่อเตือนว่าถึงเวลาของมื้ออาหารแล้ว <br>
<br>
• มื้ออาหารควรเป็นบรรยากาศที่สบาย เลี่ยงการสนทนาในเรื่องที่อาจเกิดการทะเลาะกันได้ โดยเฉพาะถ้าความเครียดเป็นปัญหาของคุณอยู่แล้ว <br>
<br>
• เมื่อใดที่มีน้ำหนักตัวลดลงอย่างกะทันหันโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ แม้จะรับประทานอาหารในปริมาณปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคภัยไข้เจ็บบางอย่าง <br>
<br>
จากน้ำหนักตัวคุณจิ๊บควรได้รับพลังงานวันละ 1,700-1,800 แคลอรี เพื่อให้เพิ่มน้ำหนัก ตัวอย่างเมนู 1,800 แคลอรี <br>
<br>
เช้า <br>
ขนมปัง 2 แผ่น,ทาเนยถั่ว หรือเนยงาดำ 2 ช้อนโต๊ะ ,น้ำผลไม้ 1 กล่อง <br>
<br>
ว่างเช้า <br>
น้ำเต้าหู้ ใส่งาดำบด 1 ช้อนโต๊ะ หรือน้ำผลไม้-โยเกิร์ตปั่น (smoothie) 1 แก้ว <br>
<br>
กลางวัน <br>
ข้าวผัดหมู 1 จาน หรือสปาเกตตี้ผัดฉ่าทะเล, น้ำผลไม้ปั่น หรือ นมเย็น 1 แก้ว <br>
<br>
ว่างบ่าย <br>
อาหารเสริมชงกับน้ำ 1 แก้ว (เช่น ไอโซคาล นูเทรน เป็นต้น)หรือถั่ว 1 กำมือ <br>
<br>
เย็น <br>
ข้าว 2 ทัพพี ,ปลาทอด 1 ชิ้น, ต้มยำกุ้งน้ำข้น, ผลไม้ 1 จาน ถ้าไม่อยากรับประทานให้ชงอาหารเสริม หรือทำน้ำปั่นดื่มแทน <br>
<br>
คาดว่าถ้าคุณจิ๊บหาวิธีจัดการกับความเครียดของตน และรับประทานอาหารตามที่แนะนำไปอาจรับประทานอาหารเสริมร่วมด้วย จะทำให้คุณจิ๊บมีแรงเลี้ยงลูก มีกำลังใจที่ดี และสนุกกับชีวิตและกับการรับประทานอาหารอย่างแน่นอน ในโปรแกรมเดียวกันนี้คุณจิ๊บก็จำเป็นต้องเพิ่มมวลกล้ามเนื้อด้วยการออกกำลังกายให้สม่ำเสมอและถูกต้อง <br>
<br>
จุดประสงค์ของการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มน้ำหนักตัว (lean body mass) ดังนั้นการออกกำลังกายจะเน้น resistance training เป็นหลัก คือการใช้อุปกรณ์เครื่องเล่นต่างๆ ที่มีน้ำหนักให้เกิดแรงต้าน เช่น ดัมเบลล์ บาร์เบลล์ต่างๆ ส่วนการออกกำลังกายแบบแอโรบิคจะไม่เน้นมากในการเพิ่มน้ำหนัก ขอแนะนำว่าถ้าจะได้ผลในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้ออย่างเห็นได้ชัด อาจเข้าฟิตเนสที่มีผู้ให้คำแนะนำในการใช้อุปกรณ์สำหรับ resistance training สำหรับแต่ละส่วนของร่างกาย <br>
<br>
โปรแกรมการออกกำลังกาย : <br>
<br>
Warm-up : <br>
• เริ่มด้วยการอบอุ่นร่างกายโดยการเดิน หรือเดินเร็ว ประมาณ 5-10 นาที <br>
• ตามด้วยการยืดกล้ามเนื้อมัดหลักๆ หรือส่วนที่จะใช้ในการออกกำลังกายต่อไป โดยแต่ละส่วนให้ทำการยืดค้างไว้ประมาณ 10-30 วินาที <br>
• หรืออาจจะใช้วิธีการยกน้ำหนักเบาๆ ออกกำลังกล้ามเนื้อแต่ละส่วน ส่วนละประมาณ 12-15 ครั้งต่อเซต ไม่เกิน 2 เซต <br>
<br>
Resistance Training : <br>
• ควรเริ่มออกกำลังทุกส่วนของร่างกายโดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดหลัก โดยเริ่มจากกล้ามเนื้อมัดใหญ่ไปหามัดเล็ก โดยเริ่มจากกลุ่มของกล้ามเนื้อขา หลัง อก ท้อง และแขน <br>
• น้ำหนักที่ใช้ควรจะสามารถยกได้เต็มที่ 10-12 ครั้ง ในหนึ่งเซต <br>
• ยก 2-3 เซต ในแต่ละท่า <br>
• โดยในแต่ละกลุ่มของกล้ามเนื้อสามารถออกกำลังกายได้ 2 ท่า <br>
• ในแต่ละครั้งที่ออกกำลังกายให้ใช้อุปกรณ์ หรือท่าออกกำลังกายประมาณ 8-10 ท่า <br>
• ควรจะต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ <br>
<br>
Cool-down : <br>
• เน้นการยืดกล้ามเนื้อในส่วนที่ใช้ในการออกกำลังกายเป็นหลัก <br>
• โดยทำการยืดค้างไว้ 15 -45 วินาที ในแต่ละกลุ่มของกล้ามเนื้อ

29 May 2008  |  Comment by : FabGirl2008
Comment 2
เคยกินยาจากเวปๆนึง ก็โอเค น้ำหนักขึ้นมา ประมาณ4โล <br>
ถ้าสนใจก็เมล์มาละกัน เดี๋ยวบอกเวปให้ แล้วเข้าไปดูข้อมูลเอาเอง <br>
ไม่ได้โฆษณา แต่เคยลองมาก่อน ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอยู่แล้ว

29 May 2008  |  Comment by : pim
Comment 1
เหมือนพ่อเราน่ะคับ ตอนอายุไม่ถึง ๒๐ ผอมเหลือแต่กระดูก พอ ๒๐up ละ พุงออกเรย

28 May 2008  |  Comment by : bananza14

Comment



Pooyingnaka Wellness

Webboard
โพสต์โดย: idea 4
โพสต์โดย: ieostudyabroad 0
โพสต์โดย: oxten2000 3
โพสต์โดย: น้องหงส์หยก 5
โพสต์โดย: lookpadshu 0
โพสต์โดย: Keawlove 5
โพสต์โดย: Sosity 1
โพสต์โดย: Patnareebeautifulgirl 0

Interest Product