Talk About Women

"ความผิดปกติสังเกตุจากสีตกขาว"
สมาชิกใหม่มาพร้อมบทความ เพื่อผู้หญิงค่า เอามาจาก pantip นะคะ <br>
<br>
ความผิดปกติสังเกตุจากสีตกขาว&quot; <br>
<br>
ตกขาว เป็นเรื่องปกติของผู้หญิงก็จริง แต่มีอยู่บ่อยครั้งที่หลายคนเกิดความกังวลใจ เมื่อตกขาวมีปริมาณมากกว่าปกติ มีสี และกลับผิดปกติ อย่างคุณผู้อ่านท่านหนึ่งที่ถามมาว่า &quot;ตกขาว มีวิธีการแก้อย่างไร&quot; <br>
<br>
วันนี้เรามีคำตอบ... <br>
<br>
ตกขาว เรียกได้หลายชื่อ อาทิ ระดูขาว ประจำเดือนขาว หรือ มุตกิต หมายถึงอะไรก็ตามที่ถูกขับออกทางช่องคลอดซึ่งไม่ใช่เลือด ไม่จำเป็นต้องมีสีขาวเท่านั้น อาจเป็นสีเหลือง สีเหลืองปนเขียว หรือสีน้ำตาลก็ได้ <br>
<br>
ตกขาวแบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ ตกขาวปกติ และตกขาวผิดปกติ <br>
<br>
ตกขาวปกติ พบในภาวะที่ปกติ ธรรมชาติเป็นส่วนผสมของสิ่งที่ขับออกจากต่อมต่างๆ ของระบบอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกช่องคลอด ปากมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูก รวมทั้งหลอดมดลูก การตกขาวตามปกติจะเพิ่มมากขึ้นในสภาวะดังต่อไปนี้ <br>
<br>
เช่น ช่วงเวลาใกล้การตกไข่ประมาณวันที่ 13-14 ของรอบเดือน ก่อนมีระดู 2-3 วัน เป็นช่วงที่มีเลือดมาหล่อเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น ระหว่างการตั้งครรภ์จะมีการหลุดร่วงของเซลล์บุผนังช่องคลอดและน้ำเมือกจาก ต่อมบริเวณปากมดลูกเพิ่มมากขึ้นและขณะร่วมเพศ การกระตุ้นหรือเล้าโลมทางเพศจะมีการสร้างน้ำเมือกขาวใส ไม่มีกลิ่นออกมา นอกจากนี้ในทารกแรกเกิดเพศหญิงอาจพบการตกขาวภายหลังคลอด ซึ่งเป็นผลจากได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนจากแม่ <br>
<br>
ตกขาวผิดปกติ จะมีปริมาณตกขาวมากขึ้นมีสีและ กลิ่นผิดปกติ ก่อให้เกิดความรำคาญ อาจมีอาการคัน ปวดแสบร้อนบริเวณปากช่องคลอด หรือบริเวณใกล้เคียง ถ่ายปัสสาวะแสบขัด และมีอาการเจ็บขณะร่วมเพศ <br>
<br>
<br>
สาเหตุของการตกขาวผิดปกติเกิดจาก... <br>
<br>
การติดเชื้อจากพยาธิในช่องคลอด (Trichomonas vaginalis) เชื้อรา เชื้อหนองใน เชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ที่มักพบในเด็ก และเชื้อไวรัส ทำให้เกิดการอักเสบบริเวณช่องคลอด และอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก รวมทั้งในสตรีที่หมดระดูแล้วเยื่อบุช่องคลอดบางลง มีความต้านทานต่อการติดเชื้อน้อย ทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย บางรายปากมดลูกอักเสบ เป็นแผลมีสิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด เช่น สำลี กระดาษชำระ แทมปอน (tampon) หรือมีวัสดุที่คู่นอนใส่ไว้ในช่องคลอดขณะร่วมเพศ รวมทั้งพวกที่มีแผลที่ปากช่องคลอดและปากมดลูก มีเนื้องอกหรือมะเร็งช่องคลอด หรือเนื้องอกและมะเร็งปากมดลูก <br>
<br>
แพทย์จะวินิจฉัยตกขาวจาก การซักประวัติคนไข้ ระยะเวลาที่เกิด ความสัมพันธ์กับประวัติระดู ประวัติการติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ การใช้ยาคุมกำเนิด การใช้ยาปฏิชีวนะ จำนวนของการตกขาวว่ามีอาการคันร่วมด้วยหรือไม่ รวมไปถึงการตรวจภายใน <br>
<br>
<br>
<br>
แล้วรู้หรือไม่ว่า ยาปฏิชีวนะนี่แหละตัวดี!! <br>
<br>
บางคนเป็นหวัดเรื้อรัง หรือเป็นสิว ต้องกินยารักษาอย่างต่อเนื่อง ตัวยาจะไปทำลายเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราในช่องคลอดที่อาศัยอยู่อย่างสมดุล ทำให้มีโอกาสเป็นเชื้อราและมีปัญหาตกขาวเกิดขึ้น <br>
<br>
<br>
<br>
วิธีการสังเกตตกขาว O-O <br>
<br>
ถ้ามีลักษณะเป็น เมือกใส ไม่มีกลิ่น ให้นึกถึงว่า มีไข่ตกหรือมีอารมณ์เครียด แต่ถ้ามีลักษณะ เหนียวใสถึงขาวขุ่น มีกลิ่นคาวเหมือนปลาเน่า ให้นึกถึงการ ติดเชื้อแบคทีเรีย ถ้ามี สีเขียวปนเหลือง เป็นฟองมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ มีอาการคันร่วมด้วย ให้นึกถึง พยาธิในช่องคลอด และถ้ามี สีขาว เกาะเป็นก้อนคล้ายแป้งเปียก มีกลิ่นเหม็นอับให้นึกถึงการติดเชื้อราของช่องคลอด ซึ่งมักจะมีอาการคันร่วมด้วยเป็นๆ หายๆ ในกรณีของเชื้อรานั้น สาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากสามีเป็นเชื้อราแต่ไม่ได้รักษาเพราะไม่มีอาการ มีเพียงภรรยาที่มารักษาแต่ไม่หายเสียทีสุดท้ายก็ต้องนำสามีมาตรวจรักษาด้วย <br>
<br>
ส่วนการรักษาตกขาวผิด ปกติจะรักษาตามสาเหตุ เช่น เป็นพยาธิในช่องคลอด ต้องนำคู่นอนมารักษาด้วยและให้ยาในขนาดเท่ากัน ถ้าเป็นเชื้อราให้ยาสอดช่องคลอดหรือยารับประทานโดยควรรักษาคู่นอนด้วย มิฉะนั้นผู้ป่วยจะกลับเป็นซ้ำอยู่บ่อย ๆ ภาวะต่าง ๆ เช่น การตั้งครรภ์ เบาหวาน ภูมิคุ้มกันต่ำ การเจ็บป่วยเรื้อรัง การใช้ยาปฏิชีวนะ การให้ยาสเตียรอยด์ หรือยาเม็ดคุมกำเนิด เป็นเวลานานๆ คนอ้วนมากๆ มีส่วนช่วยให้เกิดเชื้อราระดูขาวได้ <br>
<br>
<br>
<br>
วิธีป้องกันการติดเชื้อในช่องคลอด <br>
<br>
แนะนำว่า การทำความสะอาดทวารหนักนั้น ผู้หญิงทุกคนควรเช็ดจากหน้าไปหลัง เนื่องจากผู้หญิงมีช่องคลอดและทวารหนักอยู่ใกล้กัน จึงมีโอกาสที่จะติดเชื้อสูง เวลาที่เข้าห้องน้ำสาธารณะ ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรใช้น้ำฉีดทำความสะอาดหลังปัสสาวะเสร็จ แค่ใช้กระดาษทิชชูซับก็พอแล้ว กลับมาบ้านค่อยล้างออก แต่ด้วยความเคยชินปัสสาวะเสร็จต้องล้าง เพราะคิดว่าสกปรกซึ่งไม่เป็นความจริง ปัสสาวะแค่ทำให้เกิดกลิ่นเท่านั้น การใช้หัวฉีดทำความสะอาด คนที่ใช้ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่ามีการตกขาวหรือมีเชื้อโรคอะไร ถ้าจำเป็นต้องใช้ควรฉีดน้ำทิ้งก่อน และการใช้น้ำฉีดทำความสะอาดทำให้เกิดความอับชื้นมีโอกาสเป็นเชื้อราสูง <br>
<br>
ควรหลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอดโดยเด็ดขาด เพราะมีคนไข้บางคนทำความสะอาดแบบหมดจดจริง ๆ ล้วงเข้าไปทำความสะอาด หรือใช้น้ำยาเข้าไปทำความสะอาดในช่องคลอด ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิด เพราะช่องคลอดมีความสมดุลในตัวอยู่แล้ว ทำความสะอาดแค่ภายนอกใช้น้ำอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว เหมือนกับการล้างหน้า ถ้ารู้สึกว่าหน้าเหนียวเหนอะหนะก็ล้างหน้า อาจเป็นวันละ 2 ครั้งก็พอแล้ว <br>
<br>
&quot;ข้อแนะนำ&quot; <br>
<br>
ส่วนใหญ่ที่แนะนำ คือ ทำความสะอาดตอนอาบน้ำ โดยใช้น้ำธรรมดาไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาอะไร นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการให้ผ้าอนามัยแบบสอดเพราะอาจทำให้เกิดการระคาย เคืองติดเชื้อ แต่บางคนติดใส่ผ้าอนามัยแบบสอด มีไม่มีก็ใส่เอาไว้ก่อน ซึ่งความจำเป็นที่ต้องใส่ทุกวันหมอว่าไม่มี <br>
<br>
เมื่อใดก็ตามที่ตกขาวมีสีเปลี่ยน กลิ่นผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย ไม่ควรไปซื้อยามากิน หรือมาเหน็บเอง เพราะอาจไม่ตรงตามอาการที่เป็น การรักษาก็ไม่ได้ผล และไม่ควรปล่อยปละละเลยเพราะอาจทำให้เชื้อโรคลุกลามเกิดการอักเสบ เป็นฝีที่ปีกมดลูกต้องผ่าตัดจนถึงขั้นต้องตัดมดลูก หรือปีกมดลูกทิ้งไป <br>
<br>


14 Apr 2009  |  Post by : nanajang9

Comment



Insurance

Webboard
โพสต์โดย: proton 2
โพสต์โดย: jamieMaya 0
โพสต์โดย: Cream 14
โพสต์โดย: n_n 7
โพสต์โดย: เต้ย เจ้า 4
โพสต์โดย: momtourage 2
โพสต์โดย: smokygirl 0
โพสต์โดย: sweetysweetie7 1

Interest Product