นี่หรือคือพรหมลิขิต |
---|
มันเป็นพรหมลิขิตหรือโชคชะตา มันเป็นความโชคดีหรือความโชคร้าย ฉันยังไม่สามารถหาคำตอบได้เลย บางทีโชคชะตาก็ชอบเล่นตลกกับคน เหมือนตอนนี้ที่โชคชะตากำลังเล่นตลกกับฉัน เมื่อ 13 ปีก่อน ฉันได้พบผู้ชายคนหนึ่ง เค้าเป็นตำรวจมาใหม่ แว็บแรกที่ฉันเห็นเค้าเหมือนฉันเคยรู้จักเค้า ฉันคุ้นเคยเค้ามาก ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน และถูกชะตามาก ๆ เค้ามาเตะบอลแข่งกับอาจารย์ของฉันที่โรงเรียน ฉันแอบเชียร์เขาแต่ก็มีเพื่อนสนิทของฉันที่รู้ หลังจากนั้นเค้าก็มาเตะทุกวันตลอดทั้งอาทิตย์เลย และเป็นคนยิงประตูทุกครั้ง เค้าเตะบอลเก่งมากจนอาจารย์ของฉันเรียกเค้าโรนัลโด (สมัยนั้นโรนัลโด้ดังมาก) ฉันยิ่งปลื้มไปใหญ่ การแข่งขันจบลงที่ทีมตำรวจชนะ ฉันคิดว่าคงไม่ได้เจอเขาอีก และแล้วโชคชะตาก็ทำให้เขากับฉันได้เจอกันทุกวัน เพราะเขาไปเป็นจราจรอยู่ทางที่ฉันต้องไปโรงเรียน ทุกเช้า ทุกเย็น เวลาฉันขับรถผ่านฉันก็ยิ้มให้เขา และเขาก็ยิ้มให้ฉัน ฉันรู้ว่าหลายคนในโรงเรียนชอบเขาเหมือนกัน และเป็นตำรวจที่ฮอตมาก ๆ คนนึงในโรงเรียนของฉัน เพราะเขาเป็นคนหล่อ แต่ฉันชอบเขาที่ฉันรู้สึกคุ้นเคยและถูกชะตามากกว่า ยิ้มให้กันไปยิ้มให้กันมาอยู่อย่างนี้ทุกวันจนเวลาผ่านไปเป็นปี เราไม่เคยพูดกันซักคำ (แต่ตลอดระยะเวลาก็เหมือนกับเราเข้าใจกันรู้สึกถึงความในใจกัน บางวันที่ฉันไม่ยิ้มให้ (เป็นเพราะฉันอายฉันเลยทำไปมองที่อื่นไม่สนใจเค้า) เค้าก็จะโกรธไม่ยิ้มและไม่มองหน้าฉันหรือทำเป็นไม่สนใจฉันเหมือนกัน) มันทำให้ฉันเจ็บปวดมาก ทุกครั้งที่เขาทำอาการแบบนั้นฉันจะพยายามยิ้มให้เขาตลอดถึงแม้เค้าไม่ยิ้มตอบมาก็ตาม ประมาณ 3 - 4 วันเค้าก็กลับมายิ้มให้เหมือนเดิม (พวกคุณว่ามันตลกไหมล่ะ คนที่ไม่เคยแม้แต่จะพูดกันซักคำ แต่กลับมีงอนกัน) เวลาผ่านไป 3 ปี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา มีเพียงบางครั้งที่เดินผ่านสวนทางกัน ก็แค่ถามไปไหนค่ะแล้วก็ยิ้มเฉย ๆ เค้าก็แค่ตอบคำถามและยิ้มเหมือนกันต่างคนก็ต่างอาย และแล้วฉันก็จบการศึกษา ตอนตั้งใจไว้ว่าฉันต้องให้เขาเขียนเฟรนชิปให้ฉันให้ได้ และแล้วก็มีโอกาสฉันทำใจกล้าหน้าด้านเดินถือสมุดเฟรนชิปไปบอกเค้าว่าให้เค้าเขียนให้หน่อย ตอนนั้นเค้าหน้าแดงมากแดงจนถึงหูเลย ฉันก็หน้าแดงเหมือนกันยื่นให้เค้าแล้วรีบเดินกลับ จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายที่ต้องไปโรงเรียน ฉันยังไม่มีโอกาสได้สมุดคืนจากเค้าเลย แล้วโอกาสก็มาถึงฉันขับรถผ่านหน้าสถานีตำรวจเค้ากำลังขับรถออกมาฉันรีบจอดรถและถามคืนจากเค้า ๆ ก็ขับรถเข้าไปในโรงพักและคืนให้ฉัน เราไม่ได้พูดอะไรกันแค่ยิ้มให้กัน ในสมุดไม่มีอะไรมากแค่บอกเค้าไม่มีอะไรให้เป็นของขวัญนอกจากความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้ และให้ตั้งใจเรียนมีอะไรก็ปรึกษาเค้าได้ เค้ายินดี หลังจากที่ฉันจบไปและไปเรียนที่ใหม่เราก็ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก แต่ฉันยังคิดถึงเขา ยังจดจำทุกอย่าง เวลาที่เราเจอกันได้ ฉันเฝ้าคิดถึงเค้าทุกวัน (มันตลกมากนะฉันไม่คิดพยายามที่จะทำความรู้จักกับเขามากไปกว่านี้ แค่นี้ฉันก็รู้สึกดีแล้ว) ทุกคนที่อยู่รอบกายฉันล้วนแต่รู้ว่าฉันแอบปลื้มผู้ชายคนนึง และปลื้มมาก ๆ ฉันไม่สามารถอธิบายได้จริง ๆ ฉันรู้แต่ว่าฉันคงไม่มีความรู้สึกแบบนี้กับใครหรอกในชาตินี้ ความรู้สึกที่เจอหน้าแล้วเหมือนหัวใจฉันจะหลุดออกมา ฉันหายใจไม่ออก ขาสั่น มือสั่นไปหมด มันแปลกจริง ๆ ฉันมีไดอารี่เขียนถึงเค้า ช่วงเวลาที่ประทับใจ (แม้เป็นแค่รอยยิ้มก็ตาม) จนกระทั่งฉันได้พบกับแฟนฉัน (สามีในปัจจุบันของฉัน) เราคบกัน ผูกพันกัน แต่ฉันไม่เคยมีความรู้สึกพิเศษเหมือนที่รู้สึกกับพี่เค้าเลย และสามีฉันก็รู้ด้วยว่าฉันแอบปลื้มคนนี้นะ และเป็นเอามากด้วย แต่เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเค้าคิดว่าฉันก็แค่ปลื้ม และเป็นบ้าเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่เค้าเป็นคนขี้หึงมาก ส่วนทางด้านพี่เค้าฉันไม่ได้รับรุ้ว่าเค้ามีแฟนหรือเปล่า แต่คิดว่ามีอยู่แล้วแหละ แต่เราก็เจอกันเวลาฉันกลับมาบ้านก็ 3 - 4 เดือนครั้งนึง เราก็ยิ้มให้กันเหมือนเดิม และความรู้สึกตื่นเต้นก็ยังเหมือนเดิมทุกคน อาจจะลดนิดนึงแต่ไม่มาก เมื่อ 7 ปีที่แล้วฉันแต่งงานแต่ฉันกับแฟนไม่ได้มาอยู่บ้าน แต่อยู่ใกล้ทำให้ได้กลับมาบ่อย จนกระทั่ง 2 ปีที่แล้วฉันท้อง และฉันกับสามีได้กลับมาอยู่บ้านเกิดของฉัน ฉันกับพี่เค้าจึงได้เจอกันบ่อย แต่ก็แค่ยิ้มไปและยิ้มมาเหมือนเดิม (พี่เค้ายังไม่แต่งงาน และไม่มีใครซึ่งฉันก็ไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงของเค้าเหมือนกัน ตอนนี้เค้าก็อายุ 40 กว่าแล้วแต่ก็ยังคงหล่อเหมือนเดิม 555) แฟนฉันพูดให้ฟังว่าเค้าจะหลบหน้าแฟนของฉันทุกครั้งที่จะต้องเจอหน้ากัน เพราะแฟนฉันก็สนิทกับพี่ ๆ ในโรงพักหลายคน เวลาผ่านไป 13 ปีแล้วซินะตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ ที่เรายังยิ้มและรู้สึกดี ๆ ให้กัน ถึงแม้ว่าตั้งแต่ฉันกลับมาอยู่บ้านเราจะเจอกันบ่อยมาก บางครั้งก็ขับรถสวนทางกัน แต่ทุกครั้งที่ฉันกับเค้าได้มีโอกาสเจอกันต่างก็มองกันอย่างตะลึงและได้แต่ยิ้ม เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน เหมือนเวลาหยุดเดิน และในวันนี้วันที่ฉันกับเค้าได้ไปไหนมาไหนด้วยกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จากที่ไม่เคยคิดว่าจะได้คุยกันจะได้มาเป็นแฟนกัน คิดขึ้นมาแล้วมันตลกสิ้นดี ทำไมโชคชะตาต้องเล่นตลกกับฉันอย่างนี้ด้วย ฉันพึ่งมีโอกาสได้พูดกับเค้าเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ด้วยความบังเอิญแท้ ๆ เพราะเพื่อนเค้าอยากได้ของในร้านของฉัน (แต่อยากได้แบบผ่อน เพราะทางร้านของเราก็ให้ทั้งสดและผ่อน) แต่ขอให้เค้าพามา เค้าก็พามาและจะเป็นคนค้ำประกันให้ ฉันกับเค้าอายกันมาก ฉันไม่กล้าเดินไปนอกร้านฉันยืนคุยในร้านส่วนเค้าก็อยู่นอกร้านมีแต่พี่ที่เค้าอยากได้ของเท่านั้นที่มาคุยกับฉันในร้าน ฉันเลยขอเบอร์โทรของพี่เค้าจากเพื่อนของเพื่อนอีกทีนึง เพื่อเช็คเครดิตของพี่คนนั้น ว่าเชื่อใจได้หรือเปล่า (แต่อีกใจนึงก็อยากโทรหาเค้านั่นแหละ) หลังจากนั้นเราก็เริ่มส่งข้อความหากันบ่อย ๆ อาจจะไม่ทุกวัน 2 - 3 วันส่งครั้งนึง ข้อความก็จะประมาณเหนื่อยมั๊ย เป็นกำลังใจให้นะ แล้วก็พัฒนามาเป็นการโทรหากัน เราเคยออกไปทานข้าวด้วยกัน 2 ครั้ง แต่เพื่อน ๆ ของฉันและเพื่อนสนิทของพี่เค้าก็ไปด้วย เราไม่เคยไปเพียงลำพัง ทุกครั้งที่นัดเจอกันฉันแทบจะไม่เป็นอันทำอะไร ตลอดทั้งวันฉันจะทำอะไรไม่ถูกเลย ครั้งแรก (27/04/52) ฉันไปทานข้าวที่ร้านอาหารเฉย ๆ แต่ก็มีกินเหล้าบ้าง เค้านั่งข้างน้องสาวฉัน และให้เพื่อนเค้ามานั่งข้างฉัน ก็นั่งคุยกันธรรมดาแบบเขินอายธรรมาแล้วก็กลับบ้าน ต่อมาก็ก็มีนัดครั้งที่ 2 (12/05/52) คราวนี้อยู่ที่ผับ เค้าไปกับเพื่อนหนึงคน ฉันไปกับเพื่อนอีก 1 คน และน้องสาวของฉันเช่นเคยตัวฉันเองเมาพี่เค้าก็พอสมควรแต่พี่เค้าพอควบคุมสติได้ แต่เค้าก็ไม่ได้ลวนลามฉันเลย ถึงแม้จะมีโอกาสก็ตาม แค่จับมือบางครั้งแต่ไม่บ่อย และโอบเอวแค่ 5 ครั้ง แค่ครั้งละไม่ถึงนาที ฉันยิ่งปลื้มพี่เค้าไปใหญ่ และเค้าก็ดูเป็นห่วงฉันมาก ดูแลฉันเป็นอย่างดี แล้วก็ต่างคนต่างกลับบ้าน ซึ่งถึงแม้จะกลับมาเราก็ไม่ได้เจอกันเลย ยกเว้นเวลานัดเจอกันแต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้นัดอีกตอนไหน ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าชีวิตต่อไปฉันจะเป็นอย่างไรจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าจะมีความสุขหรือความทุกข์ดี (อ้อ! ฉันกับแฟนทะเลาะกันบ่อยมาก เป็นอยู่อย่างนี้มาหลายปีแล้ว และเกือบเลิกก็หลายครั้งแต่สงสารลูก) แฟนฉันเขายังไม่รู้เลยว่าฉันกับคนที่ฉันแอบปลื้มเริ่มจะไม่ใช่แค่ปลื้มเฉย ๆ แต่ออกไปทานข้าวด้วยกันมาแล้ว ฉันสับสนมากทั้งรู้สึกสงสารตัวเอง สงสารลูก สงสารพี่เค้า และสงสารสามีของฉัน (ถึงแม้เราจะไม่ค่อยได้พูดคุยกันดี ๆ มากนัก แต่เค้าก็เป็นพ่อของลูกของฉัน) แล้วพวกคุณว่าโชคชะตาเล่นตลกกับฉันไหมล่ะ
16 May 2009 | Post by :
chompoo191
|
Comment 5 |
---|
ลองคิดดีๆแล้วกัน แล้วคนที่คุณปลื้มเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง อย่าเพิ่งแน่ใจว่าเขาเป็นคนดี ต้องศึกษากันมากๆ ขายสายพาน ลูกกลิ้ง และ อุปกรณ์สำหรับระบบลำเลียง ลิงค์ไปที่นี่
9 Jul 2009 | Comment by :
rassaya
|
Comment 4 |
---|
ในเมื่อมีครอบครัวมีลูกแล้วก็น่าจะให้ความรู้สึกดีๆ เป็นแค่เพียงความรู้สึกดีๆ ต่อไป ไม่น่าจะไปสานต่อจนมีการนัดเจอกันเลย เพราะต่อไปมันอาจจะเลยเถิดไป เพราะเชื่อแน่ๆ ว่าถ้ามีโอกาสหรือว่าเค้ามือไวอีกซักหน่อยคุณอาจจะเลยเถิดไปถึงไหนๆ แล้ว เพราะคุณอาจจะยับยั้งชั่งใจไม่อยู่ ถ้าคุณจะมีปัญหาหรือจะเลิกกับสามีก็ไม่น่าจะมีใคร(มือที่สาม)เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะว่ามันจะยิ่งทำให้คุณเห็นคุณค่าของสามีน้อยลงและปัญหาที่ทะเลาะกัน อาจจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยแต่มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่มากๆ ขึ้นมาทันที คิดถึงลูกให้มากๆ ค่ะ คำว่าแม่ยิ่งใหญ่มาก มากจนอาจจะทำให้คุณเสียสละ ทิ้งความรู้สึกส่วนตัวไปได้นะ
18 Jun 2009 | Comment by :
Ladylady
|
Comment 3 |
---|
อ่านจนแสบตา น้ำตาไหลเลยค่ะ แต่ก็อ่านจนจบ ดีหรือไม่ดียากที่จะบอกนะคะ แต่ในเมื่อโชคชะตาลิขิตมาอย่างนี้แล้ว คุณแค่ลองใช้ความคิด เหตุผล ไม่ใช่แค่เพียงความรู้สึกของคุณคนเดียว ลองตัดสินใจให้เด็ดขาด เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น ยิ่งปล่อยนานไป ก็มีแต่เจ็บช้ำนะคะ ถึงเวลาที่ต้องเลือก แต่อย่างน้อย ก็อยากให้คิดดีๆ คุณไม่ได้ตัวคนเดียว คุณยังมี ลูก อีกคน
23 May 2009 | Comment by :
nokkauw
|
Comment 2 |
---|
แฟนผมคงเป็นแบบนี้เหมือนกันมั้งครับ อย่างว่าแหละคนที่อยู่ด้วยกันมักจะไม่ค่อยเห็นค่ากัน ถึงยังไง ผมอยากไห้คุณคิดถึงลูกและสามีของคุณครับ เพราะทั้งสองคนนั้นคือคนที่รักคุณจริงๆ (ไม่งั้นเค้าจะยอมมีลูกกับคุณเหรอ) แต่อย่างว่าแหละครับ คนเราความรักครอบงำ(หรือความหลง) ตอนนี้คุณยังไม่ก้าวเลยไปจนไม่สามารถกลับมาใด้(เหมือนแฟนผม) ยังไงก็คิดไห้หนักๆครับ เพราะปัญหานี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณได้แบกรับคนเดียว แต่ยังมีคนที่ใด้รับผลกระทบ(อย่างรุนแรง)คือสามีและลูกของคุณ แต่ว่าไม่ว่ายังไงถ้าความรู้สึกนั้นมันเกินเลยจนไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะเป้นอย่างไร ผมรับรองว่าจบแบบ Bad ending แน่นอนครับ
21 May 2009 | Comment by :
Haruki
|
Comment 1 |
---|
ชะตาฟ้าลิขิต แต่ชีวิตน่ะมันของคุณ ดีชั่วรู้หมด แต่อดได้มั้ย ตาลายมาก แต่พยายามอ่านจนหมด ^^V
17 May 2009 | Comment by :
artno1
|
ถุงเท้า 1 แพค 10 คู่ แฟชั้น
สั่งซื้อ https://s.shopee.co.th/1B8GbFCSRVราคา 59 บาท
Kekemood ลิปสติก ลิปกลอส เอสเซ้น ให้ความชุ่มชื้น กันน้ํา
สั่งซื้อ https://s.shopee.co.th/7fLcYp3mtQราคา 28 บาท
DAZZLE ME Fruit Justice Lip Balm ลิปบาล์ม บํารุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้นและลดความหมองคล้ำ เปลี่ยนสีตามค่าPH สารสกัดจากผลไม้
สั่งซื้อ https://s.shopee.co.th/4fi7IZj5Auราคา 65 บาท
SB Design Square โต๊ะข้างไม้ล้วน รุ่น LENA สีไม้อ่อน
สั่งซื้อ https://shope.ee/6fIGQSe2qpราคา 270 บาท
Llamito ผงมัทฉะ ออร์แกนิค (Matcha Powder)
สั่งซื้อ https://s.shopee.co.th/6fTDB0bckCราคา 490 บาท
Swisse Bright Skin Booster
สั่งซื้อ https://s.shopee.co.th/BFmeFA6Jtราคา 645 บาท
KING น้ำมันรำข้าว 8,000 PPM ขนาด 1000 มล. (ยกลังถูกกว่านะคะ) 12 ขวด
สั่งซื้อ https://s.shopee.co.th/20hM6WeGFeราคา 880 บาท
มันหนึบญี่ปุ่น มีไฟเบอร์สูง เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน Calories ต่ำ ซื้อทีละ 1 กิโลคุ้มที่สุด
สั่งซื้อ https://s.shopee.co.th/40SQTPYymGราคา 169 บาท
Eralife โคมไฟตั้งโต๊ะ Led ขนาดเล็ก
สั่งซื้อ https://s.shopee.co.th/7V2LlbQK3Qราคา 113 บาท
กระโปรงพลีท กระโปรงเทนนิส มีซับในตัว เเบบสั้น
สั่งซื้อ https://s.shopee.co.th/7pfAZmddKfราคา 59 บาท
Rubber Soul รุ่น RBS-8 รองเท้าแตะแบบหนีบรุ่นรองเท้าหน้าฝน
สั่งซื้อ https://s.shopee.co.th/6fTD81SHJtราคา 155 บาท
VEECCI x MY FRIEND RABBIT แป้งอัดแข็ง แต่งหน้า คุมมัน
สั่งซื้อ https://s.shopee.co.th/9f6rvsWqBAราคา 354 บาท