Talk About Women

สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจะเลือกยาคุมยังไง หรือว่าแบบไหน ไปอ่านเจอมาเลยมาให้ดู
เป็นผู้หญิงแบบไหน (ประเทืองไม่เกี่ยว) ผู้หญิงทั่วไปจะมีภาวะของฮอร์โมนในตัวไม่เหมือนกัน บางคนก็ผิวเนียน บางคนก็ขนดก บางคนก็อ้วน บางคนต้องดูให้ดีๆจึงจะรู้ว่าเป็นผู้หญิง ทั้งนี้ก็ขึ้นกับภาวะฮอร์โมนของแต่ละคนว่ามีแนวโน้มไปทางไหน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นสามประเภท <br>
1.ประเภท estrogenic <br>
-มีรอบเดือนออกมาก และออกนานกว่า 6 วัน <br>
-ระยะรอบเดือนสั้น มักจะน้อยกว่า26วันต่อครั้ง(มาเร็ว) <br>
-รูปร่างท้วมหรืออ้วน <br>
-ไม่ค่อยมีขนตามตัว <br>
2.ประเภทปกติ <br>
-มีรอบเดือนสม่ำเสมอ ปริมาณเลือดไม่มากไม่น้อย 4-6 วัน <br>
-น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน <br>
3.ประเภท progestonic <br>
-รอบเดือนมีเลือดน้อยไม่ค่อยเปลืองผ้าอนามัย มาน้อยกว่า 4 วัน <br>
-ระยะรอบเดือนยาว บางคนกว่า30วันจึงจะมา(เลื่อนออกไปบ่อยๆ) <br>
-รูปร่างออกไปทางผู้ชาย <br>
-เต้าเล็ก <br>
-มีขนตามตัว <br>
-เป็นสิวบ่อยๆ <br>
<br>
1. ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (combined oral contraceptions) <br>
<br>
ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมคือในหนึ่งเม็ดมีทั้ง เอสโตรเจน และโปรเจสโตเจน แบ่งเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่มีปริมาณเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนเท่ากันทุกเม็ด เรียก monophasic หรือ fixed dose pill กับอีกกลุ่มคือ multiphasic คือในแต่ละเม็ดจะมีฮอร์โมนไม่เท่ากัน <br>
<br>
1.1 monophasic or fixed dose pill <br>
ยาคุมแต่ละเม็ดจะมีเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนในขนาดเท่ากันทุกเม็ดเหมือนกันทุกเม็ดในหนึ่งแผง จะมี 21 เม็ด แต่ถ้ามี 28 เม็ด ก็แปลว่า 7 เม็ดสุดท้ายไม่มีตัวยาฮอร์โมน (ใน21เม็ดแรกจะกินเม็ดไหนก่อนก็ได้ แต่ให้ดีกินเรียงไปตามลูกศรจะดีกว่า กันสับสน) <br>
1.1.1 ยาคุมที่มีฮอร์โมนในปริมาณสูง คือมี เอสโตรเจน 50 ไมโครกรัมหรือมากกว่านั้น รวมทั้งปริมาณโปรเจสโตเจนก็มีมากด้วย ยาคุมในกลุ่มนี้ หมอมักไม่ค่อยจ่ายให้คนไข้เพื่อการคุมกำเนิด แต่จะใช้เพื่อรักษาอาการทางนรีเวช ดังตัวอย่างชื่อยาที่ 1 <br>
1 ยาเม็ดคุมกำเนิดฮอร์โมนรวมที่มีฮอร์โมนสูง (high dose) <br>
<br>
-Ovulen <br>
-Lyndiol <br>
-Anovlar <br>
-Gynovlar <br>
-Minilyn <br>
-Ovostat <br>
-Eugynon, Ovral <br>
-Norinyl <br>
-Noriday <br>
-Microgynon ED50 <br>
<br>
ฮอร์โมนพวกนี้อยู่ที่50-100ไมโครกรัมซื่งสูงมาก <br>
<br>
1.1.2 ยาคุมที่มีฮอร์โมนในปริมาณต่ำ คือมีเอสโตรเจนน้อยกว่า 50 ไมโครกรัม และปริมาณโปรเจสโตเจนก็น้อยกว่าแบบแรก คือมีเอสโตรเจนเพียง 30 หรือ 35 ไมโครกรัมเท่านั้น ยาคุมกลุ่มนี้ใช้กันมากที่สุด ตามตัวอย่างชื่อยาที่ 2 <br>
<br>
-Diane-35 (150บาท) <br>
-Preme (120บาท) <br>
-Tina (100บาท) <br>
-Sucee ซูซี่(ประมาณ 90 บาท) <br>
-Cilest <br>
-yasmin <br>
-Microgynon ED30 <br>
-Nordette <br>
-Microgest <br>
-AnNa <br>
-Marvelon <br>
-Prevenon <br>
-Minulet <br>
-Gynera <br>
<br>
1.1.3 ยาคุมที่มีฮอร์โมนในปริมาณต่ำมาก คือมีเอสโตรเจนเพียง 20 ไมโครกรัม ยาในกลุ่มนี้มีข้อดีคือ มีเอสโตรเจนต่ำ จึงมีอาการข้างเคียงจากเอสโตรเจนน้อย แต่ก็มีข้อเสียคือ อาจทำให้มีเลือดออกกระปริบกระปรอย หรือรอบเดือนอาจขาดหายไปเลย และถ้าลืมกินเมื่อไหร่ โอกาสที่จะตั้งครรภ์มีสูงกว่าแบบที่สอง และต้องกินให้ตรงเวลา ถ้ากินผิดเวลาอาจทำให้ระดับยาลดลง จนไม่สามารถยับยั้งไข่ตกได้ ที่มีจำหน่ายในเมืองไทยขณะนี้มี 2 ยี่ห้อ <br>
-Mercilon <br>
-Meliane <br>
อันนี้หมอจะให้สำหรับคนที่คลอดและให้นมบุตร <br>
<br>
1.2 multiphasic pills คือยาคุมที่มีทั้งเอสโตรเจน และโปรเจสโตเจน แต่ในแต่ละเม็ด จะมีปริมาณฮอร์โมนไม่เท่ากัน เท่าที่มีการผลิตและจำหน่ายในตลาด เป็นแบบฮอร์โมน 3 ระดับ เรียกว่า triphasic หรือ three steps pills ตามตัวอย่างยาที่ 4 ยาคุมประเภทนี้ต้องกินเรียงตามลำดับ ห้ามแซงคิวโดยเด็ดขาด <br>
-Triquilar <br>
-Trinordiol <br>
-Oilezz ออยเลซ(22เม็ด) <br>
<br>
2. ยาเม็ดคุมกำเนิด ที่มีแต่โปรเจนโตเจน <br>
<br>
ยาคุมในกลุ่มนี้ไม่มีเอสโตรเจน มีแต่โปรเจสโตเจน เรียก microdose คือมีโปรเจสโตเจนปริมาณน้อย มีปริมาณฮอร์โมนเท่ากันทุกเม็ด แต่ละแผงจะมี 35 เม็ด ดังตัวอย่างในตารางที่5 ยาคุมชนิดนี้ไม่มีอาการข้างเคียง ของเอสโตรเจน ไม่มีผลต่อคนที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ไม่มีอาการข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่นความดันโลหิตสูง แต่ยาคุมแบบนี้มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดต่ำ เพราะการระงับไข่ตกไม่แน่นอน ถ้าเกิดพลาดตั้งครรภ์ขึ้นมา โอกาสที่จะเป็นท้องนอกมดลูกจะสูงกว่าคนปกติทั่วไป <br>
<br>
ยาคุมอีกชนิดในกลุ่มนี้คือ ยาคุมที่มีโปรเจสโตเจนในปริมาณสูง คือ levonorgestrel ในขนาด 0.75 มิลลิกรัม เท่าที่มีขายในเมืองไทยมี 3 ยี่ห้อ คือ postinor กับ madonna และ mary pink เรียกยาคุมประเภทนี้ว่า ยาคุมฉุกเฉิน ให้กินทันทีหรือภายใน 72 ชั่วโมง แล้วหลังจากนั้น 12 ชั่วโมงกินอีกเม็ดที่เหลือ ใช้ยานี้ในกรณีที่การคุมกำเนิดวิธีอื่นแล้วเกิดผิดพลาดเช่นถุงยางอนามัยแตก รั่ว หรือถูกข่มขืน <br>
-microlut <br>
-exluton <br>
-ovrette <br>
-Postinor, Madonna, Mary Pink <br>
<br>
ยาที่กินแล้วทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลง <br>
-Drug decreases effectiveness of oral contraceptive pills <br>
-Amoxicillin <br>
-Ampicillin <br>
-Carbamazepine (Tegretol) <br>
-Ethosuximide (Zarontin) <br>
-Metronidazole (Flagyl) <br>
-Phenobarbital <br>
-Phenytoin (Dilantin) <br>
-Primidone (Mysoline) <br>
-Rifampin (Rifadin) <br>
-Tetracycline <br>
-Troglitazone (Rezulin) <br>
<br>
ยาคุมกำเนิดทำให้ ยาที่กินด้วยมีประสิทธิภาพของลดลง <br>
-Oral contraceptive pills decrease effectiveness of drug <br>
-Clofibrate (Atromid-S) <br>
-Lorazepam (Ativan) <br>
-Oxazepam (Serax) <br>
-Salicylates <br>
-Temazepam (Restoril) <br>
<br>
ยาเม็ดคุมกำเนิดทำให้ยาเหล่านี้เข้มข้นขึ้น <br>
-Oral contraceptive pills potentiate effect of drug <br>
-Benzodiazepines* <br>
-Beta blockers <br>
-Caffeine <br>
-Corticosteroids <br>
-Theophylline <br>
-Tricyclic antidepressants <br>
<br>
<br>
โปรดอ่านให้เข้าใจก่อนจะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เราว่านะ เลือกใส่ถุงยางด้วยจะดีกว่าป้องกันโรคด้วย และปลอดภัยจากการตั้งครรภ์ได้100% <br>
<br>
<br>


22 Jun 2009  |  Post by : munuai
Comment 2
ขอบคุณค่ะ <br>
<br>
สำหรับข้อมูลดีๆค่ะ

20 Jul 2009  |  Comment by : Samirant
Comment 1
<br>
มีหลายแบบจริงๆอ่า <br>
อืมม...ต้องคิดก่อนค่ะ <br>
ว่าจะเลือกไหนดี <br>
<br>
ขอบคุณที่นำข้อมูลมาแบ่งปันค่ะ <br>
=)) <br>


10 Jul 2009  |  Comment by : zaoldeyck

Comment



Pooyingnaka Wellness

Webboard
โพสต์โดย: Pox 0
โพสต์โดย: nongaomaom 3
โพสต์โดย: เครียด 3
โพสต์โดย: masterburger 0
โพสต์โดย: nikee 3
โพสต์โดย: Tecnogasthai 0
โพสต์โดย: linly_0302 2
โพสต์โดย: ballzoon 1

Interest Product