เมื่อเพื่อนสนิท (ทั้งเราและเค้า)แอบคิดไม่ซื่อทั้งสองฝ่าย

เมื่อเพื่อนสนิท (ทั้งเราและเค้า)แอบคิดไม่ซื่อทั้งสองฝ่าย
คือเราตอนนี้ไม่รู้จะทำไง และไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองด้วย คือเรามีเพื่อนสนิทอยู่คนนึง สนิทมากตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย ถ้าถามว่าแอบรักเพื่อนตัวเองมั้ยมันก็ใช่นะ เพียงแต่ว่าไม่เคยคิดในทางชู้สาว ไม่เคยคาดหวังกับเรื่องนี้ก็คบกันไปเรื่อยๆ แต่ก็แอบแคร์มันเป็นพิเศษ เพราะมันชอบทำตัวมีปัญหา แต่ตอนนี้สิ มันเปลี่ยนไป เราสองคนมีความสัมพันธ์ที่เลยเถิดไปแล้ว มันเริ่มเปลี่ยนประมาณปลายปีที่แล้วที่เวลาเที่ยว เปลี่ยนจากโอบไหล่ไปเป็นเกาะเอว ชอบจับมือแบบสอดนิ้วอยุ่ตลอดเวลา (จริงๆ ไอ้จับมือไม่นึกเอะใจหรอก เพราะมันทำประจำจนมันเป็นเรื่องธรรมดา จนบางทีเราก็จับมันตอบ แถมเป็นตอนเที่ยว ไอ้เราก็นึกว่าห่วง)ไปส่งที่อพาร์ตเม้นท์ไม่ถึงหน้าประตูหล่ะไม่ยอมกลับ (รึมันจะนึกวางแผนตั้งแต่ตอนนี้นะ) เรื่องมันเริ่มต้นที่มันแวะเข้ายืมตังค์กลับบ้านตอนตีสอง หลังจากมันกลับจากงานแล้วก็ขอค้างด้วยเพราะกลับบ้านไม่ไหว (รู้ว่ามันไม่เมาหรอก แต่สงสารที่ต้องเดินออกปากซอยตั้งไกล แถมไม่รู้จะมีแท๊กซี่รึป่าว) ก็เรยพลาดโดนมันปล้ำขโมยจูบ ดีที่มันยังยั้งไว้ได้ ก็เรยยังไม่เสียวันนั้น เราห้ามไม่ให้ทำทั้งพูดดีๆ ทั้งขู่ ทั้งทำร้าย แต่ก็ไม่หยุดแถมบอกว่า มันหยุดไม่ได้มันตั้ง 4 ปีแล้ว (รู้จักกันมาจะ 6 ปีแล้ว) คือ เค้าบอกว่าอยากรู้ว่าที่ผ่านมาทำไมเราถึงแคร์มันมากเป็นพิเศษ(จริงเราเป็นคนรักเพื่อนนะ ก็ไม่ใช่เฉพาะมันนะที่แคร์ กับคนอื่นก็ไม่ต่างกัน อาจเป็นเพราะตอนเรียนทำตัวติดกันตลอดมั้ง) เราก็ถามว่าเพิ่งจะมาพิสูจน์อะไรเอาป่านนี้ (ยังกะในหนังเพื่อนสนิทแหน่ะ) เค้าก็บอกว่า มันไม่มีโอกาส เพราะเวลาเราไปไหนมักจะไปเป็นกลุ่ม4-5คน (แต่ก็แอบค้านอยู่ในใจว่า ถ้าแกล่อฉันไปกะแกสองต่อสอง ฉันก็คงเชื่อใจยอมไป แล้วทำไมไม่ทำตอนนั้น แต่พูดไม่ทันเพราะมันชุลมุน) โดนไปวันนั้นก็เสียจูบแรกกะผู้ชายไป โดนนอนกอดทั้งคืน ทั้งที่ร้อนแทบตาย แถมไม่ได้สระผมอีกต่างหาก ใส่เสื้อนอนกะกางเกงของพี่ชาย ดูไม่ได้เรยหล่ะ คราวนี้อึดอัดกันเป็นเดือน ก็เจอหน้ากันปกติ คุยกันเหมือนเดิม แบบมึงกู สัตว์ที่น่ารักออกมาเพ่นพ่านกันไปหมด ก็ยังนัดเที่ยวกันเหมือนเดิม แต่คราวนี้เค้าออกปากเองว่าไม่อยากมาส่ง เพราะกลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้ อยากเป็นเพื่อนกะเราตลอดไป ถ้าเป็นแต่ก่อนคงหัวเราะ ฮาขี้แตกขี้แตน แต่วันนั้นเรากลับรู้สึกว่าฝืนอย่างบอกไม่ถูก มันอึดอัด และเหมือนจะรับรู้ว่าเค้าก็เป็นเหมือนกัน นั่งกุมขมับ กอดตัวเองตลอดเวลา แถมกินเหล้ามากเป็นพิเศษ สุดท้ายมันก็ต้องไปส่งเราอยุ่ดี ระหว่างทางแอบคิดเล่นๆในใจ ว่าถ้าได้ไปบ้านมันจะยอมมันวะ (มันหวงบ้าน ไม่ยอมให้เพื่อนที่เป็นผู้หญิงไป นอกจากแฟน) เหมือนจะสื่อใจกันได้นะ มันก็ถามว่าไปบ้านมั้ย เดี๋ยวมันจะขับรถมาส่ง ไอ้เราก็เออออ แต่มาคิดอีกที มันจะมาส่งยังไงหล่ะ ท่าทางมันก็ย่ำแย่ขนาดนั้น แต่ไม่ทันแล้ว ถ้าเข้าซอยบ้านมันก็อย่าคิดว่าจะออกมาคนเดียวได้ (วกวนมาก) พอไปถึง มันก็ให้รอแป๊บนึง เพราะพี่สาวมันยังไม่นอน ก็เรยหลับตาซักพัก ลืมตาอีกทีหน้ามันก็ลอยอยุ่ไกล้คล้ายจะจูบ ก็เรยผลักแต่ก็ดึงเราไปกอด แล้วมันก็จูงเราเข้าไปในบ้าน ที่มีพี่สาวมันอยู่ แล้วให้เราขึ้นข้างบนไปก่อน คิดดูสิพี่สาวมันจะคิดยังไง เค้าไม่เคยเจอเราแต่ก็น่าจะรู้ว่าเราเป็นเพื่อน พอเข้าไปในห้องเหมือนกะปลงอ่ะ ยอมไปเรยทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว ทั้งตกใจ สุดท้ายก็ไม่รอด ตอนนี้เพิ่งมีอีกทีที่อพาร์ตเม้นท์เรา ว่าจะใจแข็งแต่ก็ไม่นาน ทั้งเราและเค้าต่างก็รับรู้ว่ากันและกันมีความรู้สึกทีดีต่อกัน ไม่มากมาย แต่ตัดขาดไม่ได้ แล้วมันคืออะไรหล่ะ ความรู้สึกนี้ ตอนนี้ที่มันยังก้ำกึ่งคือ พอผ่านไปแล้วมันเหมือนกับว่าเราไม่ได้รักมันเรย ทั้งที่ก็รักมันจะตาย (เข้าใจมั้ยเนี่ย)แบบว่าไม่ค่อยสนใจมันเหมือนเมื่อก่อน แถมไม่อยากรับรุ้ว่ามันจะเลิกกะแฟนรึยัง ไม่สนใจสถานะของตัวเอง รู้แต่ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่อยากจะเก็บเอาไว้ คือเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง จะลงเอยแบบไหน ช่วยเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ 31 Mar 2008 \| Post by : pksy

คือเราตอนนี้ไม่รู้จะทำไง และไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองด้วย คือเรามีเพื่อนสนิทอยู่คนนึง สนิทมากตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย ถ้าถามว่าแอบรักเพื่อนตัวเองมั้ยมันก็ใช่นะ เพียงแต่ว่าไม่เคยคิดในทางชู้สาว ไม่เคยคาดหวังกับเรื่องนี้ก็คบกันไปเรื่อยๆ แต่ก็แอบแคร์มันเป็นพิเศษ เพราะมันชอบทำตัวมีปัญหา

แต่ตอนนี้สิ มันเปลี่ยนไป เราสองคนมีความสัมพันธ์ที่เลยเถิดไปแล้ว มันเริ่มเปลี่ยนประมาณปลายปีที่แล้วที่เวลาเที่ยว เปลี่ยนจากโอบไหล่ไปเป็นเกาะเอว ชอบจับมือแบบสอดนิ้วอยุ่ตลอดเวลา (จริงๆ ไอ้จับมือไม่นึกเอะใจหรอก เพราะมันทำประจำจนมันเป็นเรื่องธรรมดา จนบางทีเราก็จับมันตอบ แถมเป็นตอนเที่ยว ไอ้เราก็นึกว่าห่วง)ไปส่งที่อพาร์ตเม้นท์ไม่ถึงหน้าประตูหล่ะไม่ยอมกลับ (รึมันจะนึกวางแผนตั้งแต่ตอนนี้นะ)

เรื่องมันเริ่มต้นที่มันแวะเข้ายืมตังค์กลับบ้านตอนตีสอง หลังจากมันกลับจากงานแล้วก็ขอค้างด้วยเพราะกลับบ้านไม่ไหว (รู้ว่ามันไม่เมาหรอก แต่สงสารที่ต้องเดินออกปากซอยตั้งไกล แถมไม่รู้จะมีแท๊กซี่รึป่าว) ก็เรยพลาดโดนมันปล้ำขโมยจูบ ดีที่มันยังยั้งไว้ได้ ก็เรยยังไม่เสียวันนั้น เราห้ามไม่ให้ทำทั้งพูดดีๆ ทั้งขู่ ทั้งทำร้าย แต่ก็ไม่หยุดแถมบอกว่า มันหยุดไม่ได้มันตั้ง 4 ปีแล้ว (รู้จักกันมาจะ 6 ปีแล้ว) คือ เค้าบอกว่าอยากรู้ว่าที่ผ่านมาทำไมเราถึงแคร์มันมากเป็นพิเศษ(จริงเราเป็นคนรักเพื่อนนะ ก็ไม่ใช่เฉพาะมันนะที่แคร์ กับคนอื่นก็ไม่ต่างกัน อาจเป็นเพราะตอนเรียนทำตัวติดกันตลอดมั้ง) เราก็ถามว่าเพิ่งจะมาพิสูจน์อะไรเอาป่านนี้ (ยังกะในหนังเพื่อนสนิทแหน่ะ) เค้าก็บอกว่า มันไม่มีโอกาส เพราะเวลาเราไปไหนมักจะไปเป็นกลุ่ม4-5คน (แต่ก็แอบค้านอยู่ในใจว่า ถ้าแกล่อฉันไปกะแกสองต่อสอง ฉันก็คงเชื่อใจยอมไป แล้วทำไมไม่ทำตอนนั้น แต่พูดไม่ทันเพราะมันชุลมุน) โดนไปวันนั้นก็เสียจูบแรกกะผู้ชายไป โดนนอนกอดทั้งคืน ทั้งที่ร้อนแทบตาย แถมไม่ได้สระผมอีกต่างหาก ใส่เสื้อนอนกะกางเกงของพี่ชาย ดูไม่ได้เรยหล่ะ

คราวนี้อึดอัดกันเป็นเดือน ก็เจอหน้ากันปกติ คุยกันเหมือนเดิม แบบมึงกู สัตว์ที่น่ารักออกมาเพ่นพ่านกันไปหมด ก็ยังนัดเที่ยวกันเหมือนเดิม

แต่คราวนี้เค้าออกปากเองว่าไม่อยากมาส่ง เพราะกลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้ อยากเป็นเพื่อนกะเราตลอดไป ถ้าเป็นแต่ก่อนคงหัวเราะ ฮาขี้แตกขี้แตน แต่วันนั้นเรากลับรู้สึกว่าฝืนอย่างบอกไม่ถูก มันอึดอัด และเหมือนจะรับรู้ว่าเค้าก็เป็นเหมือนกัน นั่งกุมขมับ กอดตัวเองตลอดเวลา แถมกินเหล้ามากเป็นพิเศษ สุดท้ายมันก็ต้องไปส่งเราอยุ่ดี ระหว่างทางแอบคิดเล่นๆในใจ ว่าถ้าได้ไปบ้านมันจะยอมมันวะ (มันหวงบ้าน ไม่ยอมให้เพื่อนที่เป็นผู้หญิงไป นอกจากแฟน)

เหมือนจะสื่อใจกันได้นะ มันก็ถามว่าไปบ้านมั้ย เดี๋ยวมันจะขับรถมาส่ง ไอ้เราก็เออออ แต่มาคิดอีกที มันจะมาส่งยังไงหล่ะ ท่าทางมันก็ย่ำแย่ขนาดนั้น แต่ไม่ทันแล้ว ถ้าเข้าซอยบ้านมันก็อย่าคิดว่าจะออกมาคนเดียวได้ (วกวนมาก) พอไปถึง มันก็ให้รอแป๊บนึง เพราะพี่สาวมันยังไม่นอน ก็เรยหลับตาซักพัก ลืมตาอีกทีหน้ามันก็ลอยอยุ่ไกล้คล้ายจะจูบ ก็เรยผลักแต่ก็ดึงเราไปกอด

แล้วมันก็จูงเราเข้าไปในบ้าน ที่มีพี่สาวมันอยู่ แล้วให้เราขึ้นข้างบนไปก่อน คิดดูสิพี่สาวมันจะคิดยังไง เค้าไม่เคยเจอเราแต่ก็น่าจะรู้ว่าเราเป็นเพื่อน พอเข้าไปในห้องเหมือนกะปลงอ่ะ ยอมไปเรยทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว ทั้งตกใจ สุดท้ายก็ไม่รอด

ตอนนี้เพิ่งมีอีกทีที่อพาร์ตเม้นท์เรา ว่าจะใจแข็งแต่ก็ไม่นาน ทั้งเราและเค้าต่างก็รับรู้ว่ากันและกันมีความรู้สึกทีดีต่อกัน ไม่มากมาย แต่ตัดขาดไม่ได้ แล้วมันคืออะไรหล่ะ ความรู้สึกนี้ ตอนนี้ที่มันยังก้ำกึ่งคือ พอผ่านไปแล้วมันเหมือนกับว่าเราไม่ได้รักมันเรย ทั้งที่ก็รักมันจะตาย (เข้าใจมั้ยเนี่ย)แบบว่าไม่ค่อยสนใจมันเหมือนเมื่อก่อน แถมไม่อยากรับรุ้ว่ามันจะเลิกกะแฟนรึยัง ไม่สนใจสถานะของตัวเอง รู้แต่ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่อยากจะเก็บเอาไว้ คือเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง จะลงเอยแบบไหน ช่วยเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ

31 Mar 2008 | Post by : pksy

Comment 5
มองตาก็เข้าใจ แต่ก็ทรมานใจน่าดู 16 Apr 2008 \| Comment by : adisakk081

Comment 5

มองตาก็เข้าใจ แต่ก็ทรมานใจน่าดู

16 Apr 2008 | Comment by : adisakk081

Comment 4
เหมือนเรื่องของเราเดี๊ยเลย แต่เราคบกันตอนทำงานแล้ว เราก็สนิทกับเพื่อน ๆ ทุกคน แต่คนนี้พิเศษกว่าคนอื่น ๆ เราเก็บความรู้สึกพิเศษนี้ไว้ได้นาน 10 กว่าปี ความมาแตกก็ตอนไปเที่ยวเหมือนกัน มีโอกาสแล้วก็บรรยากาศ เค๊าบอกว่าชอบเรามาตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้บอก หรือไม่กล้าบอกกลัวเสียเพื่อนไป เราก็เลยถือโอกาสบอกความลับที่เก็บมาเป็น 10 ปีไปเหมือนกันว่าเราก็รู้สึกพิเศษกับเขา เราก็เลยสานต่อมาเป็นเวลาครึ่งปีได้แล้ว เราคิดว่าจะผูกพันกันทางใจอย่างเดียว แต่ไม่คิดว่าจะเลยเถิดไปผูกพันธ์กันทางกายด้วย เพราะเราไม่ว่างกันทั้งคู่แล้ว ทุกวันนี้ก็คบกันแบบเพื่อนที่รู้ใจ มองตาก็เข้าใจ แต่ก็ทรมานใจน่าดูเหมือนกัน 2 Apr 2008 \| Comment by : Ong-Inn

Comment 4

เหมือนเรื่องของเราเดี๊ยเลย แต่เราคบกันตอนทำงานแล้ว เราก็สนิทกับเพื่อน ๆ ทุกคน แต่คนนี้พิเศษกว่าคนอื่น ๆ เราเก็บความรู้สึกพิเศษนี้ไว้ได้นาน 10 กว่าปี ความมาแตกก็ตอนไปเที่ยวเหมือนกัน มีโอกาสแล้วก็บรรยากาศ เค๊าบอกว่าชอบเรามาตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้บอก หรือไม่กล้าบอกกลัวเสียเพื่อนไป เราก็เลยถือโอกาสบอกความลับที่เก็บมาเป็น 10 ปีไปเหมือนกันว่าเราก็รู้สึกพิเศษกับเขา เราก็เลยสานต่อมาเป็นเวลาครึ่งปีได้แล้ว เราคิดว่าจะผูกพันกันทางใจอย่างเดียว แต่ไม่คิดว่าจะเลยเถิดไปผูกพันธ์กันทางกายด้วย เพราะเราไม่ว่างกันทั้งคู่แล้ว ทุกวันนี้ก็คบกันแบบเพื่อนที่รู้ใจ มองตาก็เข้าใจ แต่ก็ทรมานใจน่าดูเหมือนกัน

2 Apr 2008 | Comment by : Ong-Inn

Comment 3
อย่างเนี่ยคงจะเรียกว่าอยู่ด้วยกันจนรักกันเข้าไปแล้วนะ 1 Apr 2008 \| Comment by : tip

Comment 3

อย่างเนี่ยคงจะเรียกว่าอยู่ด้วยกันจนรักกันเข้าไปแล้วนะ

1 Apr 2008 | Comment by : tip

Comment 2
ฝ่ายชายต้องเคลียร์ตัวเองครับ 1 Apr 2008 \| Comment by : ผ่านมา

Comment 2

ฝ่ายชายต้องเคลียร์ตัวเองครับ

1 Apr 2008 | Comment by : ผ่านมา

Comment 1
คงเป็นเพราะความเป็นเพื่อนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมานาน เพราะนิยามของคำว่าเพื่อนมันตัดขาดยาก มันเป็นรัก ความห่วงใย แบบเพื่อน ที่ไม่ใช่การครอบครองเป็นเจ้าของ แต่ด้วยความใกล้ชิดมันเลยพัฒนาขึ้นมาจากใจ และอีกอย่างด้วยความที่มันเป็นเพื่อนต่างเพศ เมื่ออยู่ใกล้กัน ก็เหมือน ช-ญ ทั่วไป ยิ่งมีความรู้สึกที่ดีให้กันเป็นทุนอยู่แล้ว เพราะถ้าพูดถึงผู้หญิงอย่างเราๆ นะ ถ้าไม่มีใจซะอย่าง ก็ไม่มีทางเผลอกายหรอก (ยกเว้นจะโดนขืนใจ) กรณีของคุณ pksy นะคะ ทั้งที่เพื่อนอาจจะมีแฟนอยู่แล้ว แต่มีสัมพันธ์กันเกินเพื่อน ก็คงยังสับสนระหว่างสถานะอยู่ว่ายังเป็นเพื่อน หรือ คู่รัก (ลับ) แต่ถ้าเพื่อนยังไม่เลิกกับแฟนที่คบกันอยู่ แล้วคุณทำใจได้ ก็ขอให้รักษาระยะของความเป็นเพื่อนไว้ต่อไป แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงค่ะเมื่อพลาดให้กับใครไปแล้ว มันยากที่จะทำใจ ทั้งที่ปากบอกว่าไม่เป็นไร แต่เพื่อนของคุณก็คงรักและก็ห่วงคุณมากกว่าเพื่อนธรรมดาคนหนึ่งอยู่แล้ว และใจทั้งคู่จูนลงตัว ก็ขอให้ทำตามใจตัวเองเถอะค่ะ อย่าฝืน และอย่าให้ใครต้องเดือดร้อนใจนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ... 31 Mar 2008 \| Comment by : TAAI

Comment 1

คงเป็นเพราะความเป็นเพื่อนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมานาน
เพราะนิยามของคำว่าเพื่อนมันตัดขาดยาก มันเป็นรัก ความห่วงใย แบบเพื่อน ที่ไม่ใช่การครอบครองเป็นเจ้าของ
แต่ด้วยความใกล้ชิดมันเลยพัฒนาขึ้นมาจากใจ และอีกอย่างด้วยความที่มันเป็นเพื่อนต่างเพศ เมื่ออยู่ใกล้กัน ก็เหมือน ช-ญ ทั่วไป ยิ่งมีความรู้สึกที่ดีให้กันเป็นทุนอยู่แล้ว

เพราะถ้าพูดถึงผู้หญิงอย่างเราๆ นะ ถ้าไม่มีใจซะอย่าง ก็ไม่มีทางเผลอกายหรอก (ยกเว้นจะโดนขืนใจ)

กรณีของคุณ pksy นะคะ ทั้งที่เพื่อนอาจจะมีแฟนอยู่แล้ว แต่มีสัมพันธ์กันเกินเพื่อน ก็คงยังสับสนระหว่างสถานะอยู่ว่ายังเป็นเพื่อน หรือ คู่รัก (ลับ)

แต่ถ้าเพื่อนยังไม่เลิกกับแฟนที่คบกันอยู่ แล้วคุณทำใจได้ ก็ขอให้รักษาระยะของความเป็นเพื่อนไว้ต่อไป แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงค่ะเมื่อพลาดให้กับใครไปแล้ว มันยากที่จะทำใจ ทั้งที่ปากบอกว่าไม่เป็นไร

แต่เพื่อนของคุณก็คงรักและก็ห่วงคุณมากกว่าเพื่อนธรรมดาคนหนึ่งอยู่แล้ว และใจทั้งคู่จูนลงตัว ก็ขอให้ทำตามใจตัวเองเถอะค่ะ อย่าฝืน และอย่าให้ใครต้องเดือดร้อนใจนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...

31 Mar 2008 | Comment by : TAAI

Beauty Clinic

เมโกะ คลินิก Meko Clinic

View Details

Webboard
เครื่องอ่านบัตร RFID 13.56 MHz แบบจำลองคีย์บอร์ด สามารถตั้งรูปแบบตัวเลขได้ รุ่น R20CP 31 Jan 2019 โพสต์โดย: smartcardteam1 0
ยาโพสตินอร์ 30 Mar 2011 โพสต์โดย: Viwyyyy 2
สปากับผู้หญิง 28 Jun 2006 โพสต์โดย: กาต่าย 1
ไข่ เป็นอาหารแสลงของโรคอีสุกอีใสใช่ไหม 27 Mar 2014 โพสต์โดย: NongLukBua 0
เรียกร้องให้ทำสปาฟรี!! อีกครั้ง 21 Aug 2008 โพสต์โดย: bookaha 2
บทเรียนดีมีไว้จดจำ...อ่านดูแล้วจะรู้เอง 7 Sep 2004 โพสต์โดย: มอมมี่ 1
ขอปรึกษาบริษัทจัดหาคู่ 1 Jun 2012 โพสต์โดย: piglet_koko 2
แมกกาซีนออนไลน์ 11 Aug 2008 โพสต์โดย: kidschool 0

Webboard