Talk About Women

คอยอยู่เสมอ..นะ
ณ เมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง มีเจ้าหญิงผู้ซุกซนองค์หนึ่ง เธอมีรูปโฉมที่งดงามยิ่งนัก เป็นที่หมายปองของเจ้าชายต่างเมืองมากมาย รวมทั้ง...ชายหนุ่มที่มีหน้าที่ดูแลสวนแอปเปิ้ลในพระราชวังแห่งนั้นด้วย ทุกๆวันเขาจะมาเฝ้าดูองค์หญิงที่สวนดอกไม้ข้างสวนแอปเปิ้ลของเขา
เขาเห็นเธอให้มือเล็กๆเด็ดดอกไม้เหล่านั้นมาทำเป็นมงกุฎสวมลงบนศีรษะของเธอ เธอยิ้มและวิ่งเล่นเหมือน นางฟ้าในเทพนิยายที่เขาเคยได้ฟังจากคุณย่าของเขาตอนเด็กๆ ผมสีทองพลิ้วไหวเมื่อต้องลม เธอใช้ปลายจมูกสูดดมกลิ่นหอมดอกไม้เหล่านั้น หลายครั้งที่เธอเหลือบมองเขา...แล้วก็มองผ่านไป บ่อยครั้งที่เด็กหนุ่มแอบน้อยใจในความต้อยต่ำของตนเอง แต่ความคิดนั้นก็อยู่กับเขาได้ไม่นาน มันทำให้เขารู้ว่า “เพียงแค่ได้รัก”...ก็พอแล้ว
แต่แล้ววันหนึ่งก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อเจ้าหญิงแอบเข้าไปในสวนต้องห้ามของพระราชวังและเก็บแอปเปิ้ลจากต้นแอปเปิ้ลซึ่งเป็นตัวแทนของเทพเจ้าผู้ครองเมือง แต่ผู้ที่สามารถเก็บผลแอปเปิ้ลได้นั้นต้องเป็นพระราชาผู้ครองเมืองเท่านั้น เด็กหนุ่มวิ่งตามเจ้าหญิงและพยายามร้องตะโกนห้าม แต่สายไปเลียแล้ว ทันทีที่ลูกแอปเปิ้ลถูกเก็บจากต้น เทพเจ้าผู้ครองเมืองก็ปรากฏตัวขึ้นและตวาดเสียงอันดังด้วยความเกรี้ยวกราด
“ เจ้าควรจะได้รับบทลงโทษจากความซุกซนของเจ้า” เทพเจ้าพูดด้วยความโกรธ
เจ้าหญิงก็กรีดร้อง ฉับพลันร่างของเจ้าหญิงก็นอนนิ่งและ...กลายเป็นขอนไม้
ขอนไม้(หรือเจ้าหญิงนั่นเอง) ถูกลงโทษให้ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาอันหนาวเหน็บและล้อมรอบด้วยป่าทึบยากที่มนุษย์หรือสัตว์จะฝ่าเข้าไปได้
ชายปลูกแอปเปิ้ลขอร้องให้เทพเจ้าอภัยให้เจ้าหญิง แต่ไม่เป็นผล
“ท่านเทพเจ้าผู้เป็นใหญ่คงไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปที่ข้าจะอ้อนวอนขอให้ท่านอภัยให้กับความซุกซนของเจ้าหญิง ข้าเพียงปรารถนาให้ท่านบอกวิธีถอนคำสาป ท่านโปรดเมตตาบอกวิธีถอนคำสาปแก่ข้าด้วยเถิด”
“เมื่อใดที่มีชายที่รักเธอย่างจริงใจ และโอบกอดเธอในร่างขอนไม้ด้วยความรัก เมื่อนั้นเธอจะกลับมาเป็นเจ้าหญิงดังเดิม”เทพเจ้ากล่าว
“ท่านเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่...ขอท่านโปรดเห็นแก่ข้า ที่ดูแลต้นแอปเปิ้ลในสวนต้องห้ามนี้จนเติบใหญ่ออกดอกออกผล ท่านจะเมตตาให้พรแก่ข้าผู้ต่ำต้อยได้หรือไม่” ชายหนุ่มพร่ำขอเทพเจ้าด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
เทพเจ้าพยักหน้า
เด็กหนุ่มขอเป็นใบไม้ อยู่บนยอดเขาแห่งนั้นและอยู่เป็นเพื่อนเจ้าหญิงจนกว่าเจ้าหญิงจะพ้นคำสาป เทพเจ้า
ประทานพรให้ตามคำขอของชายหนุ่ม
..............................................................
หลายปีผ่านไป นานแล้วที่ใบไม้ถูกลมพัดปลิวไปมา ณ ยอดเขาแห่งนั้น ใบไม้มองขอนไม้ที่ยังคงตั้งตระหง่านนิ่งไม่ไหวติง เขาคิดถึงรอยยิ้มของเธอ คิดถึงแววตาที่สดใสของเธอ แต่เบื้องหน้าเป็นเพียงแค่ท่อนไม้ท่อนหนึ่ง เหมือนก้อนหินที่ไร้ชีวิตก็ไม่ปาน แล้วน้ำตาของเขาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาคงหมดหวังเสียแล้วที่จะให้ทุกอย่างกลับมาเป็นดังเดิม ท่ามกลางเขาที่ห้อมล้อมด้วยป่าทึบที่เต็มไปด้วยอันตราย ยากนักที่จะมีใครล่วงล้ำเข้ามา ท้องฟ้าในยามค่ำคืนช่างมืดมิด มันมืดพอๆกับหนทางที่เจ้าหญิงจะพ้นคำสาป ในขณะที่ใบไม้กำลังครุ่นคิดอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งแว่วมาจาก...
“ ใบไม้เอ๋ย . . . เจ้าไม่เหงาบ้างหรือ?” พระจันทร์เอ่ยถาม
“ ไม่ ข้าไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย ความหวังอยู่เป็นเพื่อนข้าเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด”
“ใบไม้เอ๋ย . . .เจ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือ?” ก้อนเมฆเอ่ยถาม
“ไม่เลย . . . ข้าไม่เคยเหนื่อย เพราะข้ามีความรัก...คอยหล่อเลี้ยงหัวใจข้า”
“ใบไม้เอ๋ย...เจ้าไม่หนาวบ้างหรือ?” ดวงดาวเอ่ยถามอีก
“ไม่หรอก..ข้าไม่หนาวเลย ขอนไม้โอบกอดข้าอยู่เสมอ แม้ไม่ใช่ด้วยอ้อมแขนหากแต่ด้วยหัวใจ”
ก้อนเมฆ พระจันทร์ และดวงดาว มองดูใบไม้อยู่เช่นนั้น โดยไม่รู้จะทำอย่างไรให้ใบไม้คลายความเศร้าโศกได้

ทุกครั้งที่ลมพัดมา ใบไม้จะใช้ร่างอันบอบบางของตัวเอง กระทบกับขอนไม้เพียงเพื่อหวังว่า...ขอนไม้จะรู้สึกและรับรู้บ้าง
“ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
..ข้าจะยังคงวนเวียนอยู่ข้างๆเจ้า
แม้เจ้านิ่ง..ไม่ไหวติง
... แม้จะดูเหมือนไร้ชีวิต
แต่ข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่ไร้หัวใจ
... เจ้ารับรู้ได้ใช่ไหม?
ถึงสิ่งที่ข้าทำ
โปรดเถอะ..
อย่าเย็นชากับข้า
กาลเวลาไม่เคยทำให้ข้าท้อใจ..
แต่สิ่งที่ทำให้ข้าท้อมากที่สุด..คือ
ความเย็นชาของเจ้า”
..............................................................
วันเวลาผ่านไป ใบไม้ต้องผจญกับลมหนาวที่พัดมาในฤดูหนาว แสงอาทิตย์ที่แผดเผาเขาในฤดูร้อนจนตัวไหม้เกรียม และน้ำฝนที่กระหน่ำทุกค่ำคืนในฤดูฝน แม้จิตใจของใบไม้จะแข็งแกร่งด้วยเกราะแห่งความหวังสักเพียงใดหากแต่ร่างกายที่เป็นใบไม้บางๆไม่อาจทานทนต่อสภาพแวดล้อมเช่นนั้นได้
ใบไม้เริ่มอ่อนแรงลง เมื่อลมพัดมา..แม้เขาปรารถนาจะอาศัยสายลมพาเขาไปหาขอนไม้ แต่เวลานี้เขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับร่างกายอันบอบบางของเขาเพียงน้อยนิดด้วยซ้ำ ใบไม้รู้ดีว่าเวลาของเขาเหลือน้อยลงทุกที ก่อนจะหมดลมหายใจสุดท้าย เขาจึงอ้อนวอนต่อเทพเจ้าอีกครั้ง
“ข้าแต่เทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ ...บัดนี้เวลาของข้าน้อยเหลือน้อยลงไปทุกทีแล้ว หากความดีของข้ามีมากพอที่จะท่านจะเมตตา นี่คือสิ่งสุดท้ายที่ข้าผู้ต่ำต้อยจะอ้อนวอนขอต่อท่าน โปรดฟังข้าด้วยเถิด..”
ทันใดนั้นเทพเจ้าก็ปรากฏตัวขึ้น มองใบไม้ด้วยสีหน้าสงบ
“เจ้าปรารถนาสิ่งใดอีก”
“ข้าขอกลับไปเป็นมนุษย์ดังเดิม...ข้าอยากจะบอกบางสิ่งที่ข้ายังไม่เคยได้บอกแก่คนที่ข้ารัก ขอท่านโปรดเมตตา
ข้าซึ่งกำลังจะลาโลกไปพร้อมแสงตะวันสุดท้ายของวันนี้ด้วย...”

เทพเจ้าเห็นใจในความมั่นคงและความอดทนของใบไม้ จึงประทานพรให้ตามที่ใบไม้ปรารถนา
บัดนี้..ใบไม้กลายร่างเป็นชายหนุ่มดังเดิมแล้ว หากแต่ร่างกายที่เคยแข็งแกร่ง กลับอ่อนแอลงไปมาก เวลาของเขาคงใกล้จะหมดลงแล้ว เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายพาร่างกายและวิญญาณของเขาไปที่เจ้าหญิง ซึ่งตอนนี้อยู่ในร่างของ
ขอนไม้ที่ปราศจากลมหายใจ และดูเหมือนจะ...ไร้ความรู้สึก
“ได้ยินข้าไหม...
องค์หญิงของข้า
. . . ทุกๆวัน..ข้าเห็นเจ้า
. . . ยามเช้า..ข้าเห็นเจ้า
. . . ยามสาย..ข้าเห็นเจ้า
. . . ยามตะวันลับขอบฟ้า..ข้าเห็นเจ้า
. . . ยามเจ้าเบิกบาน ..ข้าเห็นเจ้า
. . . ยามเจ้าโศก..ข้าเห็นเจ้า
ข้าชอบ..รอยยิ้มของเจ้า
ข้าพอใจ..ผมสีทองของเจ้า
ข้าคิดถึง..แววตาของเจ้า
ข้าปรารถนา..จะอยู่กับเจ้าตราบลมหายใจสุดท้าย
ข้า...ข้ารักเจ้า”
ชายหนุ่มโอบกอดขอนไม้นั้น และประทับจูบลงเบาๆ ทันใดนั้น..ขอนไม้กลายร่างเป็นเจ้าหญิง คำสาปได้ถูกถอน
แล้ว เวลาที่ชายหนุ่มรอคอยมาแสนนานได้มาถึงแล้ว หากแต่..
“ได้ยินข้าไหม...
เจ้าชายของข้า
. . . ทุกวัน..ข้าเห็นท่าน
. . . ยามตะวันส่องแสง..ข้าเห็นท่าน
. . . ยามสายฝนพรำ..ข้าเห็นท่าน
. . . ยามหิมะโปรยปราย..ข้าเห็นท่าน
. . . ยามข้าสุข..ข้าเห็นท่าน
. . . ยามข้าทุกข์..ข้าเห็นท่าน
ข้าเห็น..แววตาของท่าน
ข้าซึ้งใจ..ในความเสียสละของท่าน
ข้าขอบคุณ..ความมั่นคงของท่าน
ข้าปรารถนา..จะใช้ชีวิตร่วมกันจนวันสุดท้าย
ข้า...ก็รักท่านเช่นกัน”

หากแต่..เขาไม่มีโอกาสได้ยินคำสามคำนี้ แม้ว่าเขาจะเฝ้ารอมันมานานสักเพียงใด




อาจมีใครลิขิต
.. ให้ได้เราพบกัน
.. ให้เราได้ใกล้กัน
.. ให้เราต่างก็รักกัน
...แต่ลืมลิขิตให้เราบอกความในใจของกันและกัน
...บางคนอาจไม่ได้พบกันในวันที่สาย ...แต่กลับต้องเสียดายเวลาที่ผ่านมา...ทั้งๆที่เราต่างก็ใช้เวลาอยู่ร่วมกันอย่างคุ้มค่า...จนลืมหาเวลา...เพื่อที่จะพูดแค่คำว่า “ฉันรักเธอ”

23 Nov 2004  |  Post by : Gbabe
Comment 1
:ซึ้งดีคับ แต่เนื้อเรื่องยาวไปนิดเพื่อจาจบอ่านสะบื่อเลย

3 Dec 2004  |  Comment by : oxten2000

Comment


>

Pooyingnaka Wellness

Webboard
โพสต์โดย: StawberryPinky 15
โพสต์โดย: Omaga 4
โพสต์โดย: snipershark 2
โพสต์โดย: bandster 0
โพสต์โดย: mmoonn 3
โพสต์โดย: qqqqqq 0
โพสต์โดย: Momay 1
โพสต์โดย: bloomingtulip 13

Interest Product