Talk About Women

คุณค่าและราคา
คุณค่าและราคา
เมื่อวานตอนบ่าย -- ดิฉันไปสยามพารากอน ตั้งใจจะไปซื้อผ้าพันคอสวย ๆสักผืน กับคริสตัล Swarovski มีจัดรายการลด 30% เลยได้มาทั้งสองอย่าง ผ้าพันคอพันกว่าบาทกับสร้อยเส้นงามได้ในราคา 3,800 บาท ... กรี๊ด กรี๊ด... ถูกเหลือใจ

พอตกเย็น – กะว่าจะรอกินข้าวเย็นกับเพื่อนๆเลยเดินเล่นที่ห้างไปพลางๆ กะว่าจะเข้าไปเดินเล่นในร้านหนังสือให้ดูแอ๊บๆเพราะในนั้นมีแต่คนน่ารักๆและใฝ่รู้ไปยืนอ่านหนังสือกัน
ตอนแรกเกือบจะไม่ได้เข้าร้านแล้ว เพราะทะเลาะกับแม่ยามแสนดุที่ไม่ยอมให้เอาเครื่องดื่มเข้าไปในร้าน ไอ้เราก็ไม่รู้นี่หว่าว่าเอาเข้าไปไม่ได้ ก่อนเข้าเลยแวะซื้อเจ้าฮาร์ทตี้ ที่ 7 11 เครื่องดื่มประจำตัวคนสวยอย่างชั้น กะว่าจะเข้าไปเดินกินเฉิดฉายเล่นสักหน่อย สุดท้ายเลยต้องรีบกินให้หมดเพราะเสียดายของ 555 ระหว่างที่เดินเล่นก็เลยลองหาหนังสืออ่านดูคร่าเวลา สุดท้ายได้ มาตั้ง 5 เล่มแนะ ไม่รู้อะไรสะกดจิตชั้นให้ซื้อ กะว่าจะซื้อเอาไว้อ่านเพิ่มพูนความรู้ใส่กบาล สนนราคา 900 กว่าบาท นึกในใจ... แพงจริง ๆ ...

เมื่อกระแสบริโภคนิยมบังตา... อวิชาก็เกิด สะท้อนในใจ เริ่มถามตัวเอง ใครเป็นคนตีราคาว่าอะไรควรแพง อะไรควรถูก? สังคม หรือใจเราเอง?

ปราบดา หยุ่นเคยพูดเอาไว้ว่า หนังสือเป็นสินค้าหนึ่งที่ควรราคาแพง -- เสื้อผ้าไม่ควรแพง เพชรพลอยไม่ควรแพง (แค่ก้อนหิน) เหล้าบุหรี่ไม่ควรแพง แต่หนังสือแพงได้เพราะคุณค่าเหลือหลาย

ดิฉันจึงได้กลับมาคิดว่าเมื่อเทียบกับคุณประโยชน์ที่หนังสือมีให้แล้ว ราคาร้อย-สองร้อยที่ขายอยู่นั้นไม่ถือว่าแพงเลย ยิ่งเมื่อเทียบกับมือถือแพง ๆ ที่เราซื้อมาไว้โชว์กันแล้ว แต่เรากลับคิดว่าหนังสือแพงเพราะถูกสังคมลวงตาให้เชื่อว่าหนังสือเป็นสินค้าพุ่มเฟือยเกินจำเป็น ของที่เราไม่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันแบบนี้ ราคาร้อยเดียวก็ถือว่าแพง (และก็เป็นสังคมเน่า ๆ ของเราอีกเหมือนกันที่ล้างสมองให้เราเชื่อว่าโทรศัพท์มือถือเป็นของจำเป็นอย่างหนึ่ง ดังนั้นจะราคาสักกี่พันกี่หมื่นก็คุ้ม และยิ่งมีกล้อง ถ่ายรูปได้ด้วยจะคุ้มมาก ๆ..)

หนังสือดี ๆ บางเล่มราคาถูกเสียยิ่งกว่าชุดบิ๊กแม็คสุดประหยัดที่แม็คโดนัลด์ แถมบริโภคแล้วไม่ทำให้คลอเรสเตอรอลอุดตันในเส้นเลือดและยังช่วยลดการกำเริบของโรคอวิชาได้อีกด้วย (ยิ่งช่วงการเมืองแปรปรวนอย่างนี้ ยิ่งมีคนจ้องใช้ประโยชน์จากผู้ป่วยโรคอวิชานี้เยอะ.. หนังสือดี ๆ อาจช่วยบรรเทาอาการได้และเผลอ ๆ อาจช่วยชาติผ่านวิกฤตนี้ไปได้) ฉันจึงเห็นด้วยว่าถ้ามันจะแพง (ซึ่งจริง ๆ นั้นไม่แพง) ก็แพงไปเถอะ สมควรแพง.. ฟันธง!






















เมื่อวานตอนบ่าย -- ดิฉันไปสยามพารากอน ตั้งใจจะไปซื้อผ้าพันคอสวย ๆสักผืน กับคริสตัล Swarovski มีจัดรายการลด 30% เลยได้มาทั้งสองอย่าง ผ้าพันคอพันกว่าบาทกับสร้อยเส้นงามได้ในราคา 3,800 บาท ... กรี๊ด กรี๊ด... ถูกเหลือใจ

พอตกเย็น – กะว่าจะรอกินข้าวเย็นกับเพื่อนๆเลยเดินเล่นที่ห้างไปพลางๆ กะว่าจะเข้าไปเดินเล่นในร้านหนังสือให้ดูแอ๊บๆเพราะในนั้นมีแต่คนน่ารักๆและใฝ่รู้ไปยืนอ่านหนังสือกัน
ตอนแรกเกือบจะไม่ได้เข้าร้านแล้ว เพราะทะเลาะกับแม่ยามแสนดุที่ไม่ยอมให้เอาเครื่องดื่มเข้าไปในร้าน ไอ้เราก็ไม่รู้นี่หว่าว่าเอาเข้าไปไม่ได้ ก่อนเข้าเลยแวะซื้อเจ้าฮาร์ทตี้ ที่ 7 11 เครื่องดื่มประจำตัวคนสวยอย่างชั้น กะว่าจะเข้าไปเดินกินเฉิดฉายเล่นสักหน่อย สุดท้ายเลยต้องรีบกินให้หมดเพราะเสียดายของ 555 ระหว่างที่เดินเล่นก็เลยลองหาหนังสืออ่านดูคร่าเวลา สุดท้ายได้ มาตั้ง 5 เล่มแนะ ไม่รู้อะไรสะกดจิตชั้นให้ซื้อ กะว่าจะซื้อเอาไว้อ่านเพิ่มพูนความรู้ใส่กบาล สนนราคา 900 กว่าบาท นึกในใจ... แพงจริง ๆ ...

เมื่อกระแสบริโภคนิยมบังตา... อวิชาก็เกิด สะท้อนในใจ เริ่มถามตัวเอง ใครเป็นคนตีราคาว่าอะไรควรแพง อะไรควรถูก? สังคม หรือใจเราเอง?

ปราบดา หยุ่นเคยพูดเอาไว้ว่า หนังสือเป็นสินค้าหนึ่งที่ควรราคาแพง -- เสื้อผ้าไม่ควรแพง เพชรพลอยไม่ควรแพง (แค่ก้อนหิน) เหล้าบุหรี่ไม่ควรแพง แต่หนังสือแพงได้เพราะคุณค่าเหลือหลาย

ดิฉันจึงได้กลับมาคิดว่าเมื่อเทียบกับคุณประโยชน์ที่หนังสือมีให้แล้ว ราคาร้อย-สองร้อยที่ขายอยู่นั้นไม่ถือว่าแพงเลย ยิ่งเมื่อเทียบกับมือถือแพง ๆ ที่เราซื้อมาไว้โชว์กันแล้ว แต่เรากลับคิดว่าหนังสือแพงเพราะถูกสังคมลวงตาให้เชื่อว่าหนังสือเป็นสินค้าพุ่มเฟือยเกินจำเป็น ของที่เราไม่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันแบบนี้ ราคาร้อยเดียวก็ถือว่าแพง (และก็เป็นสังคมเน่า ๆ ของเราอีกเหมือนกันที่ล้างสมองให้เราเชื่อว่าโทรศัพท์มือถือเป็นของจำเป็นอย่างหนึ่ง ดังนั้นจะราคาสักกี่พันกี่หมื่นก็คุ้ม และยิ่งมีกล้อง ถ่ายรูปได้ด้วยจะคุ้มมาก ๆ..)

หนังสือดี ๆ บางเล่มราคาถูกเสียยิ่งกว่าชุดบิ๊กแม็คสุดประหยัดที่แม็คโดนัลด์ แถมบริโภคแล้วไม่ทำให้คลอเรสเตอรอลอุดตันในเส้นเลือดและยังช่วยลดการกำเริบของโรคอวิชาได้อีกด้วย (ยิ่งช่วงการเมืองแปรปรวนอย่างนี้ ยิ่งมีคนจ้องใช้ประโยชน์จากผู้ป่วยโรคอวิชานี้เยอะ.. หนังสือดี ๆ อาจช่วยบรรเทาอาการได้และเผลอ ๆ อาจช่วยชาติผ่านวิกฤตนี้ไปได้) ฉันจึงเห็นด้วยว่าถ้ามันจะแพง (ซึ่งจริง ๆ นั้นไม่แพง) ก็แพงไปเถอะ สมควรแพง.. ฟันธง!





16 Jan 2009  |  Post by : korparn
Comment 2
คนเรามีทั้งด้านมืดและด้านสว่างในตัวเอง คุณโชคดีที่ได้ค้นพบด้านสว่างของตัวเองยินดีด้วยครับสำหรับรอยหยักในสมองที่กำลังเพิ่มขึ้นจากการหาหาความรู้เพิ่มเติมใส่ตัวเองนะครับ

29 Jan 2009  |  Comment by : artno1
Comment 1
หนังสือเดี๋ยวนี้ราคาก็ร้อยบาทขึ้นไป แต่สำหรับคนรักการอ่านแล้ว ไม่เป็นอุปสรรค อย่างนกเอง ถ้ามีเวลาได้เข้าร้านหนังสือ แม้จะเป็นช่วงทรัพย์จาง ก็ยังต้องเข้าร้านหนังสือ ไปดูว่ามีอะไรใหม่ๆ ก็จองไว้ในใจก่อน

หรือเก็บเงินแล้วรอไปซื้อที่งานหนังสือ ที่จัดปีละสองครั้ง เป็นงานที่คนรักหนังสือควรจะไป เพราะนอกจากมีการลดราคา ยังมีบู้ทหนังสือเยอะมากๆ หนังสือออกใหม่ส่วนมากจะต้องรอให้หมดงานสัปดาห์หนังสือก่อนถึงจะเข้าร้านหนังสือทั่วไป

อ่านหนังสือ หนังสืออะไรก็ตามให้ความรู้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นนิยาย การ์ตูน นิตยสาร มันจรรโลงใจ เพิ่มความรู้ประดับสมองดีแท้ๆเลย

27 Jan 2009  |  Comment by : SweetNokk

Comment


>

Pooyingnaka Quiz

Webboard
โพสต์โดย: tingtingamanis 0
โพสต์โดย: QaiiGirlz 9
โพสต์โดย: tpk 0
โพสต์โดย: tamtamva 12
โพสต์โดย: topperl 0
โพสต์โดย: mirror 3
โพสต์โดย: dudesweet 0
โพสต์โดย: kawmao 5

Interest Product