Talk About Women

คิดยังไงกับการอยู่ก่อนแต่งค่ะ
เรื่องของดิฉันอาจจะยาวสักหน่อย แต่ฉันอยากขอความเห็นจากเพื่อนทุกคน
ว่าเพื่อนๆมีความคิดกับการอยู่ก่อนแต่งอย่างไรบ้าง แล้วสำหรับตัวฉัน
เพื่อนๆคิดว่าฉันตัดสินใจผิดหรือถูกค่ะที่ทำแบบนั้น
...........................................................................................

ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ตัดสินใจอยู่ก่อนแต่ง
ดิฉันกับแฟนคบกันมา 8 ปีแล้วแต่เราเริ่มมาอยู่ด้วยกัน
ตอนที่เราทั้งคู่เรียนจบและมีงานทำตอนปีที่ 7
ความรักของเรายังคงเดิม แต่บางครั้งฉันก็รู้สึกผิด
ที่ไม่ยอมทำตามธรรมเนียมประเพณีคือแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราว


ดิฉันมีความกังวลอะไรหลายๆอย่างมีเราต้องหลบๆซ่อนๆกันแบบนี้
หรืออาจเป็นเพราะฉันแคร์สายตาของคนอื่นมากเกินไป
เคยคุยกับแฟนบ่อยๆว่าที่เราทำอยู่นั้นมันถูกต้องมั้ย
เขาก็พยายามให้กำลังใจฉันตลอดเพราะเขาเองก็รู้สึกผิด
ที่ทำผิดพลาดไปแบบนั้น แต่เขาบอกว่าเขากลัวจะเสียฉันไป
เพราะช่วงที่เราอยู่ห่างกัน ฉันก็มีคนมายุ่งเกี่ยวค่อนข้างเยอะ
แต่ฉันไม่เคยคิดนอกใจ ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง
เพราะไม่อยากทำให้เขาเสียใจ ฉันรู้ว่าเขาวาดหวังกับฉันไปเยอะแค่ไหน


เขาขอโทษฉันบ่อยๆที่เขาเห็นแก่ตัวและอยากจะผูกมัด
ฉันไว้ด้วยวิธีแบบนี้ แต่ฉันก็เต็มใจและไม่เคยโกรธเคืองเขาเลย
เราสองคนวางอนาคตเอาไว้ด้วยกัน
เราฝันว่าสักวันจะมีงานแต่งงาน แล้วจดทะเบียนให้ถูกต้อง
แต่ตอนนี้เรายังไม่พร้อมเพราะเราไม่มีเงินมากพอที่จะจัดงานได้
เราจึงตัดสินใจว่าเราจะช่วยกันเก็บเงิน และสร้างฐานะกันสักพัก
ก่อนที่จะแต่งงานเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้ครอบครัว
แต่เราก็ยังไม่รู้เลยว่าอนาคตมันจะสวยงามแบบที่เราต้องการหรือไม่


ดิฉันพยายามถามตัวเองเสมอว่าดิฉันคิดผิดไปไหมที่ทำแบบนี้
แต่เพราะเรารักกันและเขาก็พิสูจน์ให้ฉันเห็นมาตลอดว่าเขา
รักฉันมากแค่ไหน เราคบกันมาตั้งแต่มัธยมปลาย เขาไม่เคยล่วงเกิน
ให้เกรียติฉันเสมอ ครอบครัวเราทั้งสองก็เข้ากันได้ดี
พ่อแม่ของฉันก็รักเขาเหมือนลูก พอขึ้นมหาลัยเราสองคนแยกกัน
ไปเรียนคนละที่ เขาก็ยังติดต่อกับฉันอยู่ตลอดเวลา
เราโทรหากันทุกวัน เจอกันแค่ช่วงปิดเทอม
แต่เขาก็รอฉันได้ จนถึงทุกวันนี้เราก็ประสบความสำเร็จในชีวิตกันแล้ว
ฉันรู้ว่าผู้ชายไม่ใช่ประอิฐประปูน แต่ก่อนฉันก็สงสารเขาที่เขาพยายาม
อดกลั้นเพื่อจะให้เกรียติฉัน แต่มาถึงตอนนี้ฉันก็ทำความฝันให้พ่อกับแม่
ได้ภาคภูมิใจและหมดห่วงในตัวฉันแล้ว ฉันจึงตัดสินใจ
ว่าถึงเวลาแล้วที่ฉันจะทำให้คนที่ฉันรักได้มีความสุข ซึ่งฉันไม่รู้หรอกนะว่า
ฉันคิดผิดรึเปล่า มันอาจเป็นสิ่งที่ไม่ดีหากเรามองตามธรรมเนียมปฏิบัติของสังคม


แต่ฉันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนตอนนี้เรายังคงรักและเราก็อยู่ด้วยกัน
ชีวิตของเราตอนนี้มีความสุขดี แต่ความคิดลึกๆของความรู้สึกผิดมันก็แว้บขึ้นมา
ให้ฉันแอบคิดอยู่บ่อยๆ เพราะทางครอบครัวฉันยังไม่รู้ว่าเราอยู่ด้วยกันฉันสามี
ภรรยา มันจึงทำให้ฉันกับเขารู้สึกเหมือนกำลังทำความผิดลับหลังผู้ใหญ่ ที่ท่านอุตส่าห์รักและไว้ใจ ฉันยังไม่กล้าเปิดใจคุยกับท่าน อาจจะรอไปสักพัก
เพราะแฟนฉันบอกว่า เมื่อเขาเก็บรวบรวมเงินได้สักก้อน เขาจะไปขอหมั้นฉัน
ให้ถูกต้องแล้วเมื่อถึงตอนนั้นเราก็จะอยู่ด้วยกันแบบไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป
ส่วนเรื่องงานแต่งก็คงต้องช่วยกันสร้างฐานะต่อไปอีกจนกว่าเราทั้งคู่จะพร้อม

ตอนนี้ฉันก็ได้แต่รอ และพยายามทำใจไม่ให้คิดมาก
เพราะการที่ฉันคิดมากก็ยิ่งกดดันให้แฟนฉันต้องคิดมาก
และรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น ฉันจึงได้แต่คิดเข้าข้างตัวเอง
ว่าฉันไม่ได้ทำผิด ฉันบรรลุนิตภาวะมาหลายปีแล้ว
สามารถดูแลตัวเองและตัดสินใจเองได้แล้ว
แฟนฉันก็เช่นกัน เขาแก่กว่าฉัน 2 ปี และก็มีความเป็นผู้ใหญ่มากพอ
ดังนั้นฉันก็น่าจะไว้ใจและเชื่อมั่นในตัวเขาให้มากเช่นกัน

แล้วเพื่อนๆล่ะค่ะ คิดว่าฉันตัดสินใจถูกหรือผิด ?



12 Dec 2008  |  Post by : anakari
Comment 12
ยังไงก็จะเป็นกำลังใจให้เช่นกันนะคะ
ยังไงเราก็ต้องสู้ต่อไปนะคะ

23 Dec 2008  |  Comment by : anakari
Comment 11
เหมือนเราเลย รู้สึกผิดกับพ่อแม่มาก ...
แต่ทำไงได้...เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว...
ที่จริงเราก็แคร์คนรอบข้างมากนะ เพราะยังไงก็ดูไม่ดีสำหรับผู้ใหญ่
อีกอย่าง...การแต่งงานเรื่องใหญ่ของชีวิต...ไม่อยากให้แต่งแล้วเลิก
ประกอบกับยังไม่มีเงินมากพอที่จะจัดงานได้
แค่สินสอดก็คงเป็นแสน ตอนนี้ก็ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินช่วยกันอยู่
จะมามัวให้ฝ่ายชายเก็บแล้วมาขอคงเป็นไปได้ยากกกกมาก (เหตุผลไม่ต้องบอกก็น่าจะเข้าใจ)
ก็คงต้องอยู่แบบนี้ไปก่อน...ศึกษากันไป
และที่สำคัญยังมีอะไรหลายๆ อย่างที่ต้องทำ
ถ้ามีเงิน...ก็คงดีกว่านี้...
อีกสัก 2 ปี พวกเราคงจะมีวันนั้นด้วยกัน...คำว่า"ทำถูกต้องตามประเพณี" คงมีให้ผู้ใหญ่เห็น..สักวัน

ประเพณีนิยม...เฮ้อ!!!
PS. แต่ผู้ใหญ่รับรู้แล้วนะ (เหลือแต่พ่อ..เท่านั้นที่ไม่อยากให้รู้)
..ขอโทษค่ะ...ลูกมันไม่รักดี เศร้า

22 Dec 2008  |  Comment by : คนที่คล้ายๆ กัน
Comment 10
เหมือนเราเลย รู้สึกผิดกับพ่อแม่มาก ...
แต่ทำไงได้...เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว...
ที่จริงเราก็แคร์คนรอบข้างมากนะ เพราะยังไงก็ดูไม่ดีสำหรับผู้ใหญ่
อีกอย่าง...การแต่งงานเรื่องใหญ่ของชีวิต...ไม่อยากให้แต่งแล้วเลิก
ประกอบกับยังไม่มีเงินมากพอที่จะจัดงานได้
แค่สินสอดก็คงเป็นแสน ตอนนี้ก็ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินช่วยกันอยู่
จะมามัวให้ฝ่ายชายเก็บแล้วมาขอคงเป็นไปได้ยากกกกมาก (เหตุผลไม่ต้องบอกก็น่าจะเข้าใจ)
ก็คงต้องอยู่แบบนี้ไปก่อน...ศึกษากันไป
และที่สำคัญยังมีอะไรหลายๆ อย่างที่ต้องทำ
ถ้ามีเงิน...ก็คงดีกว่านี้...
อีกสัก 2 ปี พวกเราคงจะมีวันนั้นด้วยกัน...คำว่า"ทำถูกต้องตามประเพณี" คงมีให้ผู้ใหญ่เห็น..สักวัน

ประเพณีนิยม...เฮ้อ!!!
PS. แต่ผู้ใหญ่รับรู้แล้วนะ (เหลือแต่พ่อ..เท่านั้นที่ไม่อยากให้รู้)
..ขอโทษค่ะ...ลูกมันไม่รักดี เศร้า

22 Dec 2008  |  Comment by : คนที่คล้ายๆ กัน
Comment 9
เอ่อ พิมผิดบ่อยจัง จริงๆคอมมันเอ๋อน่ะครับ (โทดคอมอีก)



15 Dec 2008  |  Comment by : Haruki
Comment 8
อืม ถือว่าเป้นการอยู่ก่อนแต่ในปีรกของการทำงาน
ลองๆดูก่อนนะครับ รีบแต่งไป ้า เกิดเลิกกันขึ้นมันคงไม่ตลกใช่มั้ยครับ
ส่วนอยู่ก่อนแต่งเดี๋ยวนี้ก็ถือว่าไม่แปลกนะครับ ทำไงได้ล่ะ ทำงานทำการแล้วนี่

15 Dec 2008  |  Comment by : Haruki
Comment 7
สู้ๆค่ะ ไม่มีอะไรดีไปกว่า การอดทนและเข้าใจนะคะ

15 Dec 2008  |  Comment by : SweetNokk
Comment 6
ขอบคุณทุกคนมากนะคะ
ยังไงก็จะพยายามไม่คิดมากค่ะ
อะไรหลายๆอย่างมันอาจต้องใช้เวลากว่าที่จะลงตัวได้
แต่ตอนนี้ฉันก็ดีใจค่ะที่ความรักของเราสองคนลงรอยกันดี
และไม่มีปัญหาอะไร เหลือเพียงแค่เราต้องช่วยกันแล้วทำ
ความฝันให้เป็นความจริง เท่านั้นค่ะ

15 Dec 2008  |  Comment by : anakari
Comment 5
คบกันมาตั้งนานนะคะ ถ้าเราไว้ใจเค้า และเค้าไว้ใจเรา เข้าใจกัน ก็ไม่น่ามีปัญหานะคะ อีกอย่างนกคิดว่าคุณสองคนก็คงโตพอที่จะรับผิดชอบอะไรๆแล้วจึงได้ตัดสินใจอยู่ด้วยกันน่ะค่ะ

ถ้าจะรู้สึกไม่ดีก็อาจจะเป็นเรื่องของครอบครัวหรือเปล่าคะ ถ้าคิดจะแต่งงานกันแน่นอน แต่ติดปัญหาเรื่องเงิน ลองให้แฟนคุยกับทางบ้านคุณสิคะ ว่าขอหมั้นกันก่อน หรืออะไรก็ได้ค่ะ ให้ผู้ใหญ่รับรู้ เพราะไม่ใช่ว่าไม่คิดทำตามประเพณีนี่คะ

นกก็เข้าใจนะคะว่าแฟนอยากให้เราได้มีงานแต่งงานที่โอเคเพราะเป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงใฝ่ฝันกัน แต่ถ้าเราจัดงานเล็กๆกัน อาจจะมีญาติมารับรู้ สู่ขอหรืออะไรก็ได้น่ะค่ะ ผู้ชายจะคิดต่างจากเรานะคะ อีกอย่างเค้าอาจจะห่วงเรื่องทางบ้านเราด้วยหรือเปล่าคะ เพราะนกก็เป็นแบบนี้มาก่อนค่ะ ก่อนจะแต่งงานน่ะค่ะ ตอนแรกอยากแค่ผูกข้อไม้ข้อมือ เพราะไม่อยากจัดงานแต่งงานให้สิ้นเปลือง ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินแต่ว่านกว่ามันสิ้นเปลืองไงก็ไม่รู้

แล้วถ้าเป็นคำพูดคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่พี่น้องเรา ก็อย่าใส่ใจเลยค่ะ มันไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ

มีอะไรปรึกษานกได้นะคะเรื่องนี้น่ะค่ะ อิอิ

13 Dec 2008  |  Comment by : SweetNokk
Comment 4
อย่าคิดมากนา แค่บอกให้ที่บ้านรับรู้ถึงการคบกันและจะแต่งงานกันแต่ขอเวลาเก็บเงินอีกนิดนึง ผู้ใหญ่เค้าคงเข้าใจ จัดงานก็ไม่ต้องใหญ่โตมากตามฐานะการเงินของเรา บรรลุนิติภาวะแล้วนาจาไปกัวอาไร อย่าฟังคำนินทาชาวบ้านนะ เพราะไม่มีใครอยากให้คนอื่นได้ดีกว่าตัวรอกเชื่อดิ เราเคยมาแล้ว อยู่กันมาน้ำได้สักโอ่งแล้วจะแต่งทำไม แต่เราก็ยังรักกันดีกับแฟน แต่ลูกเค้าไม่มีใครมาขอแต่งสักราย

12 Dec 2008  |  Comment by : yingprae
Comment 3
เราก็เหมือนกัน ตอนนี้อยู่ด้วยกันเกือบๆ สองปีแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงาน แล้วเราเองก็เรียนอยู่ด้วย แต่เค้าทำงานแล้วรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว

ในปีแรกอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้มีอะไรกันเกินเลยนอกจากแค่ภายนอกเท่านั้น เพราะเราเองก็ยังไม่พร้อมถ้าพลาดขึ้นมาก็คงรับผิดชอบไม่ไหว

ในปีที่สองเทอมสุดท้ายในการเรียนของเรา เราก็เลยตัดสินใจมีอะไรกัน เพราะถ้าเกิดพลาดขึ้นมาอย่างน้อยเราก็เรียนจบแล้ว ไม่เป็นภาระให้ใครอีก

จากนั้นมาก็ค่อยๆ เปิดเผยให้ทางบ้านรับรู้ แฟนเราเค้าก็บอกที่บ้านเค้าก่อน เราก็พาแฟนไปแนะนำให้ที่บ้านรู้จัก ก็โอเค ที่บ้านทั้งสองฝ่ายไม่มีปัญหา ตอนนี้ก็รอแค่ให้พร้อมกว่านี้ก็คงแต่งงาน

สำหรับเราเราไม่ได้รู้สึกผิดอะไรนะ เพราะถ้าเราสองคนรักกันจริง จริงใจต่อกันอยู่ด้วยกันได้ ทางบ้านไม่ได้รังเกียจ ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันผิดอะไรหรอกค่ะ โตๆกันแล้ว รับผิดชอบตัวเองได้แล้ว พ่อแม่เค้าก็คงไม่ว่าหรอก

12 Dec 2008  |  Comment by : minny
Comment 2
ไม่ใช่อยู่ด้วยกันมา 8 ปีคะ เพิ่งจะอยู่กันได้แค่ 1 ปีเท่านั้น
คบกันมา 8 ปีเฉยๆ ค่ะ หุหุ มีคนเข้าใจผิดหรือค่ะนี่

ส่วนเรื่องแต่งงานนั้นปัญหาเรื่องเงินเรื่องใหญ่ค่ะ
เพราะเงินเก็บเรายังมีด้วยเพราะต้องรับผิดชอบ
กับครอบครัวทั้งสองฝ่าย เงินที่ได้จากการทำงาน
ก็แบ่งเก็บได้แค่นิดหน่อย เลยคิดว่ายังไม่เพียงพอ
แต่ก็พยายามต่อไปค่ะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยอมแต่งหรอกค่ะ
แต่เขาวาดหวังไว้ว่าอยากให้งานแต่งออกมาดีที่สุด
เขาอยากให้เราภูมิใจในตัวเขามากที่สุด มันจึงต้องใช้เวลา
เท่านั้นเองล่ะคะ ทั้งๆที่เราก็เคยบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องแต่งก็ได้
จดทะเบียนเฉยๆให้ผู้ใหญ่รับรู้เป็นพอ เขาก็ไม่ยอม
บอกว่าเขาอยากให้เราได้มีโอกาสใส่ชุดแต่งงานสวยๆ
เหมือนผู้หญิงทุกคนตามที่เราเคยฝันเอาไว้

12 Dec 2008  |  Comment by : anakari
Comment 1
อยู่กันมาตั้ง 8 ปีแล้ว..จะมาคิดมากอะไรตอนนี้ล่ะคะ...อย่าไปคิดมากเลย
ว่า ที่ผ่านมานั้น ผิด โน่นผิดนี่..เลิกคิดได้เลยค่ะ..เพื่อความสุขใน ชีวิต
แต่ว่า..ทำไมไม่จัดงานแต่งงาน ซะเลยในเดือนหน้า คะ ? จะได้เลิกคิดมากซะที
ปัญหาเรื่อง เงินอย่างเดียวหรือ ?..ไม่น่าจะใช่นะคะเพราะเราก็จัดแบบ
ตาม อัตถภาพ ของเราก็ได้นี่คะ แล้วพอได้เงินช่วยค่าแต่งงานมา
ก็น่าจะ ไม่ขาดทุนมากนัก ดังนั้น...ฉันไม่เห็นว่าเรื่องเงินจะเป็น ปัญหาเลย
ปัญหาเรื่องอื่นอะไรคะ ที่เป็นปัญหาน่ะ ...ถ้าตอบว่าไม่มีแล้ว ก็แต่งซิคะ
...
ถ้าเขาไม่ยอมแต่ง ก็คงมีเรื่องอื่น อีกที่คุณไม่รู้

12 Dec 2008  |  Comment by : nut9166

Comment


>

Pooyingnaka Wellness

Webboard
โพสต์โดย: BaBa_64 4
โพสต์โดย: GosceraKitty 0
โพสต์โดย: Momay 18
โพสต์โดย: GGuruGirl 2
โพสต์โดย: redgirl 10
โพสต์โดย: nok518 3
โพสต์โดย: babydevil 0
โพสต์โดย: googae 0

Interest Product