Talk About Women

ภัยจากผ้าอนามัย ไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับผู้หญิง
ผ้าอนามัย หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ซับเลือดประจำเดือน (ระดู) ทำจากวัสดุห่อหุ้มและวัสดุเนื้อใน มีขนาดตามกำหนด มีความนุ่มและสะอาดพร้อมทั้งมีคุณสมบัติดูดซึมของเหลวได้ดี

ผ้าอนามัย จัดเป็นเครื่องอุปโภคที่จำเป็นสำหรับสตรี และมีปริมาณการใช้สูง จึงได้มีการควบคุมคุณภาพเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ใช้ กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ผ้าอนามัยเป็นเครื่องสำอางที่กำหนดคุณภาพมาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข

ผ้าอนามัย แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

1) ผ้าอนามัยชนิดใช้ภายนอก หมายถึง ผ้าอนามัยที่ใช้รองรับดูดซึมเลือดประจำเดือน ซึ่งมิได้สอดใส่เข้าไปในช่องคลอด และต้องผลิตให้ถูกสุขลักษณะ แบ่งออกเป็น 3 แบบ ได้แก่ - แบบมีห่วง- แบบแถบปลาย- แบบแถบกาว
2) ผ้าอนามัยชนิดสอด หมายถึง ผ้าอนามัยที่ใช้สอดใส่เข้าในช่องคลอดเพื่อดูดซึมเลือดประจำเดือน และต้องผลิตโดยวิธีการปลอดเชื้อ

ลักษณะที่ดีของผ้าอนามัย


1. ดูจากภายนอกต้องสะอาด ไม่มีสิ่งแปลกปลอม หรือรอยเปื้อนเปรอะ
2. มีกลิ่นสะอาด ไม่อับชื้น
3. การดูดซึมต้องเร็ว สามารถกระจายของเหลวจากส่วนกลางใปยังหัวท้าย
4. ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือเกิดการระคายเคือง
5. ภาชนะบรรจุผนึกสนิทเรียบร้อย เพื่อป้องกันฝุ่นและแมลงต่าง ๆ

คำแนะนำการใช้ผ้าอนามัย


1. เวลาซื้อควรดูลักษณะของภาชนะบรรจุ ควรปิดสนิทและไม่มีกลิ่นอับชื้น

2. เมื่อเปิดใช้แล้ว ควรปิดกล่องหรือภาชนะบรรจุให้เรียบร้อย เก็บไว้ในที่มิดชิดเพื่อป้องกันฝุ่นและแมลง ผ้าอนามัยที่เปิดกล่องใช้เหลือเก็บไว้นานๆ ไม่ควรเอามาใช้

3. ไม่ควรใช้ผ้าอนามัยแต่ละชิ้นนานเกินควร (ประมาณ 8 ชั่วโมง) โดยเฉพาะผ้าอนามัยชนิดสอดต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่าลืมทิ้งไว้ในช่องคลอด อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยเกิดกลุ่มอาการเป็นพิษ เนื่องจากได้รับสารพิษ (Toxin) จากเชื้อแบคทีเรียพวกสตาฟีโลคอคคัส (Staphylococcus spp.) มีอาการปวดศีรษะ มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เรียกกลุ่มอาการนี้ว่า ทอกซิค ชอคซินโดรม (Toxic Shock Syndrome)


4. เมื่อใช้แล้วเกิดอาการผิดปกติ เช่น แพ้ คัน หรือ เกิดการระคายเคือง ควรเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่น

สาเหตุของการแพ้ผ้าอนามัย

การที่เกิดมีผื่น ที่ขาหนีบเมื่อใส่ผ้าอนามัยตอนเป็นประจำเดือน ที่เจอบ่อยที่สุดไม่ใช่เป็นอาการแพ้ผ้าอนามัยตามที่สงสัย แต่เป็นเรื่องของการอักเสบจากการติดเชื้อราที่อวัยวะเพศและขาหนีบ เชื้อรานี้มักจะกำเริบก่อนเป็นประจำเดือน เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความอับชื้น ฯลฯ ถัดลงมาจึงเป็นการแพ้ผ้าอนามัย และการติดเชื้อประเภทอื่นๆ

ดังนั้น อาการแพ้ผ้าอนามัย ก็เหมือนอาการแพ้ที่เกิดกับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย คนเราแพ้ผ้าอนามัย หรือส่วนประกอบอื่นๆ ของผ้าอนามัยได้ เช่น น้ำหอม สารเคมีชนิดต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบ อาการแพ้มักเกิดเมื่อใส่ผ้าอนามัยไปได้ไม่นาน คือมีอาการคัน มีผื่นขึ้น ลักษณะของผื่นแดง บางทีเป็นตุ่มน้ำใสๆ สังเกตว่า อาการคันและตุ่มน้ำนี้ ไม่ได้อยู่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกเท่านั้น ยังลามไปบริเวณรอบๆ ทวารหนัก คือบริเวณที่ผ้าอนามัยสัมผัสผิวของผู้สวมใส่ได้อีกด้วย เพราะถ้าแพ้อนามัยผิวส่วนอื่นๆ ก็มักจะแพ้ด้วย ไม่ใช่เฉพาะผิวบริเวณอวัยวะเพศเท่านั้น วิธีการรักษาก็ต้องเลิกใช้ของที่แพ้ และอาจใช้ยาแก้แพ้ชนิดทาและหรือชนิดกินช่วย

แต่ทั้งนี้ การหาซื้อยาเองโดยการพูดคุยกับเภสัชกรอาจไม่เพียงพอ เพราะคำบอกเล่านั้น ไม่สามารถวินิจฉัยได้แม่นยำ เพราะการบอกเล่านั้น แล้วแต่อุปนิสัยของแต่ละคน บางคนบอกน่ากลัว เช่น เป็นแผลขนาดใหญ่ เจ็บแสบมาก เมื่อตรวจภายในไม่พบแผลเลยก็มี บางคนบอกว่าเจ็บแสบนิดหน่อย เมื่อตรวจพบว่า มีแผลที่แคมขนาดใหญ่จนถึงกับเนื้อแคมแหว่งไปเลยก็มี

ดังนั้นเมื่อมีความผิดปกติในบริเวณอวัยวะเพศ การตรวจภายในจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด เมื่อวินิจฉัยถูกต้องการรักษาก็จะได้ผล

นอกจากอาการที่เกิดจากการแพ้ผ้าอนามัยแล้ว ยังมีโรคอื่นที่สามารถกำเริบในช่วงมีประจำเดือนอีกหลายโรค โรคที่พบบ่อยก็คือโรคเชื้อรา เชื้อรานี้โดยปกติร้อยละ 15 ของสตรี มีเชื้อนี้อยู่โดยไม่มีอาการ เชื้อราเหล่านี้มักมีสาเหตุนำที่ทำให้เกิดอาการขึ้น เช่น ความอับชื้น ความเป็นกรดด่างที่เปลี่ยนไป ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ตั้งครรภ์ รับประทานยาคุมกำเนิด รับประทานยาปฏิชีวนะอยู่ เป็นโรคพร่องภูมิต้านทาน รับประทานยาบางชนิด เป็นต้น

ลักษณะของการอักเสบจากเชื้อรานี้ มักจะเป็นบริเวณรอบๆ ช่องคลอดและขาหนีบ ช่องคลอดจะบวมแดง คัน และเป็นรอยแตก ทำให้มีอาการปัสสาวะแสบร่วมด้วย ส่วนโรคอื่นที่ทำให้เกิดผื่นที่อวัยวะเพศ และพบบ่อยในช่วงเป็นประจำเดือน ได้แก่ โรคเริม ส่วนโรคติดเชื้อชนิดอื่นๆ ก็พบได้แต่ไม่บ่อย

โรคเริมนั้น เป็นการติดเชื้อไวรัส ชนิดเฮอร์ปี่ซิมเพล็กส์ชนิด 1 หรือชนิด 2 (HSV1, HSV2) โรคเริมที่อวัยวะเพศส่วนใหญ่เป็นการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สมัยก่อนเชื่อว่าชนิดที่ 1 นั้นเกิดที่ริมฝีปาก ชนิดที่ 2 เกิดที่อวัยวะเพศ ปัจจุบันเชื่อว่าทั้งสองชนิดเกิดได้ที่อวัยวะเพศเหมือนๆ กันโดยชนิดที่ 1 บางทีติดมาจากริมฝีปาก ในกรณีมีการร่วมเพศโดยใช้ปากช่วย โรคเริมนี้มีระยะฟักเชื้อประมาณหนึ่งสัปดาห์ นั่นหมายถึงเมื่อร่วมเพศกับคนที่เป็นเริม อีกหนึ่งสัปดาห์จึงจะมีอาการอักเสบจากโรคเริม
โรคเริมเมื่อเป็นครั้งแรกจะมีอาการมาก อวัยวะเพศจะขึ้นตุ่มใสๆ เป็นกลุ่ม ต่อมาไม่กี่วันตุ่มพวกนี้จะแตกเป็นแผลมีหนอง และเจ็บปวดมาก มีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต กดเจ็บ ต่อมาแผลจะเริ่มตกสะเก็ดและหาย ใช้เวลานานถึง 2-3 สัปดาห์ เมื่อติดเชื้อเริมแล้ว เชื้อเริมจะไปอยู่ที่ปมประสาทในไขสันหลัง และแพร่เชื้ออกมาเป็นระยะๆ นั่นคือโรคเริมเมื่อเป็นแล้วไม่หายขาด เมื่อภูมิต้านทานของคนไข้ต่ำลง เช่น กำลังเป็นประจำเดือน ไม่ได้พักผ่อน วิตกกังวล เป็นต้น ก็จะเป็นโรคเริมกลับซ้ำมาอีก โรคเริมกลับซ้ำนี้ มักมีอาการไม่มาก บางทีมีตุ่มใสๆ สองสามตุ่มคันๆ แตกแล้วก็หายไป สรุปตุ่มที่อวัยวะเพศ ในช่วงเป็นประจำเดือนบางทีอาจเป็นการติดเชื้อจากโรคเริมได้

การใส่ผ้าอนามัย (แผ่นเล็กๆ) ตลอดเวลา อาจจะทำให้รู้สึกสะอาด แต่เป็นสุขลักษณะที่ไม่ดี เพราะจะทำให้ช่องคลอดมีการอับชื้นตลอดเวลา มีโอกาสติดเชื้อต่างๆ มากขึ้น บางคนจะมีอาการตกขาวทุกครั้งที่ใส่ ดังนั้นจึงควรใส่ผ้าอนามัยในเวลาที่จำเป็นเท่านั้น แม้แต่กางเกงชั้นในที่คับๆ ก็ควรจะหลีกเลี่ยง เปลี่ยนมาใช้กางเกงผ้าฝ้ายที่สวมใส่สบายจะดีกว่า เพราะถ่ายเทอากาศได้ดีกว่า และการใส่ผ้าอนามัยแน่นเกินไปก็เป็นการปิดกั้นไม่ให้ประจำเดือนไหลออกมา ดังนั้นควรขยับผ้าอนามัยบ้าง เมื่อใส่ไปนานๆ

ที่มา www.clinicrak.com/www.webdb.dmsc.moph.go.th ฝ่ายวิเคราะห์พิษทางจุลชีววิทยา กองพิษวิทยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

24 Mar 2008  |  Post by : SweetNokk
Comment 7
ผ้าอนามัยแบบสอด
เคยได้ยินว่าพวกนางพยาบาลเค้าใช้กัน
หรือไม่ก็ใช้เวลาลงว่ายน้ำอ่ะค่ะ
มันจริงรึเปล่า

3 Aug 2010  |  Comment by : sodaza27
Comment 6
ใช้โปรแกรมยังไงอ่ะ

26 Mar 2008  |  Comment by : sriwittaya
Comment 3
ขอบคุณค่ะพี่นก เป็นประโยชน์มากๆเลยค่ะ

24 Mar 2008  |  Comment by : joom
Comment 2
พี่นกนี่ดีจริงๆเลยนะคะที่ช่วยหาคำตอบมาให้ได้อ่าน ไปหาคำตอบมาจนได้ ขอบคุณจริงๆค่ะ

24 Mar 2008  |  Comment by : Tabo
Comment 1
พี่นกนี่ดีจริงๆเลยนะคะที่ช่วยหาคำตอบมาให้ได้อ่าน ไปหา ขอบคุณจริงๆค่ะ

24 Mar 2008  |  Comment by : Tabo

Comment


>

Pooyingnaka Wellness

Webboard
โพสต์โดย: PrincessAngel 34
โพสต์โดย: Manking 0
โพสต์โดย: sirada 2
โพสต์โดย: Sangdad 7
โพสต์โดย: yaowapa001 2
โพสต์โดย: นอย 8
โพสต์โดย: a3010 3
โพสต์โดย: missinglink 0

Interest Product