Talk About Women

จะทำยังไงดี
ตอนนี้เราเครียดค่ะ คือว่า ตั้งแต่ที่บ้านติดเน็ต สามีก็ไม่ค่อยสนใจเลยค่ะ เอาแต่เล่นเกมส์ เช้าตื่นมาก็เปิดคอมเล่นเกมส์จนไปทำงาน กลับบ้านมาก็เปิดคอมเล่นเกมส์ยันนอน เราอ้อนก็แล้ว อะไรก็แล้ว เขาก็ไม่สนใจค่ะ แถมยังโดนตะคอกใส่อีก &quot;ให้พี่เล่นเกมส์ก่อนได้มั๊ย โถ่&quot; เราเลยเงียบแล้วก็ขึ้นนอนซะ เขาไม่เคยขึ้นนอนพร้อมดิฉันเลยค่ะ ดิฉันต้องนอนหลับไปก่อนทุกที ก็เขาเล่นเกมส์อยู่ชั้นล่าง เราพูดอะไรคุยอะไรเขาก็ไม่ค่อยสนใจฟัง ดิฉันคบกับสามีมา 11 ปีแล้วค่ะ แต่อยู่ด้วยกันจริงๆ 7 ปี เราอายุ 26 สามีอายุ27ค่ะยังไม่มีลูก เราเป็นแม่บ้านอยู่บ้านเฉยๆ ก็ไม่ได้ฟุ้งซ่านหรือคิดว่าเขาจะมีหญิงอื่นหรอกค่ะ แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่สนใจฉันเลย <br>
แล้วอีกอย่าง บางทีเราก็อยากชวนเขาไปเที่ยวกันสองต่อสอง แต่ก็ทำไม่ได้ค่ะเพราะ คุณแม่ของดิฉันเขาก็อยู่ที่นี่ เวลาจะไปไหนคุณแม่จะร้องไปด้วยทุกครั้ง คุณแม่อายุ43เองค่ะ เลยไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวกันเท่าไร เปรยๆว่าจะไปทะเลกับสามีเปลี่ยนบรรยากาศ คุณแม่ดิฉันก็บอก &quot;ไปด้วยไม่ได้หรอ&quot; กร่อยเลยค่ะ เราเลยไม่อยากไปเลย เราจะทำวิธีไหนให้สามีหันมาสนใจดีคะ เราก็เหงาเป็นนา อยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง ครั้นจะพูดกับแม่ตรงๆก็กลัวเสียใจ แต่ปล่อยไปแบบนี้ไม่นานเราต้องอกระเบิดแน่เลยค่ะ นอนร้องไห้ทุกคืนจนหลับไปแบบนี้ สามีเอาแต่เล่นเกมส์เป็นเด็กๆ ไม่พูดไม่คุยกับเราแบบนี้ หย่าดีไหมคะ เพื่อนๆคิดว่าไงคะ

17 Oct 2009  |  Post by : audyser
Comment 7
<font color=FF00FF> <b> อริยสัจ 4 </b> <br>
มีความจริงอยู่ 4 ประการคือ การมีอยู่ของทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และ หนทางไปสู่ความดับทุกข์ ความจริงเหล่านี้เรียกว่า อริยสัจ 4 <br>
<br>
1. ทุกข์ <br>
คือ การมีอยู่ของทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ และตายล้วนเป็นทุกข์ ความเศร้าโศก ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความวิตกกังวล ความกลัวและความผิดหวังล้วนเป็น ทุกข์ การพลัดพรากจากของที่รักก็เป็นทุกข์ ความเกลียดก็เป็นทุกข์ ความอยาก ความยึดมั่นถือมั่น ความยึดติดในขันธ์ทั้ง 5 ล้วนเป็นทุกข์ <br>
<br>
2. สมุทัย <br>
คือ เหตุแห่งทุกข์ เพราะอวิชา ผู้คนจึงไม่สามารถเห็นความจริงของชีวิต พวกเขาตกอยู่ในเปลวเพลิงแห่งตัณหา ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความเศร้าโศก ความวิตกกังวล ความกลัว และความผิดหวัง <br>
<br>
3. นิโรธ <br>
คือ ความดับทุกข์ การเข้าใจความจริงของชีวิตนำไปสู่การดับความเศร้า โศกทั้งมวล อันยังให้เกิดความสงบและความเบิกบาน <br>
<br>
4. มรรค <br>
คือ หนทางนำไปสู่ความดับทุกข์ อันได้แก่ อริยมรรค 8 ซึ่งได้รับการหล่อ เลี้ยงด้วยการดำรงชีวิตอย่างมีสติความมีสตินำไปสู่สมาธิและปัญญาซึ่งจะปลดปล่อย ให้พ้นจากความทุกข์และความโศกเศร้าทั้งมวลอันจะนำไปสู่ความศานติและ ความเบิกบาน พระพุทธองค์ได้ทรงเมตตานำทางพวกเราไปตามหนทางแห่งความรู้แจ้งนี้ </font> <br>
<font color=blue> ที่มาจาก <a href="http://www.learntripitaka.com/scruple/ariya4.html" target="_blank">http://www.learntripitaka.com/scruple/ariya4.html</a></font> <br>
<font color=red> ไหนๆก็ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คลิกที่นี่อีกเว๊ป<a href="http://www.learntripitaka.com/scruple/muck8.html" target="_blank">http://www.learntripitaka.com/scruple/muck8.html</a> <br>
ละกันนะคะ เรื่องอริยมรรค 8 ค่ะ จะได้ไม่เสียเที่ยว </font> <br>
<font color=FF00FF> กลับมาอ่านได้เรื่อยๆนะคะ หวังว่าคุณคงสบายใจขึ้นนะ ^_^ </font>

22 Oct 2009  |  Comment by : Thi_Luck
Comment 6
<font color=FF00FF> <b> พรหมวิหาร 4 </b> <br>
<br>
ความหมายของพรหมวิหาร 4 <br>
- พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมของพรหมหรือของท่านผู้เป็นใหญ่ พรหมวิหารเป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์ หลักธรรมนี้ได้แก่ <br>
เมตตา ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข <br>
กรุณา ความปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ <br>
มุทิตา ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี <br>
อุเบกขา การรู้จักวางเฉย <br>
<br>
คำอธิบายพรหมวิหาร 4 <br>
1. เมตตา : ความปราถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ความสุขเกิดขึ้นได้ทั้งกายและใจ เช่น ความสุขเกิดการมีทรัพย์ ความสุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์เพื่อการบริโภค ความสุขเกิดจากการไม่เป็นหนี้ <br>
และความสุขเกิดจากการทำงานที่ปราศจากโทษ เป็นต้น <br>
<br>
2. กรุณา : ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ความทุกข์ คือ สิ่งที่เข้ามาเบียดเบียนให้เกิดความไม่สบายกาย <br>
ไม่สบายใจ และเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการด้วยกัน พระพุทธองค์ทรงสรุปไว้ว่าความทุกข์มี 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้ <br>
<br>
- ทุกข์โดยสภาวะ หรือเกิดจากเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น การเกิด การเจ็บไข้ ความแก่และ <br>
ความตายสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่เกิดมาในโลกจะต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรวมเรียกว่า กายิกทุกข์ <br>
<br>
- ทุกข์จรหรือทุกข์ทางใจ อันเป็นความทุกข์ที่เกิดจากสาเหตุที่อยู่นอกตัวเรา เช่น เมื่อปรารถนาแล้วไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ก็เป็นทุกข์ รวมเรียกว่า เจตสิกทุกข์ <br>
<br>
3. มุทิตา : ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี คำว่า &quot;ดี&quot; ในที่นี้ หมายถึง การมีความสุขหรือมีความเจริญก้าวหน้า ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีจึงหมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น ไม่มีจิตใจริษยา ความริษยา คือ ความไม่สบายใจ ความโกรธ ความฟุ้งซ่านซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตน เช่น เห็นเพื่อนแต่งตัวเรียบร้อยแล้วครูชมเชยก็เกิดความริษยาจึงแกล้งเอาเศษชอล์ก โคลน หรือหมึกไปป้ายตามเสื้อกางเกงของเพื่อนนักเรียนคนนั้นให้สกปรกเลอะเทอะ เราต้องหมั่นฝึกหัดตนให้เป็นคนที่มีมุทิตา เพราะจะสร้างไมตรีและผูกมิตรกับผู้อื่นได้ง่ายและลึกซึ้ง <br>
<br>
4. อุเบกขา : การรู้จักวางเฉย หมายถึง การวางใจเป็นกลางเพราะพิจารณาเห็นว่า ใครทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามกฎแห่งกรรม คือ ใครทำสิ่งใดไว้สิ่งนั้นย่อมตอบสนองคืนบุคคลผู้กระทำ เมื่อเราเห็นใครได้รับผลกรรมในทางที่เป็นโทษเราก็ไม่ควรดีใจหรือคิดซ้ำเติมเขาในเรื่องที่เกิดขึ้น เราควรมีความปรารถนาดี คือพยายามช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ในลักษณะที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม </font> <br>
<font color=blue> ที่มาจาก <a href="http://www.learntripitaka.com/scruple/prom4.html" target="_blank">http://www.learntripitaka.com/scruple/prom4.html</a></font>

22 Oct 2009  |  Comment by : Thi_Luck
Comment 5
<font color=FF00FF> ทีนี้เข้าใจละ <br>
<br>
เอ่อ......คิดว่าเรื่องแฟน คงจะปรับตัวได้แล้วเนอะ!(หรือยัง!?!) <br>
<br>
มาคุยเรื่องแม่ดีกว่า ฉันขอให้แง่คิดอย่างงี้ละกัน <br>
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่ามีบุตรอยู่ 3 จำพวก คือ <br>
1. ลูกที่<b> <u> ดีกว่า </b> </u>พ่อแม่ตัวเอง <br>
2. ลูกที่ดี<b> <u> เสมอเท่า </b> </u>พ่อแม่ตัวเอง <br>
3. ลูกที่<b> <u> เลวกว่า </b> </u>พ่อแม่ตัวเอง <br>
<br>
ที่นี้คุณอ่านตามนี้แล้ว คุณเลือกจะเป็นลูกแบบไหนก็ได้ถูกมั๊ยคะ!?! <br>
ฉันหวังว่าคุณคงเลือกข้อหนึ่งนะ <br>
หรืออย่างน้อยๆอ่ะ ข้อ 2 ก็ยังดี <br>
อย่าได้ข้อ 3 เลย เพราะจากที่อ่านแล้วถ้าคุณเลือกแค่ข้อ 2 ก็เหอะ <br>
ฉันก็ไม่รู้จะออกเห็นอีกแล้วเหมือนกัน <br>
<br>
ทีนี้หลังจากที่คุณเลือกได้ว่าจะเอาข้อ 1 (ถ้าเป็นอย่างที่ฉันหวังไว้นะ ฉันจะได้บอกสเตปต่อไป) <br>
คุณควรศึกษาเรื่องพรหมวิหาร 4 เป็นหลักเลยนะคะ <br>
เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา <br>
เอาล่ะค่ะ ฉันจะหามาให้อ่านเลยละกัน <br>
แล้วจะแถมด้วยอริยสัจ 4 ให้ด้วย <br>
<br>
เดี๋ยวรออ่านด้านล่างนะคะ <br>
<br>
ถ้าคุณเก็ทแล้วในเรื่องของ ลูก 3 ประเภท ฉันเองก็เชื่อว่าคุณสบายใจมากขึ้นแล้วล่ะ <br>
และรู้จักให้อภัยเก่งขึ้นอีกด้วย <br>
พรหมวิหาร 4 และอริยสัจ 4 จะช่วยให้คุณมีความสุข <br>
แม้จะอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมไม่พึงประสงค์อย่างที่คุณไม่ชอบอยู่ตอนนี้ก็ตามค่ะ <br>
<br>
ถ้าคุณเป็นคริสต์ฉันจะมาตอบแบบคริสต์ให้อีกก็ได้ <br>
เพราะจริงๆน่ะฉันเป็นคริสต์ที่มาศึกษาธรรมะ เพราะมันเป็นสัจธรรมที่สุด <br>
แต่มันก็ไม่หนีห่างกันหรอกค่ะ <br>
<br>
เอาล่ะ เดี๋ยวจะหา พรหมวิหาร 4 กับ อริยสัจ 4 มาให้อ่านนะคะ <br>
แล้วมีอะไรอยากถามเพิ่มเติมหรืออยากระบายอะไรอีก ฉันจะคอยมาดูเรื่อยๆนะคะ ^_^ โชคดีค่ะ! </font>

22 Oct 2009  |  Comment by : Thi_Luck
Comment 4
คือ ส่วนลึกในใจของเรา เรามีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อแม่เราอะค่ะ และความรู้สึกนั้นมันก็ไม่เคยหายไปจากใจเราเลย ตอนเราอายุ 15 แม่เราเลิกกับพ่อ เพราะพ่อเราไม่ดูแลครอบครัว ติดผู้หญิง แม่เราเลยมีแฟนใหม่ แต่ผู้ชายคนใหม่ของแม่เขาก็มีครอบครัวแล้วพูดง่ายๆแม่เราเป็นเมียน้อยเขานั่นเอง ผู้ชายคนนั้นเขาก็ให้เงินช่วยเหลือเรากับแม่นะคะ แต่พอมาไม่นานเมียหลวงเขาจับได้ พวกเราก็หนีหัวซุกหัวซุน จนต้องมาอยู่รวมกัน โดยไปอาศัยที่บ้านน้าสาวหรือน้องของแม่ <br>
ซึ่งบ้านของน้ามีแค่สองห้อง ห้องนึงน้านอนกับสามี อีกห้องก็มีเรา แม่ และสามีใหม่แม่ เขาพูดเสมอว่ารักเราเหมือนลูกสาว เราเองก็คิดว่าเขาคือพ่ออีกคนของเรา <br>
จนมาวันนึงแม่ออกไปซื้อกับข้าว จู่ๆเขาก็จะข่มขืนเราอะค่ะ แต่โชคดีที่วันนั้นเราเป็นเมนส์เขาเลยไม่ได้ทำไร แต่เขาก็จับไอ้นั่นมาจะยัดปากเรา เราก็บอกไม่ๆให้หายก่อน คือเอาตัวรอดไปก่อนน่ะค่ะ เขาก็พูดว่า หายแล้วให้เอานะ พอวันัน้นเราก็หนีออกจากบ้านเลยค่ะ <br>
เราตัดสินใจเล่าให้แม่ฟัง แต่แม่กลับหาว่าเราโกหกไปพูดกับน้าเราว่าเราขี้อิจฉาเขา เขาไม่เชื่อเราอะค่ะ จนถึงทุกวันนี้แทนที่แม่จะปกป้องลูกกับปกป้องผัวใหม่ เรารู้สึกเสียใจมากตอนนั้นเรา 15 ขวบเองนะคะ และตอนนั้นแม่เราก็เกลียดสามีเราคนนี้มาก ไล่เขา ด่าเขา สุดท้ายก็มาอาศัยเขา วันที่น้องชายเราจมน้ำตายเป็นวันเดียวกับวันเกิดสามีใหม่เขาแม่ซื้อเค้กมาเป่าเทียนทั้งที่ศพน้องอยู่ที่วัด แม่ไม่รู้อะค่ะว่าน้องตาย เราหมั่นไส้การกระทำนั้นมาก <br>
และอีกอย่างแม่เราไม่ถูกกับพ่อมาแต่เราจำความได้แล้วค่ะ ฉะนั้นแม่เราไม่อยากไปไหนกับพ่อหรอก แม่ไม่ได้เลี้ยงดูดิฉันตั้งแต่ดิฉันอายุ 16 แล้วน่ะค่ะ ทำงานหาเลี้ยงตัวเองจนมาอยู่กับสามีเนี่ยค่ะถึงสบายขึ้น สามีเราก็อยากไปไหนสองต่อสองกับเรานะคะดูๆแล้วเพราะเขาเป็นคนชอบอยู่ลำพังเงียบๆอะค่ะเรารู้จักเขามา 12 ปีพอจะมองออก กลุ้มใจค่ะ เฮ้อ

19 Oct 2009  |  Comment by : audyser
Comment 3
<font color=red> ทำใจให้สบายครับ เกมเล่นไปสักพักก็จะเบื่อ ถ้าไม่ได้เล่นเกมใหม่ - - มันมีช่วงที่ติดงอมแงม เรื่องแม่ก็คงลำบากใจมากเลยนะครับ ทางออกที่ดีก็หายาก ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน อาจต้องหาเพื่อนให้แม่เยอะๆ - - </font>

18 Oct 2009  |  Comment by : XIII
Comment 2
เข้าใจนะคะว่าติดเกมเป็นยังไง <br>
<br>
แต่อยากจะบอกว่า ฉันก็เป็นคนนึงที่เล่นเกมคือฉันเรียนทางด้านคอมพิวเตอร์อ่ะค่ะแล้วก็ชอบเล่นเกม <br>
<br>
แล้วแฟนก็เป็นโปรแกรมเมอร์ที่ชอบเล่นเกมอีกเหมือนกัน <br>
<br>
มันห้ามยากจริงๆนะคะ คือช่วงที่หยุดไม่ได้ก็มี แต่เด่วจะหยุดได้เอง พออะไรอะไรมันลงตัว หมายถึงในเกมอ่ะนะคะ <br>
<br>
เด่วก็ดีเอง อย่าให้ต้องเลิกกันเพราะเหตุผลนี้เลยนะคะ มันเป็นแค่ช่วง ช่วงนึงอ่ะค่ะ คุณก็หาอย่างอื่นทำแทนการที่จะเห็นเค้าแบบ เฮ่อ เล่นเกมอีกแล้ะ งี้ค่ะ <br>
<br>
เด่วพวกคุณก็ผ่านไปได้นะคะ อย่าคิดมากค่ะ สู้ๆ

18 Oct 2009  |  Comment by : imagin
Comment 1
<font color=FF00FF> หย่าทำไม เป็นเราๆหาวิธีอยู่กับสิ่งที่เราไม่ชอบ(แต่จำเป็นต้องอยู่)ให้มีความสุขที่สุดนะ <br>
กับแม่น่ะ ฉันก็เข้าใจ แต่ไม่อยากให้รู้สึกแอนตี้มากๆต่อไป <br>
สมัยเด็กๆพ่อกับแม่อาจจะอยากไปเที่ยว 2 ต่อ 2 <br>
แต่ก็ทำไม่ได้เพราะติดต้องเลี้ยงคุณ ท่านก็อึดอัดเหมือนกันแหละเราว่า <br>
เพื่อนเราที่มีลูกก็พูดแบบนี้ทั้งนั้น <br>
แต่เขาก็ไม่เคยละเลยหน้าที่ และมีเลือกที่จะหาวิธีปรับตัวที่จะอยู่กับปัญหาที่มีได้อย่างมีความสุขที่สุด <br>
ถ้าฉันเป็นคุณ <br>
อืม.....คิดๆๆๆๆๆ <br>
ฉันจะเอาเกมส์มาไว้บนห้องนอน แล้วก็ให้สามีเล่นตามปกติเลยเต็มที่ <br>
เพราะนั่นคือความสุขของคนที่เรารัก แต่มีข้อแม้ว่า ต้องให้เรานอนตักเพราะเราจะหลับก่อน <br>
และถ้าเราไปกอดไปหอมแก้ม ให้หาวิธีดูหน้าจอเกมส์เอาเองนะ ถือว่าเจอกันคนล่ะครึ่งทาง 555+ <br>
แต่ก็จะไม่ไปฟั๊ดในลักษณะรบกวนการเล่นเกมส์ของเขานะ 555+ <br>
แค่เนี๊ยแหละ ถ้าเป็นฉัน <br>
<br>
ส่วนเรื่องไปเที่ยวที่ไหนแล้วแม่อยากไปด้วย ฉันมองว่าเป็นเรื่องดีนะคะ <br>
ที่เราสามารถมีเวลาให้กับคนรักได้ทั้ง 2 คนในเวลาเดียวกัน <br>
ดีกว่าเขาจากเราไปพรุ่งนี้แล้วเราจะเสียใจทีหลัง ที่ดันไปคิดไม่อยากให้เขาไปด้วย <br>
ฉันอาจจะชวนเพื่อนบ้านไปด้วย ที่มีเด็กด้วยก็ดี แม่จะได้เล่นกับเด็ก หรือเพื่อนแม่ก็ได้ <br>
<br>
แต่ถ้าสามีเป็นคนไม่ไปไหนเลยเพราะติดเกมส์ <br>
ข้อนี้เพื่อนฉันเป็นหลายคู่ แต่ทั้งหมดจะเป็นแบบนี้ค่ะ <br>
เขาจะมีช่วงเบื่อเกมส์ของเขา และอยากออกไปข้างนอก ไปเจอเพื่อนๆบ้าง <br>
วันนั้นแหละ เขาจะชวนภรรยา <br>
เพื่อนผู้ชายที่ชอบเล่นเกมส์ของฉันทุกคนเป็นแบบนี้หมดเลย <br>
แฟนเขาก็ปล่อยให้เล่น แถมเอาใจอีกต่ะหาก เช่น แซวว่า รากงอกหน้าจอแล้วที่รัก วันนี้สามีสุดที่รักจะทานอะไรคะ <br>
เดี๋ยวจะไปซื้อมาให้ แล้วภรรยาก็ซื้อมาให้ จัดใส่จานวางให้เขาได้เล่นเกมส์ไปกินไปตามใจเลยล่ะ <br>
มันกลับทำให้เขารักภรรยา และยิ้มแป้นให้เห็นบ่อยๆ เผลอๆจะกอดกัน หอมแก้มกันมากกว่าก่อนเสียอีก <br>
<br>
ยังไงก็หาวิธีปรับตัวดีกว่านะคะ เรื่องมันไม่ได้ใหญ่จนต้องหย่าขนาดนั้นน่ะค่ะ <br>
ระวังนะ ถ้าเผลอพูดไป เสียใจทีหลัง จะหาว่าไม่เตือนนะตัวเอง ^_^ <br>
</font>

17 Oct 2009  |  Comment by : Thi_Luck

Comment



Pooyingnaka Wellness

Webboard
โพสต์โดย: thememory 8
โพสต์โดย: nuna_paya 4
โพสต์โดย: honjoza 2
โพสต์โดย: bb98765 13
โพสต์โดย: MissingLink 1
โพสต์โดย: Min-Nie 5
โพสต์โดย: kwainoi 0
โพสต์โดย: SweetNokk 1

Interest Product