Talk About Women

ความรักที่จากไป ของชายคนหนึ่ง
....ผมคือความเหมือนที่แตกต่างของเขา แต่ถึงอย่างไร คุณ 2 คน ก็คือที่สุดในหัวใจ.. <br>
เรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ผมขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงทุกประการ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นและบุคคลที่ถูกพูดถึง ก็ล้วนเป็นบุคคลจริงที่มีอยู่จริง และ ก่อนที่ผมจะเล่าเรื่องราว ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวผมนี้ ผมอยากถามคุณผู้อ่านทุกท่านก่อน ว่าคุณเคยมีอดีตที่น่าจดจำ และเจ็บปวดที่สุดไหม...? <br>
<br>
เรื่องนี้เป็นเรื่องทีเกิดขึ้น 3 ปี ก่อน วันที่ใครๆคิดว่าเป็นปีทีดีเพราะเป็นปีที่ขึ้น สหศวรรษใหม่นั่นเอง แต่เรื่องราวของผมมันเริ่มจากจุดนี้เอง..... <br>
<br>
วันที่ 2 พ.ย. 2542 ผมยังจำได้แม่น เพราะวันนั้นเป็นวันแรกที่ผมพบกับเธอ..... เธอเป็นเพื่อนกับเพื่อนที่เรียนโทของผม เธอแวะมาหาเพื่อนเธอ เพื่อมาเอาของชิ้นนึงมันเป็นหนังสือเล่มไม่ใหญ่นักแต่ดูมีราคา เธอสวยมาก ..ในสายตาผม ผมคิดอย่างนั้นในวินาทีแรกที่เห็นเธอ และเขา 2 คนก็เดินไปนั่งคุยกัน ที่โต๊ะอื่น ด้วยสีหน้าไม่ดีนัก จนผ่านไปช่วงเวลานึงเธอ 2 คนก็เดินมาที่ที่ผมนั่ง เธอก็แนะนำตัวเองกับผม และเอ่ยปากชวนให้ไปทานข้าวด้วยกัน 3 คน <br>
<br>
หลังจากวันนั้นเองผม ก็ติดต่อเธอเรื่อยมา ไหนมาไหนด้วยกัน เลิกงานผมก็จะไปรับเธอกลับบ้าน เสาร์อาทิตย์ก็ไปดูหนัง ฟังเพลงด้วยกัน ประมาณ1เดือนกว่าเห็นได้ จนวันคริสต์มาสใกล้จะมาถึง ผมจึงไปปรึกษาเพื่อนผมว่าผมจะเซอร์ไพรส์ เธอด้วยการแอบไปจัดตกแต่งห้องเธอ และชวนเพื่อนๆไปร่วมงานกัน แต่เพื่อนผมก็เงียบไปผมไม่รู้ว่าทำไม ผมจึงถามเขาเขากลับตอบว่า ไม่ต้องทำหรอกอยู่เฉยๆดีกว่านะ ซึ่งนั่นก็เป็นคำตอบที่ผมไม่เข้าใจเอาซะเลย <br>
<br>
แต่ผมก็เดินหน้าทำตามความคิดนี้ต่อ และคืนวันคริสต์มาส ก็มาถึง ผมและเพื่อนๆของเธอหลายคน แอบรอเธออยู่ในห้องที่ประดับประดา ด้วยต้นคริสต์มาส และแสงไฟที่จัดอย่างสวยงาม และแกล้งให้พี่เธอ โทรไปเรียกให้เธอกลับมาเร็วๆ.. เธอก็รับปาก ผมดีใจมาก เพราะผมอยากเห็นรอยยิ้มเธอ.. รอยยิ้มที่ดูไร้เดียงสา ดูมีความสุขของเธอ และพอเธอมาถึงตามเวลา พวกผมก็ปิดไฟห้องเธอในใจผมตื่นเต้นไม่เป็นจังหวะ ดีใจที่จะได้เห็นเธอก้าวเข้ามา พร้อมกลับสีหน้าที่ประหลาดใจ และรอยยิ้มของเธอ และเธอก็หยุดอยู่ที่หน้าห้อง <br>
<br>
จนเธอไขประตูเข้ามา ผมจึงเปิดไฟพร้อมกล่าวว่า &quot;สุขสันต์วันคริสต์มาส.&quot; เธอนิ่งไปพักนึง และสิ่งที่ไม่คาดฝัน ก็เกิดเธอเผยรอยยิ้มออกมา พร้อมกับน้ำตาที่รินอาบแก้มของเธอ และเธอทรุดลงก้มหน้าร้องไห้ เหมือนปานจะขาดใจ ในวินาที ภาพที่ผมเห็นเธอนั้น พร้อมกับคำพูดที่เพื่อนผมเตือนผมได้ผุดขึ้นมา หัวใจผมแทบแหลกสลาย ผมคิดในใจว่าผมทำอะไรผิด ร้ายแรงขนาดนี้ ผมพุ่งตัวไปกอดเธอและกล่าวขอโทษ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็หยุดร้องเธอนิ่งไปพัก และพูดออกมาว่าขอบคุณผม และขอโทษ ที่เธอทำให้มันกลายเป็นแบบนี้ และเธอก็วิ่งออกไป.. <br>
<br>
คืนนั้นได้จบลงพร้อมความสงสัยของผม แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ผมก็ไม่ได้รับคำตอบจากปากใครๆเลย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแม้แต่เพื่อนผม ที่ได้แต่พูดว่า.. วันนึงผมก็จะรู้เอง หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาทั้งผมและเธอ ก็เงียบไป ไม่ค่อยได้ติดต่อกันอีก จนวันปีใหม่ มาถึงเธอโทรมาหาผม และชวนไปนับถอยหลังขึ้นปีใหม่ด้วยกัน ผมดีใจมาและตอบตกลงไป จากวันนั้นมาเราก็ดูรักกันมากขึ้น เธอร่าเริง และสดใสมากเวลาที่อยู่ใกล้เธอ ผมรู้สึกมีความสุขมาก เนื่องจากผมเป็นคนไม่เที่ยว ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนให้ตัวเอง ซึ่งเธอนี่แหละที่มักจะทำให้ผมหายเครียด จากเรื่องเรียนเสมอ <br>
<br>
ผมจึงได้คำตอบให้ตัวเองว่าผมรักเธอมาก แต่ผมก็ยังข้องใจกับสิ่งที่เกิดในตอนนั้นไม่หาย แต่ก็ไม่คิดที่จะถามเธอ เพราะวันนึงผมก็คงรู้เอง จนวันที่ 4 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันครบรอบคล้ายวันเกิดเธอ มาถึงผมจึงเอา*ไม้ไปให้เธอที่ทำงานของเธอ โดยที่ไม่บอกเธอก่อน เธอดีใจมาก และดูมีความสุขมากในวันนั้น แต่แล้วพอเราไปทานข้าวเสร็จก็เป็นเวลา 3 ทุ่มเห็นจะได้ ผมไปส่งเธอที่หน้าบ้าน เธอก็บอกกับผมว่าทีหลังไม่ต้องทำแบบนี้อีก เธอขอบคุณผมสีหน้าเธอเศร้ามาก พอได้ยินคำนี้เองผมจึงไม่สามารถ เก็บคำข้องใจได้อีกต่อไป ผมยิงคำถามมากมายว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอกำลังทำอะไรอยู่ เห็นผมเป็นอะไรถึงไม่บอกผม <br>
<br>
หลังจากคำถามนี้จบลง เธอกลับพูดออกมาเพียง 3 คำว่า..&quot;เธอขอโทษ&quot; และเธอก็กลับหลังหันเดินเข้าบ้านไปผมอึ้งมาก.. จนวันนั้นผมก็ไม่ได้โทรไปหาเธออีก ในเวลาที่ผมไม่มีเธอนั้น ผมรู้สึกอ้างว้าง ไม่มีความสุข ผมคิดว่าเรื่องผมกับเธอนั้นคงจะจบไปแล้ว ผมมักจะไปสถานสงเคราะห์แห่งนึงในกรุงเทพ ซึ่งเป็นที่ๆเธอมักพาผมไปเสมอ เวลาที่ผมมีเวลาว่าง เพราะเธอสอนผมว่า &quot;เคยมีคนคนนึงบอกกับเธอว่า คุณรู้จักสถานสงเคราะห์แห่งนี้ดีแค่ไหน คุณรู้ไหมว่าความรักที่อยู่ในที่แห่งนี้มันมาจากไหน .มันเกิดขึ้นมาเองหรือ ที่ทำให้เด็กพวกนี้อยู่ได้ด้วยตัวเอง คนเราทุกคน ล้วนแต่ต้องการความรักกันทั้งนั้น รวมทั้งเด็กพวกนี้ด้วย คนธรรมดาอย่างเราที่มีโอกาส มีความรักที่ยิ่งใหญ่ไม่ว่าจาก พ่อ-แม่ พี่น้อง หรือคนรัก หรือสุดท้ายคือความรัก ที่เรียกว่าความรักจากบ้านซึ่งเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะนี่คือความรัก ที่เรียกว่าครอบครัวแต่ก็อยู่ที่ว่าผู้ที่อยุ่อาศัยอีกแหละ ว่าจะสามารถรับความรักที่ยิ่งใหญ่นี้ไปได้มากแค่ไหน ต่างจากเด็กพวกนี้ ซึ่งไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้สัมผัส แล้วทำไมเราทุกคน ที่มีความรักที่ยิ่งใหญ่ จะแบ่งปันความรักอันเล็กน้อย ให้กับพวกเขาบ้างไม่ได้ ให้กับสถานที่แห่งนี้ ให้กลายเป็นบ้านที่มีความรักอันยิ่งใหญ่ เหมือนเช่นบ้านของเราบ้าง&quot; ถ้อยคำนี้ยังคงอยุ่ในใจผมเรื่อยมา แต่มันก็ทำให้ผมเข้าใจว่าทำไม เธอถึงมักจะมาสถานที่แห่งนี้เสมอ และสงสัยว่าใครคนนึงที่บอกกับเธอ.. คือใคร? <br>
<br>
ที่สถานสงเคราะห์แห่งนี้ มีบรรยากาศ อันน่า รื่นรมณ์ ผ่อนคลาย มีริมน้ำที่ทอดยาวประดับประดา ด้วยต้นไม้เป็นจุดๆ มีเครื่องเล่นให้เด็กมาเล่น *ไม้ที่สวยงาม เป็นที่ที่เหมาะกับคนทำงาน มานั่งผ่อนคลายได้สบาย ๆ ซึ่งเป็นที่ๆเธอชอบมานั่งมาก รวมทั้งผมด้วย จนถึงตอนนี้แม้ไม่มีเธอ ผมก็มักจะมานั่งปล่อยใจคิดอะไรเพลินๆ ที่สถานที่นี้เสมอ และอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเธอ จนมีเด็กคนนึงเข้ามาถามผมว่า “อ้าว!!พี่ทำไมวันนี้พี่มาคนเดียวล่ะ แล้วพี่ผู้หญิงอีกคนที่สวยๆล่ะไปไหนครับ..&quot; ทำให้ผมอึ้งไปพักใหญ่ ผมจึงตอบกลับไปว่า &quot;พี่เขาไม่ว่างมาน่ะ&quot; และนั่นก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด ที่ผมนึกออกในตอนนั้น <br>
<br>
จนเวลาผ่านไปเกือบเดือนเห็นจะได้ ผมได้รับโทรศัพท์จากเธออีกครั้ง ผมดีใจอย่างบอกไม่ถูก เธอชวนผมไปนั่งที่สถานที่แห่งนี้อีกครั้ง เธอยังคงทำตัวน่ารัก ร่าเริง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่มันมีอะไรบางอย่าง ที่ดูแปลกไปสำหรับเธอที่ผมรู้สึกได้ และความรู้สึกนั้นมันก็ถูกต้อง เมื่อเธอบอกกับผมว่า เธอมีความจำเป็นบางอย่าง ที่ต้องไปต่างประเทศ 2 ปีและ เพื่อไปเรียนต่อ ในช่วงเวลานั้นหัวใจผมแทบหยุดเต้น ผมถามเธอว่าความจำเป็นอะไร เธอนิ่งและบอกว่า เธอในตอนนี้ไม่สามารถจะรักใครได้ เธอมีอดีตที่ต้องการจะลืม ขอให้ผมให้เวลาเธอได้ไหม ผมรับปากเธอไปทันทีโดย แทบไม่ได้คิดอะไร และเธอยังขอผมว่าฝากดูแลเด็กพวกนี่ด้วย หมั่นมาที่นี่บ่อยๆ นั่งเป็นคำสุดท้ายที่เธอขอผม <br>
<br>
หลังจากวันที่เธอไปแล้ว ผมก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเธอเลย แม้ว่าจะส่งจม.ไป ฝากพี่สาวเธอบอก ก็ไม่ได้รับ จม.ตอบกลับสักฉบับเดียว ได้แต่ถามจากพี่สาวของเธอเท่านั้น จนเวลาล่วงเลยไป 1 ปีครึ่ง เวลาแห่งการรอคอยคำตอบจากเธอก็สิ้นสุดลง เธอส่ง จม. มาหาผม และบอกว่าเธอพร้อม ที่จะกลับมาแล้ว เธอเรียนจบได้เร็วกว่ากำหนดอีกด้วย แต่คงต้องรอฉลองกับเพื่อนที่นี่สักพัก และเธอพร้อมที่จะเล่าเรื่องราวที่ผมข้องใจทั้งหมดให้ฟัง แต่ถ้าผมรีบร้อนให้ไปขอไดอารี่ของเธอมาอ่าน จากพี่สาวเธอก่อนก็ได้ <br>
<br>
ผมหลังเลิกงาน จึงรีบไปบ้านเธอทันทีเพื่อไปขอไดอารี่เล่มนั้นจากพี่สาวเธอ วินาทีแรกที่ผมเห็นหนังสือเล่มนั้น ผมนึกออกทันทีว่ามันเป็นหนังสือเล่มที่เธอมาเอาจากเพื่อนของผม และเป็นเหตุให้ผมกับเธอพบกันเป็นครั้งแรกด้วย ผมหลับตาลง และค่อยๆเปิดอ่านหนังสือเล่มนั้น ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นั่นเป็นไดอารี่ของชายคนนึงที่เขียนถึงเธอ ตัวหนังสือเขียน บรรจงอย่างสวยงาม และเรียบเรียงได้อย่างไพเราะ และแฝงไว้ด้วยความเศร้า ผมจึงเข้าใจเรื่องราวทุกเรื่อง ชายคนนี้ที่ทำให้เธอแปลกจากคนอื่น ชายคนนี้ที่อยู่ในความทรงจำของเธอ และที่สำคัญ..ชายคนนี้เป็นคนดี เขาเซอร์ไพร์สเธอในวันคริสต์มาส ด้วยการจัด*ไม้ประดับประดาที่บ้านเธอ เอา*ไม้ไปรอเธอที่มหาลัย และที่สอนเธอเกี่ยวกับสถานสงเคราะห์แห่งนี้ <br>
<br>
และเขาก็เติบโตมาจากสถานสงเคราะห์แห่งนั้นด้วย หลังจากอ่านไปครึ่งเล่ม ผมพบว่ามีอีกบันทึกนึงที่เป็นลายมือเปลี่ยนไป นั่งเป็นลายมือของเธอผมจำได้ บันทึกของเธอนั้นเธอเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวผม มากมาย และเธอรู้สึกผิดกับเขา เธอลืมเขาไม่ได้ ผมจึงได้รู้ว่า ผู้ชายคนนี้ จากเธอไปอย่างไม่มีทางหวนกลับด้วยโรคหัวใจ หลังจากผมปิดหนังสือเล่มนี้ลง น้ำตาผมหลั่งออกมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผมรู้สึกรักเธอมากขึ้น ไม่รู้สึกเสียดายเวลาเลยที่รอคอยเธอมา 1 ปีครึ่ง เรื่องราวที่มันคาใจในเวลานี้ มันได้มลายหายไปจนหมดสิ้น ผมได้แต่นับวันรอคอยเธอกลับมา <br>
<br>
ผมรู้สึกขำว่าเรื่องราวของผม ทำไมมันคล้ายกับหนังเกาหลี เรื่อง My sassy girl จัง แต่เรื่องราวของผมมันกลับไม่ได้จบแบบ Happy ending เหมือนในหนังหรอก เพราะวันนึงมีโทรศัพท์มาจากพี่สาวเธอ ว่า&quot; เธอประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ ขณะเดินทางไปสนามบิน&quot; หัวใจผมแตกสลาย ผมไปสถานสงเคราะห์แห่งนี้ทันที ไปไหว้พระที่นั่นขอให้คุ้มครองเธอด้วย อย่าให้คนดีอย่างเธอต้อง เป็นอะไรเลย ถ้าแลกกับชีวิตผมได้ผมก็ยอม ผมได้แต่รอคอยปาฎิหาริย์ แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น พี่สาวเธอมาที่บ้านผมพร้อมกับร้องไห้ ผมรู้ได้ในทันที <br>
<br>
ผมทรุดลง ไม่มีเรี่ยวแรงแม้ที่จะทำอะไรได้อีก ศพชองเธอถูกนำกลับมาทำพิธีที่เมืองไทย ผมไม่สามารถ จะเอาเรี่ยวแรงไปร่วมงานของเธอได้ จนเพื่อนผมมาหาที่บ้านมาเล่าเรื่อง ราวความทุกข์ที่เธอได้พบมาให้ผมฟัง “คนรักเก่าของเธอนั้นเป็นทั้งโรคหัวใจ และเป็นเนื้องอกที่สมองด้วย เขาเป็นคน ที่อาภัพเขาไม่มีพ่อ ไม่มีแม่เขาเติบโตภายใต้สถานสงเคราะห์แห่งนั้น แต่เขาก็สามารถจบสถาปนิก จากมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งมาได้ เขารู้ตัวมาตลอดว่าเขาเป็นเนื้องอก แต่ด้วยการที่เขาไม่มีเงินที่จะรักษา เขาไม่เคยเอ่ยปากบอกเขา ทั้งๆที่เขารู้ว่าถ้าปล่อยไว้ เขาต้องไม่รอดแต่เขาไม่เคยกลัวเลย ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา <br>
<br>
จนวันเขาเป็นคนออกแบบ และสร้างสถานที่ริมสระน้ำแห่งนั้นขึ้นมาเพื่อให้เด็ก และคนที่ไปสถานที่แห่งนั้น ได้ไปนั่งพักผ่อนปล่อยใจที่นั่น และบอกกับเธอว่าสถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่รวมความรักของเขาไว้ และพร้อมจะรับเอาความรัก ของคนทุกคนที่มายังสถานที่แห่งนี้เพื่อให้กับเด็กพวกนี้ และจนวันนึงเนื้องอกเกิดแตก เขาไม่มีทางรอดเขากับยิ้มออกมา ว่าสิ่งที่เขาเสียดายที่สุดไม่ใช่ชีวิต เขาแต่เขากลับเสียดาย ที่ยังไม่ได้เอาวิชาความรู้ที่เรียนมามาช่วยสังคมเลย&quot; หลังจากที่ผมฟังจบ ผมจึงเข้าใจว่าเพื่อนผม และเธอไม่ต้องการ ให้ผมเป็นแบบนี้ไม่ต้องการ ให้ผมมานั่งทุกข์ใจอยู่อย่างนี้เหมือนที่เธอทำ เธอไม่กลัวที่จะรักใครใหม่ ซึ่งก็คือผม เธอไม่เคยเล่าเรื่องราวความทุกข์นี้ เธอไม่เคยทำอย่างที่ผมกำลังทำอยู่ <br>
<br>
หลังจากเพื่อนผมพูดจบก็ส่งรูป 2 ใบมาให้ผมเป็นรูปของผม กับผู้ชายคนนั้น มีข้อความเขียนไว้ด้วยลายมือของเธอ ว่า “ผมคือความเหมือนที่แตกต่างของเขา แต่ถึงอย่างไรคุณ 2 คนก็คือที่สุดในหัวใจ&quot; น้ำตาของผมพรั่งพรูออกมาอย่างไม่รู้ จะหยุดได้อย่างไร แต่หลังจากวันนั้นมาผมได้อุทิศตนเพื่อสร้าง อนุสรณ์ที่เป็นตัวแทนความรักของคนทุกคนในสถานที่แห่งนี้ และได้แต่หวังว่าคงจะมีสักวันที่รอยแผลนี้ จะมีใครสักคนที่ ลบเลือนให้หายไปจากใจผมบ้าง <br>
<br>
สุดท้ายนี้ขอให้คนทุกคนมีความรักที่ดี ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม อย่าลืมแบ่งปันความรักของท่าน ให้กับคนรอบข้าง ความรักที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ความรักที่มาจากคนคนเดียว แต่จะเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ได้ ต้องมาจากความรักที่เกิดจากการให้ ให้ซึ่งกันและกันในสังคม โดยไม่หวังอะไรตอบแทน..

6 Dec 2004  |  Post by : 7-11
Comment 2
<img src="pic/b2.gif">เศร้าดี แต่ยาวไปนิด(ขี้เกียจอ่านอะคับ)

6 Dec 2004  |  Comment by : oxten2000
Comment 1
เศร้าเน๊อะ ... อ่านแล้วน้ำตาคลอเลยอ่ะ

6 Dec 2004  |  Comment by : GoneHin

Comment



Pooyingnaka Wellness

Webboard
โพสต์โดย: prad001 0
โพสต์โดย: Popjr 5
โพสต์โดย: nonnano 6
โพสต์โดย: jirative 0
โพสต์โดย: Keawlove 5
โพสต์โดย: 159753 1
โพสต์โดย: PrayTa 6
โพสต์โดย: minmin 4

Interest Product