Talk About Women

อันตรายParacetamol พาราเซตามอล
เรื่อง: FW: Paracetamol พาราเซตามอล

กระทู้จากพันธ์ทิพย์:
ประสบการณ์ตรงจากคนไข้ อันตรายจากยาที่หลายคนคาดไม่ถึง " Paracetamol "


เป็นเรื่องเศร้าที่พึ่งเกิดขึ้นกับคนไข้ของผม ซึ่งพึ่งเสียชีวิต
เมื่อสักครู่ใหญ่ๆ หลังจากผมและทีมพยายามช่วยชีวิตและพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ใน ICU
มาตลอดทั้งคืน


คนไข้ท่านนี้อายุ 46 ปี
มีปัญหาเรื่องเป็นไข้ตลอดทุกๆวันมาตลอดหนึ่งเดือน
แต่ไม่ได้ไปพบแพทย์ รักษาตนเองโดยทานยาลดไข้
paracetamol ที่ใครๆเรียกว่าพารา เป็นตัวเดียวกับยาที่มีชื่อทางการค้าคุ้นหูขึ้นต้นด้วย ท. ที่
โฆษณาเป็นชาวต่างชาติพูดไทยไม่ชัดมาขอซื้อยา ปัญหาก็คือผู้ป่วยท่านนี้ทานวันละ 8-10 เม็ดมา
ตลอด 1เดือนถึง 1 เดือนครึ่ง !!!!

ญาติตัดสินใจนำผู้ป่วยส่งโรงพยายบาล ด้วยปัญหาคือผู้ป่วยมีเลือดออกจากทางเดินอาหารจานวนมาก
(ถ่ายดำ + อาเจียนป็นเลือด ) หลังจากตรวจอย่างละเอียดแล้วพบปัญหาดังนี้

1.มีจุดเลือดออกอยู่ที่ทางเดินอาหารส่วนบน
2.ภาวะการทำงานของตับล้มเหลวรุนแรง
3.การแข็งตัวของเลือดผิดปกติดอย่างรุนแรงจาก ภาวะการทำงานของตับล้มเหลว
4.พบก้อนกดเบียดจากด้านนอกของหลอดอาหารและทางเดินอาหาร ได้ทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ


หลังจากทำการรักษาที่พยายามหยุดการไหลของเลือดในทางเดินอาหาร ชดเชยเลือดที่เสียไป และ
รักษาการทำงานที่ผิดปกติของตับ จากตับวาย คนไข้อาการทรุดลงเรื่อยๆจากภาวะไตวาย น้ำท่วม
ปอด ภาวะเลือดเป็นกรดอย่างรุนแรง

ผลตรวจชิ้นเนื้อพบว่าคนไข้เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดรักษาให้หายได้ด้วยยา ซึ่งเป็นสาเหตุของ
ไข้เรื้อรังมาตลอดเดือนถึงเดือนครึ่ง และทำให้คนไข้ต้องกินยาลดไข้มาตลอด
แต่ปัญหาก็คือขณะที่ผู้ป่วยมาที่โรงพยายบาลผู้ป่วยมีภาวะการทำงานของตับและไตล้มเหลวแล้ว
(ตับวาย ไตวาย ) จึงเป็นอุปสรรคต่อการรักษาและทำให้อาการคนไข้ทรุดลงเรื่อยๆ จนเสียชีวิต
ในเช้าวันนี้ ในที่สุด


โดยสรุปก็คือหากอาการป่วยของคนไข้ครั้งนี้ไม่มีภาวะตับวายจากพิษของยา Paracetamol
(ไตวายเป็นภาวะที่เกิดจากตับวายอีกที) การรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้จะไม่ใช่เรื่องยุ่ง
ยากเลย เป็นโรคที่รักษาหาย และอัตราเสียชีวิตต่ำมาก

ยา Paracetamol โดยปกติจะถูกทำลายที่ตับ โดยขนาดที่เป็นพิษคือทาน > 150 mg/Kg ใน 24
ชั่วโมง หรือคิดง่ายๆคือ ขนาด 500 mg 15 เม็ด ในคนน้ำหนัก 50 Kg ใน 24 ชั่วโมง

ปัญหาก็คือ
1. เมื่อทานปริมาณมากพอสมควรติดต่อกันแม้จะไม่กี่เม็ดต่อวัน
(ในเด็กหรือผู้มีน้ำหนักน้อยจะยิ่งแย่ เนื่องจากปริมาณยาต่อน้ำหนักตัว )
จะทำให้เกิดถาวะตับวายได้ จะเห็นได้จากที่ฉลากหรือข้างกล่องจะมีข้อความเตือนว่าไม่ควรทานติด
ต่อกันเกิน 5 วัน

2.หลายๆคนใช้เป็นยาประชดฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่าเป็นแค่ยาลดไข้ ไม่รุนแรงมั่นใจว่า "ไม่ตาย
" ........ แต่ปัญหาก็คือหลายๆครั้งการรักษาก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกครั้ง จากโรค
ประจำตัวของผู้ป่วย หรืออาจจะมีโรคที่ทำให้ตับทำงานไม่ดีอยู่แล้ว หรืออื่นๆ และหากมาพบแพทย์ช้า
กว่า 24 ชั่วโมงหลังทานยา การล้างท้องและการให้ยาต้านพิษของ Paracetamol ก็แทบจะไม่มี
ประโยชน์เลย
คนไข้มักจะลงเอยด้วยอาการตับวายอย่างรุนแรงและเสียชีวิตในที่สุด

(หลายๆท่านคงเคยพบคนที่กินเยอะมาก ไปพบแพทย์ก็ช้า แต่ไม่สียชีวิต ก็มาจากการที่อาเจียนทำ
ให้ปริมาณยาที่ได้รับลดลง หรือ ทานไม่มากจริง หรืออื่นๆ )

ผมเคยพบคนไข้ที่ตัวเหลืองเข้มทั้งตัวจากภาวะตับวาย จากการที่ทาน Paracaetamol ประชดพ่อ
แม่ แต่มาถึงโรงพยาบาลช้า คนไข้ท่านนั้นร้องให้กับผมบอกว่า "หนูไม่อยากตาย หนูแค่คิดจะ
ประชด " ผมสะทือนใจกับความไร้เดียงสาและความไม่รู้ของคนไข้อย่างมาก จนจำภาพติดตามา
จนถึงทุกวันนี้
ผมพยายามรักษาอย่างสุดความสามารถและได้ส่งคนไข้ต่อไปยัง รพ. ที่ใหญ่กว่า
แต่สุดท้ายคนไข้ท่านนั้นก็เสียชีวิตในที่สุด


ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ก็เพราะอยากจะเตือนให้ทุกท่านที่ได้อ่านกระทู้นี้
ทานยา Paracetamol ด้วยความระมัดระวัง ทานเมื่อจำเป็น อย่าเห็นว่าเป็นแค่
"ยาลดไข้ "และควรไปพบแพทย์เสียแต่เนิ่นๆ เมื่ออาการป่วยของท่านไม่ดีขึ้น

และอย่าลืมหันมองดูการกินยาของคุณพ่อคุณแม่และคนใกล้ตัวด้วยนะครับ


27 Mar 2007  |  Post by : theetima
Comment 1
ขอบคุน คุนหมอมากๆๆเลยครับที่ช่วยมาเตือนพวกเราเกี่ยวกับยาพาราเพราะว่าฟามจิงก็รู้อยู่แล้วว่ามันมีผลต่อตับแต่คิดไม่ถึงว่าจะขนาดนี้ยังไงๆก็ขอขอบคุนคุนหมอมากๆครับ

29 Mar 2007  |  Comment by : porekub

Comment


>

Pooyingnaka Quiz

Webboard
โพสต์โดย: NONGNU 11
โพสต์โดย: kej-daw 14
โพสต์โดย: Cream 5
โพสต์โดย: tramp 1
โพสต์โดย: lolitagirl 4
โพสต์โดย: StrawberryPinky 31
โพสต์โดย: noonkoy 10
โพสต์โดย: kapom 5

Interest Product