แปลกมากไหมที่ฉันไม่รักสามีตัวเอง |
---|
อยู่ๆก็อยากเขียนเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้ใครๆได้อ่าน เผื่อว่าบางอย่างที่ได้เจอกับตัวเองอาจเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้าง โดยเฉพาะน้องๆที่กำลังคิดอยากแต่งงานกับใครสักคน อาจต้องดูผู้ชายที่เราคิดแต่งงานด้วยให้ดีอีกสักนิด เพราะบางทีแค่คำว่า"ดี"อาจไม่สามารถสร้างความสุขในชีวิตคู่ได้เสมอไป ฉันเกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่นพอสมควร มีพ่อแม่ที่รักยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจ แต่กลับไม่มีโอกาสได้เรียนจนจบปริญญาเหมือนเด็กบางคนเพราะเหตุผลที่ว่าแม่ห่วงเกินไป ไม่อยากให้ฉันอยู่หอพักตามลำพัง แต่ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้คิดมากในเรื่องนี้เพราะพ่อแม่มีกิจการให้ฉันทำต่ออยู่แล้ว แม้จะเป็นเพียงกิจการเล็กๆก็ตาม แต่ลูกสาวคนเดียวอย่างฉันคงไม่ลำบากมากนัก ถึงจะไม่ได้เรียนเหมือนเพื่อนๆแต่ฉันก็มีงานทำ พ่อแม่ตามใจฉันถ้าอยากทำงานอะไรก็ได้ที่อยากทำ ฉันผ่านงานเยอะแยะ และมาจบที่งานออฟฟิส ซึ่งเงินเดือนตอนนั้นมากกว่าคนที่จบปริญญาบางคนเสียอีก ที่เล่าแบบนี้ก็คืออยากให้เห็นว่าฉันมีความสามารถและขวานขวายหาความรู้ใส่ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ฉันชอบที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา พ่อแม่ก็ทำงานส่วนของท่านไป ทุกอย่างเป็นไปตามปกติสุขของครอบครัวเล็กๆอย่างเรา พออายุยี่สิบต้นๆ ฉันก็คิดถึงเรื่องแต่งงาน ฉันอยากมีใครสักคนที่จะมาช่วยงานพ่อ ฉันเห็นว่าพ่อแม่เหนื่อย และลำพังลูกผู้หญิงอย่างฉันคงช่วยได้ไม่มากนัก ฉันเริ่มสนใจผู้ชายหลายๆคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ฉันไม่สวยหรอกค่ะ ติดจะขี้เหร่ด้วยซ้ำ แต่แปลกที่มีหนุ่มๆหน้าตาดีและไม่ดีเข้ามาสนใจอยู่เสมอ หรืออาจจะจริงที่ใครๆมักชมว่าฉันน่ารัก... สุดท้ายฉันเลือกที่จะแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันมองว่าเขาเหมาะที่จะเป็นผู้นำฉันมากที่สุด ฉันไม่สนใจที่จะมีคนตำหนิว่าผู้ชายคนนี้ขี้เหร่ที่สุดในจำนวนผู้ชายที่มาชอบฉัน และไม่สนใจที่ว่าเขาผ่านการแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันชอบเขาเพราะเขามีลักษณะในแบบที่ฉันชอบ เขาดูนิ่งๆและดูน่าสนใจ เขาทำงานเป็นช่างซ่อม แต่ฉันไม่สนใจงานเขามากนัก เพราะพ่อก็มีงานให้เขาทำอยู่แล้ว ขอแค่เขาเป็นผู้นำให้ฉันก็พอแล้ว ชีวิตหลังแต่งงานดูราบรื่นดี แม้จะมีอุปสรรคในวันแต่งงานบ้างก็ตาม ด้วยเพราะว่าฉันรู้จักแต่ตัวเขา ไม่รู้จักถึงครอบครัวเขา พอถึงวันแต่งงาน ญาติๆและครอบครัวของเขาออกจะทำให้ฉันผิดหวังอยู่ค่อนข้างมาก เพราะเขาต่างจากครอบครัวฉันโดยสิ้นเชิง จากที่เคยบอกว่าเขาฐานะดี แต่จริงๆแล้วเขาจนกว่าเรามากนัก พี่น้องแต่ละคนดูจะชอบใจที่ฉันดูจะเป็นที่พึ่งของเขาได้ ฉันรู้สึกอึดอัดกับสภาพแบบนี้มากในวันแรกของการแต่งงาน แต่พ่อแม่ก็ปลอบใจว่าครอบครัวเขาจะเป็นอย่างไรก็ช่างเขาเถอะ เพราะยังไงเสียฉันก็อยู่กับพ่อแม่ของฉันไม่ได้ไปอยู่กับญาติฝ่ายสามีอยู่แล้ว...คำบอกของพ่อแม่ทำให้ฉันคิดได้ และเลิกเก็บเรื่องญาติพี่น้องเขามาใส่ใจอีก หลังจากแต่งงานฉันก็ใช้ชีวิตตามปกติ เราอยู่กับพ่อแม่ของฉันตลอด ฉันเป็นภรรยาที่ดี ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนชอบเอาใจคน และด้วยที่รู้หน้าที่ของตัวเอง ฉันจึงเป็นที่รักของสามีมาก เขาก็ยังทำงานของเขา ส่วนฉันลาออกจากงานมาเริ่มงานกับพ่อแม่อย่างจริงจัง ฉันมีความสุขดีกับชีวิตหลังแต่งงาน โดยไม่ได้คิดเลยว่าช่วงนั้นรายได้ของฉันมากกว่าของสามีหลายเท่าตัวนัก เราอยู่กันอย่างราบรื่น จนกระทั่งมีลูกน่ารักมากๆคนหนึ่ง ลูกกลายเป็นแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้าน ช่วงนี้ฉันยิ่งทุ่มเทกับงานมากขึ้น เริ่มขยับขยายงานออกเรื่อยๆ และชวนให้สามีออกจากงานเขามาทำงานของเราเอง ซึ่งเขาก็ทำตามอย่างง่ายดาย สามีฉันเป็นคนขยันค่ะ พ่อแม่ให้ทำอะไรเขาก็ทำได้หมด ฉันบอกเขาทำอะไรเขาก็ทำได้หมด ฉันไม่ได้มีเวลาสนใจเลยว่าทุกอย่างที่เขาทำ มันเป็นการทำตามที่ฉันบอกทั้งนั้น ตอนนั้นฉันไม่มีเวลาคิดเลยว่าจริงๆแล้วคนที่เป็นผู้นำคือตัวฉันและพ่อแม่ฉันต่างหาก ไม่ใช่สามีที่ฉันอย่างที่ฉันเคยตั้งความหวังไว้เลยสักนิด พ่อสอนงานให้ฉันและเขาทุกๆอย่าง จนฉันมั่นใจว่าฉันทำเองได้ ดุแลคนงานได้ พ่อแม่ก็แยกไปอยู่ต่างจังหวัด เหลือแต่ฉันกับสามีดูแลงานตามลำพัง ตายายเอาหลานไปอยู่ด้วย ช่วงแรกฉันใจแทบขาด ไหนจะคิดถึงพ่อกับแม่ ไหนจะคิดถึงลูก เวลาฉันร้องไห้ สามีก็ทำท่าจะร้องตามไปด้วย ซึ่งยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแย่มากยิ่งขึ้น เขาไม่ได้เป็นที่พึ่งของฉันได้เลย แทนที่จะมีคำพูดที่ทำให้ฉันเข้มแข็งขึ้น กลับกลายเป็นทำท่าอ่อนแอยิ่งกว่าฉันซะอีก ฉันเลยช่วยเหลือตัวเองด้วยการทำงานให้หนักขึ้น จะได้ไม่ต้องมีเวลาคิดอะไรมากนัก และการทำแบบนี้ทำให้งานของเราก้าวขึ้นเรื่อยๆ จำได้ว่าฉันเหนื่อยมาก และสามีฉันก็คงเหนื่อยมากเหมือนกัน เพราะเขาต้องทำตามที่ฉันบอกอยู่ตลอดเวลา ฉันถือว่าตัวเองประสบความสำเร็จในชีวิตพอสมควรทั้งๆที่ตอนนั้นอายุยังไม่ถึง 30 ด้วยซ้ำ ประมาณ 26-27ปี ฉันดูน่าจะมีความสุขดีในชีวิตแต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น มีความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นเงียบๆในใจฉันทุกวัน และทุกวัน ความรู้สึกที่ว่าก็คือฉันเริ่มรู้สึกว่าสามีฉันไม่ใช่คนที่ฉันรัก ฉันไม่รักสามีตัวเอง ทั้งนี้เพราะหลังจากพ่อแม่ไม่อยู่ เราก็เริ่มใช้ชีวิตร่วมกันเกือบตลอด 24 ชม. ทำให้ฉันรู้จักสามีตัวเองมากขึ้น ฉันเริ่มรู้ว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตัวหนังสือไทยเขาก็เขียนผิดๆถูกๆ ขนาดถูกตำรวจจับขับรถชนกันต้องเขียนคำให้การเขายังโทรฯให้ฉันไปเขียนให้ทีจนตำรวจถามว่าสามีฉันใช่คนไทยหรือปล่าว....นั่นเป็นสิ่งแรกที่ฉันคาดไม่ถึงเกี่ยวกับเขา เขาไม่สนใจในเรื่องที่ผู้ชายทั่วไปสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฟุตบอล หรือมวยหรือแม้แต่เรื่องสาวๆสวยๆ หรือเขาอาจไม่กล้าแสดงออกเวลาอยู่กับฉันก็ไม่แน่ใจนัก เขาไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักเรื่อง เขาคอยทำตามคำสั่งฉัน และตามติดฉันจนฉันรู้สึกอึดอัด เขาไม่ใช่ผู้นำอย่างที่ฉันคาดหวัง แต่เขาเปรียบได้กับลูกน้องที่คล่องงานคนหนึ่งของฉันเท่านั้นเอง...ความรู้สึกนี้เกาะกุมใจฉันเพิ่มขึ้นทุกวันๆ...จนฉันเริ่มมีอาการแปลกๆกับสามีตัวเอง ฉันไม่อยากยุ่งกับเขาเช่นสามีภรรยาทั่วไป พอเขามายุ่งด้วยฉันจะมีอาการคลื่นไส้ อยากอาเจียน และพลอยป่วยเป็นไข้ไปเลยก็มี อาการแบบนี้เริ่มเป็นหนักขึ้นจนฉันรู้สึกว่าต้องหาหมอ แต่ไม่มีหมอคนไหนรักษาได้เพราะตรวจไม่เจอโรคอะไรเลย ฉันบอกตัวเองอย่างเดียวว่า อดทน เพราะไม่รู้จะทำอะไรได้ดีกว่านี้อีกแล้ว จนมาถึงช่วงจังหวะหนึ่งของชีวิต ช่วงที่ฉันแทบเอาตัวไม่รอดจากงานที่ทำ ช่วงที่น้ำมันขยับราคาขึ้นพรวดๆ ฉันประคองรายรับ-รายจ่ายแทบไม่ได้ แถมเคราะห์ร้ายมีแต่คู่แข่งและถูกลูกน้องที่ไว้ใจมานานทรยศเอาอีก ด้วยความที่ฉันยังเด็ก บางทีการต้องดูแลคนงานที่เป็นผู้ใหญ่กว่า อาจถูกมองออกในลักษณะก้าวร้าวโดยที่ฉันไม่รู้สึกตัว ฉันจึงมีศรัตรูเป็คนใกล้ตัวโดยไม่ได้เฉลียวใจ กว่าจะรู้สึกตัวเล่นเอาตั้งตัวแทบไม่ติด ช่วงนั้นฉันแย่เอามากๆ และไม่กล้าบอกพ่อกับแม่เพราะสงสารความรู้สึกของท่าน ฉันพยายามประคองตัวเองและพยายามเอาชนะคู่แข่ง โดยที่มีสามีเป็นผู้ตามเหมือนเดิม สุดท้ายร่างกายฉันก็รับไม่ไหว ฉันเกิดอาการช๊อค ปวดหัวอย่างรุนแรงจนตัวสั่นงันงก ฉันซุกตัวอยู่มุมห้องโดยมีสามีนั่งร้องไห้และกอดฉันอยู่ตลอดเวลา เขาไม่ทิ้งฉันค่ะ แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะช่วยฉันอย่างไร ... ขณะที่ฉันกำลังรู้สึกแย่เอามากๆเหมือนสติจะขาดไปฉันก็ขอให้เขากดโทรฯหาพ่อแม่ ฉันตัดสินใจบอกพ่อในทันทีนั้นและร้องไห้บอกว่าลูกอยากไปหาพ่อกับแม่ บอกว่าลูกไม่ไหวแล้ว.......พ่อแม่สั่งให้เขาขับรถพาฉันไปหาท่านทันทีที่ต่างจังหวัด และเขาก็ทำตามคำสั่งนั้นทันทีเหมือนกัน ฉันพยายามบอกตัวเองตลอดทางว่าฉันต้องอดทนและกำลังจะเจอพ่อกับแม่และลูกของฉันแล้ว....มันทรมานจริงๆค่ะ ฉันเข้าใจเลยว่าคนใกล้จะเป็นบ้าเขาเป็นอย่างไร ช่วงนั้นฉันทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังและไปพักรักษาตัวกับพ่อแม่อย่างจริงจัง พยายามดูแลตัวเอง ดูแลตัวเองด้วยวิธีของฉัน จนฉันเข้มแข็งขึ้น ใช้เวลาเป็นเดือน กว่าฉันจะกลับมาเป็นคนเดิม และเริ่มกลับมาเริ่มงานใหม่อย่างใจเย็นอีกครั้ง และฉันก็เอาชนะทุกอย่างได้ด้วยความใจเย็นและจิตใจที่นิ่งขึ้น งานฉันเริ่มอยู่ตัว คู่แข่งก็ไม่สามารถทำอะไรฉันได้ ฉันบอกตัวเองว่าอย่าคิดว่ากำลังแข่งกับใคร ให้แข่งกับตัวเองก็พอ คิดแค่ว่าต้องทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานก็พอ ถือคติว่าทำดีเท่านั้นแล้วเราจะได้ผลดีตอบแทน ความดีเท่านั้นจะชนะทุกอย่างได้ในที่สุด ทุกอย่างในชีวิตฉันดีขึ้น แต่เรื่องระหว่างฉันกับสามียิ่งแย่ลง เขาทำให้ฉันเห็นว่าในภาวะที่แย่ที่สุดของฉัน เขากลับช่วยอะไรฉันไม่ได้เลย เขายิ่งทำให้ฉันขาดความมั่นใจในตัวเขา ฉันรักเขาไม่ได้จริงๆ และเรื่องระหว่างเราสองคนยิ่งแย่ลง เราอยู่ด้วยกันแต่เพียงในนามเท่านั้น ฉันยอมรับเขาไม่ได้เอาเสียเลย ไม่ว่าจะนึกว่าคือหน้าที่หรือจะนึกถึงอะไรก็ตาม ฉันสงสารเขา จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่ฉันผิดเองที่เลือกเขาแล้วกลับกลายเป็นยอมรับเขาไม่ได้ สุดท้ายฉันเลยเป็นฝ่ายขอหย่า ด้วยเหตุผลที่ว่าฉันรู้ตัวว่าฉันผิดปกติ และฉันอยากให้โอกาศเขา ในอนาคตเขาจะมีใครก็ได้ ไม่ต้องห่วงฉัน แต่ถ้าเขาไม่มีใคร เราก็อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆแบบนี้ แต่ขอร้องว่าอย่าบังคับหรือฝืนใจฉันเพราะฉันไม่ใช่ภรรยาของเขาแล้ว เราอยู่กันเพื่อลูก เราอยู่กันเพื่องาน และเราอยู่กันเพื่อสังคม ... ฉันให้โอกาศเขาทุกอย่าง และฉันคงไม่มีใครอีกแล้วในชีวิตนี้ คิดว่าคงไม่มีใครอีกแล้วในชีวิตนี้...จริงๆ แล้วเราก็หย่ากันเงียบๆ และมีไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ แต่เรายังอยู่ด้วยกัน ฉันยังขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาเขาในสายตาของคนทั่วไป เรามีงานที่ต้องทำร่วมกัน มีลูกที่ต้องมีทั้งพ่อและแม่ แต่เรื่องของจิตใจมันคงยากที่จะเยียวยา ทุกวันนี้ฉันคิดเพียงว่าเขาคือพ่อของลูก และถ้าฉันรักลูกทุกอย่างที่เป็นของลูกฉันต้องดูแลให้ดีที่สุด ความคิดแบบนี้ทำให้ฉันดูแลเขาได้อย่างเป็นสุข ดูแลในฐานะพ่อของลูก แต่ไม่ใช่ในฐานะสามีของฉัน......แปลกไหมล่ะคะ....จะมีใครที่เป็นเหมือนฉันบ้างไหม **************************
15 Aug 2007 | Post by :
pooyingjaidee
|
Comment 13 |
---|
แต่ละคนก็มีปัญหาแต่กต่างกันออกไปเราก็มีเหมือนกัน แต่เราก็อยู่กันเหมือนสามีภรรยาทั่วไปแต่ความรู้สึกลึกๆมันไม่เหมือนเดิมคุณโชคดีกว่าเราตรงที่สามีไม่นอกใจเหมือนสามีเรา เราขอเล่าของเราบ้างนะคุณจะได้ไม่รู้สึกว่าชีวิตของคุณแย่ที่สุดยังมีบางคนที่โชคร้ายกว่าคุณอีก คือว่าเมื่อ 12 ปีก่อนตอนนั้นเราอายุแค่ 19 ปีเองปกติเราเป็นคนไม่เที่ยวไม่คบเพื่อนผู้ชายเอาเป็นว่าเป็นเด็กดีคนหนึ่งของพ่อแม่ตั้งใจเรียนได้เรียนห้องคิงเชียวนะแต่พอจบม.ปลายพ่อแม่ก็ส่งมาเรียนรามจะได้ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเพราะพ่อแม่ฐานะไม่ดีนักจนกระทั่งมาเจอแฟน ครั้งแรกที่เราเจอเขาตอนนั้นรู้สึกว่าเขาดูดีมากในสายตาเราแต่เขาเป็นคนไม่หล่อหรอกนะแต่อะไรไม่รู้ทำให้เรารู้สึกดีกับเขามากๆ คบกันแค่ไม่ถึงเดือนก็มีอะไรกันทั้งที่ก่อนหน้านี้เราก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใครแล้วฉันก็ตั้งท้องหลังจากอยู่กันแค่ 1 เดือนและเขาก็เป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวของเรามาตลอดระยะเวลา 12 ปีตอนนั้นเรารักเขามากทั้งชีวิตก็ให้ได้ทุกอย่างทุ่มเทให้เขาหมดอยู่กันตอนแรกๆก็เหมือนจะดีแต่อยู่ๆไปชักไม่ใช่ปีแรกอยู่กันเก็บเงินได้เป็นแสน(สำหรับคนฐานะไม่ดีอย่างเราเงินแสนก็ถือว่าเยอะ)และอยู่มาวันหนึ่งเขาก็บอกอยากเรียนต่อซึ่งตอนนี้เขาจบปวส.อยากเรียนให้จบตรีภาคค่ำซึ่งเราก็ยอมครั้งแรกจ่ายเงินไป 4 หมื่นก็โอเคเพื่ออนาคตและก็ค่าโน่นค่านี่อีกเยอะจนหมดเงินก้อนนั้นและแล้วก็เรียนไม่จบติดโครงงานอยู่ 1 ตัวก็เท่ากับว่าเสียเงินไปฟรีๆ เป็นแสนเหนาซ้ำระหว่างเรียนก็ติดเพื่อนกินเหล้ารวมทั้งผู้หญิง(เมียเก่า)เมื่อตอนนั้นเราได้ผ่อนมือถืออยู่เครื่องก็ให้เขาเป็นคนพกและพอฉันมีธุระบ้างอยากจะโทรไปหาพ่อแม่บ้างเขาก็อิดออดจนฉันกดไปเห็นเบอร์นึ๊งโทรเข้าโทรออกบ่อยมากเมมไว้ชื่อเอ๋ซึ่งเมียเก่าสามีชื่อโอ๋ถามไปถามมาก็คนเดียวกันนั่นแหล่ะทั้งที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยจับได้ครั้งหนึ่งแล้วและเขาก็สัญญาว่าจะไม่ติดต่อกันอีกแล้วตอนนั้นฉันเรียนมสธ.อยู่และใกล้จะเรียนจบแล้วตอนอายุ24 ฉันเบื่อๆเรื่องนี้ด้วยก็เลยอยากกลับบ้านไปอยู่กับแม่ที่ต่างจังหวัดอยู่ได้ 5 เดือนเขาก็โทรไปบอกว่าอยากรับเหมากลับมาช่วยกันทำงานจะได้เงินสักก้อนไปรับเหมาพอได้เงินก้อนหนนึ่งเขาก็ออกไปรับเหมาเองดูเหมือนว่าจะดีสุดท้ายก็หมดอีกเช่นเคยไม่ได้เงินแถมเสียเงินอีกหนำซ้ำยังมีข่างว่าไปชอบคนงานอีก ลิมเล่าไปว่าตอนที่ฉันไปอยู่บ้าน 5เดือนกลับมาก็ได้ยินว่าไปติดผู้หญิง(ลูกน้อง)แต่ฉันก็ยังโง่อยู่กับเขาต่อไปเพราะความที่ฉันรักเขา หลังจากนั้นก็ได้ยินผู้หญิงอีกหลายคนแต่ก็ไม่เป็นตัวตนหรือจริงจังอะไรสักทีจนกระทั่งเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกันอายุเท่ากับสามีแต่เขาเป็นผู้ช่วยผจก.ซึ่งสามีฉันเป็นหัวหน้าช่างดูแลอาคารผู้หญิงคนนั้นเป็นคนพูดจาดีดูน่านับถือเข้าสังคมกับผู้ชายได้ซึ่งก็คือการร่วมวงกินเหล้ากับบรรดาลูกน้องที่เป็นช่างทั้งหลายนั่นแหล่ะแม้ตัวเองจะเป็นผู้หญิงคนเดียวก็ตาม ตอนนั้นสามีเรารู้สึกจะปลื้มผู้หญิงคนนี้อย่างเปิดเผยยอมรับกับเราว่ารู้สึกดีรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย ถ้าคุณเป็นเมียคุณจะรู้สึกยังไงเราเหรอรู้สึกจุกอกหง่ะค่ะน้ำตามันก็ไหลพรากออกมาเอง และสามีของฉันก็เอาเรื่องที่ไม่ดีของฉันไปเล่าให้ผู้หญิงคนนั้นฟัง ทำไมเราถึงรู้เพราะเราคุยกับผู้หญิงคนนั้นถามทุกอย่างแต่ดูแล้วผู้หญิงคนนั้นไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับสามีฉันเพียงแค่หรอกใช้งานอะไรบางอย่างแต่คนที่คิดจริงจังคือสามีฉัน ดูแล้วผู้หญิงคนนั้นก็อยากให้ฉันเลิกกันเพื่อที่จะบงการชีวิตสามีให้สะดวกกว่านี้ ตอนนั้นรู้สึกว่าในสายตามสามี ฉันไม่มีอะไรดีเลย ตอนนั้นฉันรู้สึกเสียใจมากทรึมเศร้าไปเป็นเดือนร้องให้ทุกคืนจนกระทั่งความรู้สึกรักตัวเองมันก็ผุดขึ้นมา ฉันเปลี่ยนความคิดตัวเองสะใหม่จากที่ฉันเคยโวยวายอะไรก็ร้องไห้ แต่ตอนนี้ฉันนิ่ง นิ่งสะจนสามีฉันรู้สึกกลัว ไม่มีการพูดจากันไม่มองหน้า ถ้าเขาอยากกลับก็ปล่อยเขาถ้าไม่กลับก็ไม่ถามตัดใจและบอกตัวเองว่าอยู่เพื่อลูกเพื่อตัวเองรักตัวเองให้มาก และบอกตรงๆว่าฉันไม่เคยง้อให้เขาเลือกฉัน ฉันแค่ถามว่าจะเลิกติดต่อกันได้ไหมตอบว่าได้แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่ 10 ที่ผ่านไม่เคยพูดมึงกูกับสามีเลยและวันนี้มันหมดทุกอย่างแล้วทั้งความรักและความศรัทธาและขึ้นมีงกูและพูดหยาบครั้งแรก ขอพูดหยาบนิดนึ่งนะค่ะ "ไอ้สัตย์เมื่อคืนที่มึงไม่กลับถ้ามึงบอกว่ามึงไปนอนกับอีนั่นมากูก็ไม่รู้สึกอะไรเลยรู้สึกเฉยๆ........" งั้นพี่จะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด "เออมึงจะไปไหนมีงก็ไปถ้าจะส่งเงินมาให้ลูกก็ส่งมามึงไม่ต้องเอามาให้เองเพราะไม่อยากเห็นหน้าแต่ถ้าวันไหนที่มีงไม่ส่งเงินมาให้กูก็จะไม่ให้ลูกเรียกมึงว่าพ่อก็จะไปเรียกคนอื่นว่าพ่อแทน" พอเขาเก็บเสื้อผ้าไปฉันก็ไม่ห้ามสักคำและก็ไม่โทรไปง้อด้วยหายไปคืนหนึ่งตอนนั้นฉันคิดว่าคงเลิกจริงๆ แต่ตอนนั้นไม่เห็นเสียใจอะไรสักเท่าไหร่บอกตัวเองว่าฉันต้องอยู่ได้และจะอยู่เพื่อลูก และตอนเช้าก็กลับมาฉันก็ถามว่ากลับมาเก็บของเหรอและหลังจากนั้นสามีฉันก็เลิกติดต่อกลับผู้หญิงคนนั้นแต่ผู้หญิงรู้สึกจะเป็นฝ่ายโทรมาเอง ฉันก็เฉยๆและหลังจากเหตุการณ์นั้นถึงจะกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมแต่อะไรหลายอย่างมันเปลี่ยนไปเรื่องเงินเมื่อก่อนฉันบอกเขาทุกบาททุกสตางค์ไม่เคยโกหกสักคำทุกวันนี้เหรอโกหกมาก็โกหกกลับ โบนัสออก 3 เท่าฉันก็บอกว่าออกเท่าเดียวปีนี้บริษัทกำไรน้อยเรามีเงินก็บอกไม่มีแอบเก็บไว้อีกบัญชีนึ้ง เงินเดือนออกเราก็บอกว่าใช้หนี้หมดเพราะว่าเมื่อก่อนเราเคยเป็นหนี้บัตรกดเงินก็เอาไปใช้เรื่องของสามีนี่แหล่ะค่ะ ตั้งแต่เขาไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ฉันเริ่มจิกเงินมาใช้หนี้บัตรก่อนและทุกวันนี้เริ่มมีเงินเก็บแล้วพอเรารักตัวเองมากขึ้นทุกอย่างมันก็ดีขึ้น เพราะถ้าฉันเลิกกับเขาฉันก็ต้องเดือนร้อนเพราะทุกวันนี้เขาจ่ายค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟทุกอย่าง แต่สักวันผู้ชายแบบนี้มันก็ต้องมีเรื่องแบบนี้เข้ามาอีกและวันนั้นฉันมีเงินฉันก็ไม่เห็นต้องง้อเลย เฮ้อไม่น่าโง่มาตั้ง 10 ปีเลย
11 Nov 2010 | Comment by :
nanamimmim
|
Comment 12 |
---|
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ ขอบคุณคุณ fatima ดิฉันเองก็หวังตลอดเวลาว่าสักวันหนึ่ง ฉันอาจกลับมาเป็นคนดีกว่าทุกวันนี้ ดีในที่นี้หมายถึงฉันยอมรับกับทุกสภาพและทุกๆเรื่องได้ดีกว่านี้และดิฉันกำลังพยายามอย่างที่สุดเช่นกันค่ะ เพราะความสุขที่แท้จริงในชีวิตก็เป็นสิ่งที่ดิฉันต้องการที่สุดเช่นกัน....ขอบคุณทุกคนด้วยนะคะ ****จากเจ้าของกระทู้****
16 Aug 2007 | Comment by :
pooyingjaidee
|
Comment 11 |
---|
ที่บอกไว้ข้างบนนั้นไม่ได้ต้องการซ้ำเติมคุณนะค่ะเพียงแต่มองในอีกมุมหนึ่งเท่านั้นค่ะ ยังไงก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของคุรค่ะและขอเป็นกำลังใจให้คุณดำเนินชีวิตอย่างที่คุณเลือกอย่างมีความสุขค่ะ
16 Aug 2007 | Comment by :
fatima
|
Comment 10 |
---|
ดิฉันคิดว่าคุณคาดหวังในตัวสามีของคุณมากเกินไปในตอนที่ยังไม่ได้แต่งงานกับเค้านะค่ะแล้วจริงๆคุณก็ไม่ได้รักเค้าด้วยเพียงแค่มองว่าเขาเหมาะที่จะเป็นผู้นำคุณได้ พออยู่กันเข้าจริงๆความรู้สึกผิดหวังมันมากขึ้นมันเลยทำให้คุณรูสึกผิดหวัง เจ็บปวด แต่สามีของคุณคงจะเจ็บปวดกว่าคุณมากกว่าค่ะ บางคนต้องการสามีที่คอยตามอาจเพราะจะได้ไม่มีปัญญากัน ผู้หญิงหรือผู้ชายบางคนเท่านั้นค่ะที่จะเหมาะสมสำหรับภาวะผู้นำ อย่าคาดหวังในสิ่งที่เราไม่รู้ให้มากค่ะทำใจยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นดีที่สุดค่ะ เหมือนที่เขายอมรับในตัวคุณค่ะ อาการที่คุณบอกว่ามันเกากินใจคุณจนไม่อยากให้เขายุ่งด้วย มันเป็นอาการ เบื่อ หรือ รังเกียจเขามากๆจนทำใจยอมรับไม่ได้ค่ะ ลองคิดกลับกันสิค่ะว่าถ้าเขามีภาวะผู้นำมีความคิดที่ดีมากกว่านี้ เขาอาจทำให้คุณเสียใจมากกว่าที่เป็นอยู่ได้ค่ะ
16 Aug 2007 | Comment by :
fatima
|
Comment 9 |
---|
อ่านแล้วเข้าใจมากๆเลยค่ะ เพราะเราก็คล้ายๆกัน เพียงแต่ว่าเราไม่หนักเหมือนคุณเท่านั้น ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ ยอมรับว่าคุณเก่งมากที่ยังอยู่กันแม้เพียงในนามก็เถอะเพราะมันเป้นอะไรที่ทำได้ยากมาก และเข้าใจอดีตแฟนคุณด้วย เขาไม่ผิดเพราะเขาไม่เคยทรยศคุณ และไม่ได้ว่าคุณผิดนะค่ะ ยกย่องและขอเป้นหนึ่งกำลังใจเล็กๆให้คุณนะค่ะ
16 Aug 2007 | Comment by :
kratic
|
Comment 8 |
---|
จะเป็นกำลังจัยให้คับ
16 Aug 2007 | Comment by :
pinyoko
|
Comment 7 |
---|
กำลังจะแต่งงานค่ะ แต่อ่านเรื่องของพ่แล้วหนูกลัวเลยอ่ะ ตอนนี้ทุกอย่างมันก็ดูดีอ่ะ กลัวว่าอยู่กันไปนานเข้าจะเป็นไม่เปนอย่างที่หวัง แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆค่ะ
16 Aug 2007 | Comment by :
rukmee
|
Comment 6 |
---|
ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาสนใจ คำตอบของความอดทนทั้งหมดทั้งมวลคือคำว่า "ลูก " ค่ะ....ขอบคุณทุกคนค่ะ///จากเจ้าของกระทู้
15 Aug 2007 | Comment by :
pooyingjaidee
|
Comment 5 |
---|
ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาสนใจ คำตอบของความอดทนทั้งหมดทั้งมวลคือคำว่า "ลูก " ค่ะ....ขอบคุณทุกคนค่ะ///จากเจ้าของกระทู้
15 Aug 2007 | Comment by :
pooyingjaidee
|
Comment 4 |
---|
โหหห....ไม่อยากเปงอย่างคุณเลยอะ บางทีอาจจะต้องใช้เวลาศึกษาใครนานๆ บางทีเปงเพราะว่าคุณแต่งกับเขาเร็วเกินไปรึป่าว เลยไม่รู้เบื้องลึก
15 Aug 2007 | Comment by :
builtin
|
Comment 3 |
---|
เราก็เคยตัดสินใจแต่งงานกับคนที่เราคิดว่าเหมาะสมและจะมาช่วยงานที่บ้านได้เหมือนกันแต่เรายังโชคร้ายกว่าเจ้าของกะทู้มากตรงที่สุดท้ายแล้วเค้าไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเลยแม้แต่นิดเดียวโดนทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจสุดท้ายก็ต้องเลิกกันไป
15 Aug 2007 | Comment by :
เศร้ามาก
|
Comment 2 |
---|
ไม่ผิดและไม่แปลกด้วย ค่ะ สำหรับเรา เราคิดว่า โอเค น่ะค่ะ ไม่ใช่ ไม่รู้สึก ก็บอกเค้า ไม่ต้องฝืนความรู้สึก แต่ หย่ากัน และ ยังอยู่ด้วยกันนี้ จะอึดอัด รึป่าวค่ะ แต่ บางที คนคนนี้ เค้าอาจที่จะเหมาะเป็นเพื่อนมากกว่า หลายคนค่ะ คบๆกันตอนแรกคิดว่าใช่ อยู่ๆไปกลับไม่ใช่ แต่ บางคนเค้าก็ทนๆฝืนอยู่กันไปไงค่ะ แต่เรานับถือความคิดคุณน่ะค่ะ เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ
15 Aug 2007 | Comment by :
PpPp
|
Comment 1 |
---|
น่าเห็นใจนะ คุณคงต้องกลับมาคิดแล้วล่ะ ว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหน แต่เท่าที่ฟังคุณเล่ามา ดิฉันคิดว่าคุณเปลี่ยนคู่ใหม่เถอะ หรือไม่ก็อยู่คนเป็นโสดดีกว่า อยู่อย่างไม่มีความสุขทุกข์ใจป่าวๆ
15 Aug 2007 | Comment by :
อยากตอบ
|
ชุดสูท เบลเซอร์เข้ารูป ร้านนี้รีวิวดีมาก
สั่งซื้อ https://shope.ee/3L0yGkrQtaราคา 390 บาท
4U2 DEAR ME LIQUID BLUSH - บลัชออนเนื้อน้ำ (บลัชหูกระต่าย)
สั่งซื้อ https://shope.ee/B5NbW3crJราคา 179 บาท
DUDEE เบาะรองนั่งสไตล์มินิมอลน่ารัก รุ่น 226 เหมาะสมทุกการใช้งาน ขนาดใหญ่ นั่งสบาย สามารถถอดซักได้ แบรนด์ : DUDEE ขนาดของสินค้า : 60*50 CM วัสดุภายใน : ใยสังเคราะห์ เนื้อผ้านุ่ม สัมผัสสะบาย สีไม่ซีด
สั่งซื้อ https://shope.ee/1qDAnbIrZNราคา 269 บาท
Wacoal Short Panty แพ็ค 5 ชิ้น กางเกงในใส่สบายวาโก้ รูปแบบเต็มตัว
สั่งซื้อ https://shope.ee/7fB8upnvjIราคา 500 บาท
โซฟาปรับนอนปรับนั่งได้เหมาะกับคอนโด ห้องนั่งเล่น
สั่งซื้อ https://shope.ee/lOCawU8eราคา 2499 บาท
กล่องเก็บข้าวสาร01 กดใช้ง่าย ใช้งานสะดวก ถังเก็บข้าวสารมินิมอล ไซซ์ L
สั่งซื้อ https://shope.ee/30Oqg59wYOราคา 369 บาท
แปรงทำความสะอาด ฝาแก้ว แปรงล้างขวด ล้างจุกนม ที่ล้างฝา ที่ล้างฝาแก้วเก็บความเย็น รูปตัว U 3 in 1 อเนกประสงค์
สั่งซื้อ https://shope.ee/8zg3NW9ZG0ราคา 19 บาท
ม่านกันแดดรถยนต์ ม่านบังแดดลายการ์ตูนกัน UV รถยนต์ แบบแม่เหล็กลายการ์ตูนหนา 6 ชั้น มุ้งกันยุงติดประตู
สั่งซื้อ https://shope.ee/10e5ATSuXoราคา 119 บาท
บาล์มน้ำหอมแท่งแบบพกพาคุณภาพสูงราคาส่งติดทนนานกลิ่นหอมธรรมชาติ Heart Beats Solid Balm
สั่งซื้อ https://shope.ee/LNxS6AyYKราคา 9 บาท
ICHITAN เย็นเย็น น้ำเก๊กฮวยผสมน้ำผึ้ง 1 ลัง (24 ขวด)
สั่งซื้อ https://shope.ee/5piyruWmtcราคา 330 บาท
พัดลมมือถือไร้สายแบบพกพา Qfit GF02 ปรับความเร็วได้ 199 ระดับ ชาร์จใหม่ได้พร้อมจอแสดงผลดิจิตอล Turbo Boost
สั่งซื้อ https://s.shopee.co.th/LT6c4FHa2ราคา 395 บาท
หม้อชาบู หม้อมินิไฟฟ้า แบบพกพาและขนาดเล็ก 1.2 ลิตร หม้อมาม่า
สั่งซื้อ https://shope.ee/AKBJO38aTwราคา 97 บาท