Talk About Women

ขอปรึกษาหน่อยค่ะทุกคน
ปัญหาของเราเป็นปัญหาความสัมพันธ์ของเรากับแม่ค่ะ
ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว เพราะพูดอะไรในบ้านไม่ได้เลย
อึดอัดจนคิดอยากตายๆไป เพราะมันเริ้อรังมานานมากและสร้างแผลในใจเรามานานมากแล้ว
ทรมาณที่สุด ที่แม่คนที่เรารัก กลับไม่พยายามทำความเข้าใจเราเลย

เราแต่งงาน(ไม่ได้จัดงานใหญ่โตแต่สังคมรับรู้)กับแฟนคนที่พ่อแม่ไม่เห็นด้วย เพราะเค้าจบแค่ม.๖ ส่วนเรากำลังเรียนป.โทและทำงานค่อนข้างดี (อาจารย์มหาวิทยาลัย)
ส่วนแฟนเป็นลูกจ้างกิจการเล็กๆแห่งหนึ่ง แต่พ่อแม่เรายอมเพราะเค้าเคยสัญญาว่าถ้าเราเรียนจบแล้วจะให้อยู่ด้วยกัน(ซึ่งเราก็จบเกียรตินิยมเสียด้วย)

เรากับแฟนอยู่ด้วยกันมาครึ่งปี จากนนั้นแม่ก็ขอร้องให้เรากลับมาอยู่กับแม่เพราะแม่ป่วยและเลี้ยงหลาน(ลูกพี่ชายที่เอามาทิ้งไว้)ไม่ไหว
เราบอกแฟน ซึ่งเราสองคนก็รู้อยู่เต็มอกว่าเค้าจะจับเราแยกกัน แต่แฟนก็เต็มใจให้เรากลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลพ่อแม่และหลาน แฟนเราพูดว่า เรามีแม่คนเดียว
ส่วนเค้าเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อแม่แบบเรา ให้เรากลับไปดูแลพ่อแม่เถอะ เค้ารอได้ โดยที่เราจะเจอกันนานๆครั้ง หนึ่งอาทิตย์เจอกันหนึ่งวัน

พอเรากลับมาอยู่บ้าน งานที่เราทำอยู่ก็ต้องลาออก มาเลี้ยงหลานและรับทำงานเอกสารอยู่ที่บ้าน ซึ่งเป็นงานพาร์ทไทม์ คือทำได้ตอนหลานเราหลับไปแล้ว
บางคืนก็นอนตีสี่ แล้วตื่นแปดโมงเช้าเพื่อมาดูแลหลานต่อ
ส่วนแม่เรา แกก็สบายใจมากที่เรากลับมาอยู่บ้าน แกจึงตื่นเช้ามา เราหาข้าวให้กินและทานยา จากนั้นแกก็จะแต่งตัวออกไปเที่ยวบ้านเพื่อน เย็นๆก็จะกลับ
เป็นอย่างนี้ทุกวัน จนเราเริ่มมีปัญหากับแฟน เพราะแฟนเครียดงาน พอมาคุยกับเราที่เหนื่อยกับที่บ้านก็จะมีปากเสียงใส่อารมณ์กัน
ซึ่งเข้าทางแม่ แม่ยุให้เราเลิกซะ แต่เราก็นิ่งๆเงียบๆ เพราะเราไม่อยากตอบสนองตามที่แม่ต้องการเห็น
คิดแค่ว่า เรากับแฟนคุยกันจนเข้าใจแล้ว ไม่มีปัญหาแล้ว เราจึงเฉยๆไป

เงินเก็บเราเริ่มหมดเพราะเรามาอยู่บ้านออกค่าใช้จ่ายในบ้านทั่งหมด เลยเครียดหนักเข้าไปใหญ่ แต่เราพูดไม่ได้เพราะพอพูด แม่ก็จะตวาดว่า แม่ก็เครียดเหมือนกัน
ทั้งๆที่เราจ่ายหนี้ให้แม่ตลอด ไม่รู้แม่เล่นแชร์ เล่นหวยที่ไหน กลับมาก็จะบ่นว่าเครียดๆๆๆๆๆ เราเลยเอาเงินเราไปจ่ายให้
สักพัก มีจะมีหนี้ก้อนใหม่มาอีกแล้ว....เราท้อมากเลย รายได้ตอนนี้เราน้อยมาก ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ส่งให้แม่แล้วยังเหลือกินเหลือเก็บสบาย


เราดูแลทุกอย่างภายในบ้าน โดยที่เราจะเงียบๆเฉยๆ เวลาแม่พาเพื่อนมาปาร์ตี้ที่บ้าน เราก็จะหลบไปซักผ้าหลังบ้าน
แม่ก็หาว่าเราประชดเค้า เราบอกว่า จะด่าเราแม่ดูหน้าหนูก่อนนะว่าหนูเป็นอะไรยังไง
หลานน้อยเราอ้อนทุกวัน เรานอนวันละสี่ชั่งโมง และพอหลานหลับก็ลงมาทำงานจนดึกจึงนอน
ร่างกายเราเริ่มอ่อนแอ และเราน๊อคเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าเราเป็นโรคเครียด จนควบคุมพฤติกรรมการกินของตัวเองไม่ได้ จนนำหนักเราพุ่งขึ้นอีกยี่สิบห้ากิโล

เราเครียดมากเพราะป้าๆเพื่อนแม่ มาทักทุกวันว่าเราอ้วนฉุ สภาพดูไม่ได้
แถมพอเราบ่นว่าเราเหนื่อย เลี้ยงหลานเหนื่อย แม่ก็จะด่าว่าเราเสียๆหายๆ บอกว่าจะบอกพ่อ ว่าเราไม่เต็มใจมาอยู่บ้านทำตัวมีปัญหาเพราะห่างแฟน

เราได้แต่ร้องไห้น้ำตาไหลอยู่เงียบๆ เราทำอะไรก็ผิดไปหมดเลย เรากัลบมาอยู่กับเค้าเพราะเค้าบอกว่าตรอมใจที่เรามีสามี (เค้าพูดว่า เรียนจบแล้วมีผัวเลย)
จนป่วยเสียค่ารักษาไปเยอะ เรารู้ว่าแม่เสียใจมากที่เราแต่งงานกับคนๆนี้ แต่แฟนเราเค้าก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดี เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ เพียงแต่จนเท่านั้น

เราบ่น หรือแสดงอารมณ์ไม่พอใจไม่ได้เลย เพราะแม่จะอาละวาดทุกงครั้ง และเราก็จะฟังแม่ด่า อยู่เงียบๆ รอให้เค้าออกจากบ้านไปหาเพื่อน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราระลึกเสมอว่าแม่ทำงานหนักมากตอนที่เรายังเด็ก และเลี้ยงดูแลเรามาอย่างดี เราจึงพยายามไม่คิดอะไร
แล้วยิ่งตอนที่เราตัดสินใจจดทะเบียนกับแฟนโดยไม่บอกแม่ก่อน และปฏิเสธสินสอดและงานแต่ง ทั้งที่พ่อเรามีหน้ามีตาในสังคม ทำให้ท่านเสียหน้าและเสียใจมาก
เราจึงพยายามไถ่บาปในตอนนี้ ซึ่งใครจะว่าอะไรเราก็ได้นะ เรายินดี เพราะเราบาปมากจริงๆที่ทำให้พ่อแม่เสียน้ำตา

แต่เราเสียใจจริงๆ ที่แม่ไม่เคยสนใจเลยว่าเราเหนื่อยและเครียดแค่ไหน ที่ต้องทิ้งงานมา และพยายามอย่างยิ่งในการช่วยแบ่งเบาภาระของแม่
เสียใจที่ไม่มีใครในครอบครัว ทั้งแม่และพี่ ที่ยอมรับฟังเราเลย เราอึดอัด ทุกข์ทนอยู่ในใจ แต่ไม่มีใครสนใจจะฟัง ไม่มีใครยอมรับฟังเราเลย
ถึงเราจะเล่าให้เพื่อน แฟน หรือเจ้านายเก่าเราฟัง แต่เขาก็ไม่ใช่คนในครอบครัวอยู่ดี เราอยากให้แม่เห็นใจเราบ้าง
อยากให้แม่รับฟังและปลอบใจ ให้กำลังใจเราบ้างเท่านั้น ขอแค่เราได้พูดระบาย ปรับทุกข์กับแม่บ้าง เทานั้น อยากให้แม่รับฟังลูกบ้าง......

วันนี้เราอยากกินยานอนหลับสักกำ หลับไปเลย แล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีก เราไม่อยากตื่นขึ้นมาแล้ว
คนที่เรารักมากที่สุด ทำกับเราแบบนี้ เราก็หมดแล้ว
อยากให้ใครเอาปืนจ่อสมองเรา ยิงให้ดับไปเลย เราจะเขียนหนังสือยินยอมไว้เอง
เราไม่รู้จะอยู่ทำไมแล้ว





ขอโทษนะคะที่ท่านต้องเสียเวลามาอ่าน
และขอบคุณนะคะที่อ่านจนจบ

ถ้าท่านเห็นว่าดิฉันอกตัญญู นำแม่มาประจานก็เชิญด่าได้เลยค่ะ ฉันยินดีจะรับทุกๆคำ

ขอบคุณมากค่ะ



19 Mar 2009  |  Post by : Areedom
Comment 3
ขอบคุณนะคะ คุณนกกับคุณkawaei
ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ แม่ยอมขอโทษเราแล้ว เพราะเมื่อวานพ่อมาเห็นเรานั่งร้องไห้ (ตามปกติแม่จะหยุดด่าเราทันทีทีพ่อมา แต่เมื่อวานเค้าไม่เห็นพ่อ)

พ่อถามแม่ว่าทำอะไรเราอีก
แล้วอีกอย่างคือ เราไม่พูดกับแม่ ไม่ได้ฟ้องพ่อ เราอยู่เงียบๆ แล้วก็ทำกับข้าวไว้รอแม่ ซื้อน้ำเต้าหู้มาไว้ให้เค้ากินตามปกติ
แม่คงเสียใจที่ด่าเราแรงมากๆ เลยชวนเราคุยเสียงอ่อยๆ

ต่อไปนี้เราก็จะพยายามอยู่สงบๆ ไปหาเรื่องใส่ตัวอีก

แต่ว่าไปก็หาเรื่องอีกแล้ว เพราะเราหันไปเอาเรื่องแฟนแทน(...เฮ้อ นิสัยไม่ดีจริงๆเราT.T)
เมื่อวานเราโดนด่ากี่ชุด เราลงที่แฟนหมดเลยครบทุกชุด(แค่เปลี่ยนหัวข้อ...)
น่าสงสารเค้าเนอะ

สงสัยเราต้องโทไปขอโทษแฟนอีกแล้วค่ะ(.....พึ่งจะสำนึกผิด)


อย่างไรก็ขอขอบคุณมากนะคะ จะพยายามไม่คิดมากและคิดสั้นอีกแล้วค่ะ

ป.ล. คุณนกคะ เลี้ยงเด็กนี่เหนื่อยมากจริงๆค่ะ แต่เวลาเห็นเค้ายิ้มและมีความสุขเนี่ย มันหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
เราเองเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เกิดค่ะ ใครๆก็นึกว่าเราเป็นแม่เค้า แต่เรารู้สึกดีค่ะ เพราะเรารักเค้าเหมือนลูกจริงๆ

20 Mar 2009  |  Comment by : Areedom
Comment 2
ผู้หญิงนะคะดอทคอม

นกเข้าใจนะคะว่าเรื่องราวมันดูเหมือนจะแย่ขึ้นทุกๆวัน เพราะนับวันเรายิ่งเครียดสะสม ให้ดูแลตัวเองให้ดีๆนะคะ แล้วรักษาจิตใจตัวเอง

พยายามมองโลกในแง่ดี จะช่วยได้เยอะค่ะ เอาเป็นว่า พ่อแม่ให้เรามาอยู่ เพราะเป็นห่วง (แม้เราจะรู้แก่ใจถึงเหตุผลของท่าน) เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด แต่ต้องพยายามผ่อนคลายตัวเองให้ได้ ต้องอดทนเยอะหน่อยค่ะ แล้วก็ต้องหูทวนลมบ้างนะคะ ยิ่งพ่อแม่แก่เท่าไรจะยิ่งบ่นจุกจิกมากขึ้น

เข้าใจเลยค่ะว่าเลี้ยงหลานน่ะเหนื่อยแค่ไหน เพราะนกก็เพิ่งมีลูกอ่อนเพิ่งจะครบเดือน ก็เหนื่อยเหมือนกัน นอนไม่พอ บางวันจะเครียดมาก เพราะนกอยากเลี้ยงแบบนึง พ่อแม่อยากให้เลี้ยงแบบนึง จนเกือบทะเลาะกัน ไม่คุยกันไปวันนึง จนนกพยายามมาคิดในแง่ดี แล้วก็พยายามหูทวนลม อันไหนดีก็เก็บไว้ อันไหนที่จะทำให้เราแย่นกก็พยายามจะปล่อยไป ไม่งั้นทั้งทำงาน ทั้งเลี้ยงลูกตอนกลางคืน มันก็เหนื่อย เพราะกลางคืนลูกจะนอนยากมาก

ไม่อยากให้คิดสั้นนะคะ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย ถ้าไปพบจิตแพทย์ได้ก็อยากให้ไปนะคะ อย่างน้อยเราจะได้วิธีแก้ปัญหาทางจิตใจของเรา เพราะตอนนกเครียดมากๆ ถ้านกไม่คลายลง แฟนก็จะพาไปเหมือนกัน หมอเคยบอกว่าถ้าเครียดก็ให้ไปหาได้

จริงๆแล้วถ้าได้เจอกับแฟนอาทิตย์ละครั้ง ลองปรึกษากับแฟนดูนะคะ ต้องคุยกัน เพราะว่าเครียดทั้งคู่ จะได้จูนเข้าหากันได้ ส่วนเรื่องที่พ่อแม่อยากให้แยกทางกัน อย่าเก็บไปคิดเลยค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราทั้งนั้น ส่วนเรื่องแฟน อาจจะลองคุยกับแฟนให้ลองเรียนทางไกล จะเรียนรามหรืออะไรก็ได้ค่ะ ความจนยังไงก็ไม่สู้ความขยัน นกเชื่อว่าถ้าแฟนขยัน พยายาม พ่อแม่จะต้องเห็นใจสักวันหนึ่ง

เรื่องความมีหน้าตาในสังคมเราเปลี่ยนแปลงอะไรได้ยากค่ะ ฉะนั้น ยิ่งคิดเราจะยิ่งวุ่นวายใจ

อย่าคิดสั้นนะคะ พยายามปัดความคิดนั้นออกไปให้ได้ และพิสูจน์ให้คนอื่นๆเห็นว่า เราเป็นคนเข้มแข็งและยึดมั่นในสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้อง มีอะไรเมล์มาคุยกับนกได้นะคะ เคยผ่านจุดนั้นมาแล้วค่ะ

ให้กำลังใจนะคะ สู้ต่อไปนะคะ

19 Mar 2009  |  Comment by : SweetNokk
Comment 1
คุณค๊ะอย่าพึ่งคิดสั้นนะค๊ะชีวิตเรามีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะ ที่อ่านมาก็พอจะเข้าใจเพราะเพื่อนก็เคยเจอแบบนี้เหมือนกันแม่แท้ๆแต่ทำยังกับว่าไม่ใช่ลูกตัวเอง
แต่มันก็ทนนะค๊ะแม่มันนิด่าสารพัดเลย ยกมาทั้งสวนสัตว์ บางทีมันล้างจานอยู่หน้าบ้านของมันดีๆแม่มันก็ยังโยนหม้อข้ามฟากมาให้มันเลยแหล่ะค่ะเห็นมันแล้วก็อดสงสารไม่ได้ทำอะไรต้องให้ได้ดั่งใจแม่มันทุกอย่างหายไปไหนไม่ได้เลยตะโกนเรียกบ้านแทบแตกด่าว่าลูกต่อหน้าเพื่อนๆลูกตอนเด็กๆบ้านอยู่ติดกะมัน มันจะโดนตีแม่มันยังมาตามให้ไปดูลูกตัวเองโดนตีดูซิค๊ะ ทุกคนย่อมมีปัญหาที่ต่างกันอีกอย่าคุณก็โตแล้วน่าจะลองคุยกะแม่ดีๆดูว่าให้เค้าเข้าใจเราบ้าง
มันก็คงลำบากตรงที่ว่าเค้าเป็นแม่เรานี่แหล่ะซิ แต่ยังไงก็ขอเป็นกำลงัใจให้นะค๊ะ สู้ๆ อย่าคิดสั้น

19 Mar 2009  |  Comment by : kawaei

Comment


>

Pooyingnaka Wellness

Webboard
โพสต์โดย: รักเขาข้างเดียว 7
โพสต์โดย: khunyingying 4
โพสต์โดย: girlnaka 3
โพสต์โดย: fahsuka 0
โพสต์โดย: MING1994 2
โพสต์โดย: jubjib23 8
โพสต์โดย: Milkjung 0
โพสต์โดย: moocartoon 3

Interest Product