Talk About Women

ไปอ่านเจอเรื่องนี้มาประทับใจ : เด็กผู้หญิงถูกบังคับให้แต่งงานตั้งแต่ 8 ขวบ
“โอกาสที่จะชนะคดีมีน้อยมาก”

ฉันบอกกับผู้หญิงคนหนึ่งตามตรงในฐานะที่ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

แม้ว่าเรื่องที่เธอเล่ามาในชีวิตทั้งหมดจะน่าหดหู่หรือน่าสงสารเพียงใดก็ตาม แต่ศาลไม่ได้นำเรื่องความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสิน เขาพิจารณากันเพียงแค่หลักฐานที่เห็นเด่นชัดจริงเท่านั้น

“แต่ยังไงหนูก็ต้องชนะ” เธอพูดด้วยความมุ่งมั่น

“ก่อนอื่นเธอต้องจ้างทนายดีๆ สักคนเสียก่อน”

“ไม่มีใครเป็นทนายให้หนูหรอกค่ะ” เธอพูดคำนั้นแต่แววตาของเธอยังคงมุ่งมั่นว่าจะฟ้องหย่าให้สำเร็จแม้เหตุผลที่ไม่มีทนายทำหน้าที่ให้เธอจะเป็นเหตุผลที่ว่า “เพราะพวกเขาไม่อยากมีประวัติแพ้คดี” ก็ตามที

ถ้าฉันเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นฉันจะไม่เลือกสู้ให้เป็นคดีความ

ฉันอาจจะเลือกเพียงหนีออกจากบ้านหลังนั้นแล้วหายตัวไปที่ไหนสักแห่ง ฉันอาจจะไปอยู่บ้านญาติ หรืออาจจะออกนอกประเทศนี้ไปเลย

“หนูไม่สู้ไม่ได้” เธอบอกกับฉัน “และหนูหนีไม่ได้”

“แต่นั่นเป็นวิธีการที่ดีที่สุดของเธอ”

“ไม่ใช่หรอกค่ะ” เธอยืนยันก่อนจะคลุมฮิญาบและเดินออกห่างไป เธอไม่มีทนาย ไม่มีอะไรนอกจากเรื่องราวสุดรันทดในชีวิตที่ต้องถูกบังคับให้แต่งงานเพื่อใช้หนี้ แต่กลับโดนทำร้ายร่างกายและกดขี่ข่มเหงอยู่ในบ้านเท่านั้น

ฉันยังคงยืนยันกับเธอว่าวิธีที่ดีที่สุดคือ จงหนีไปเมื่อได้โอกาสหนี

แต่เธอยังคงกลับบ้านหลังนั้นและให้เขาทรมานเหมือนเช่นที่เป็นมา ยิ่งถ้าเขารู้ว่าเธอเตรียมฟ้องหย่า ฉันนึกไม่ออกเลยว่าถ้าเธอไม่หนี เธอจะทำอย่างไร



“แต่หนูไม่หนี” เธอยืนยันคำเดิม “และหนูจะยังฟ้องต่อไป แม้จะไม่มีทนาย แม้จะไม่มีใครสนับสนุนการสู้ แม้ใครจะพูดว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการหนี แต่หนูจะไม่ทำ”

เธอคลุมฮิญาบไปตามถนนหนทางเมืองเยเมน ปลอมตัวออกไปเพื่อไม่ให้ทางบ้านสามีจับได้ว่าเธอกำลังทำเรื่องฟ้องร้อง กระทั่งเธอมั่นใจว่าทันจะสำเร็จ

อย่างที่เธอบอกเธอจะไม่หนีและเธอก็ไม่หนี เธอได้อยู่ต่อหน้าครอบครัวของเขาบนศาลได้สำเร็จ

ส่วนอย่างที่ใครๆ บอกเธอไม่มีทางชนะคดีนี้นั้น….



“ทำไมเธอถึงไม่หนี” ฉันถามเธอก่อนที่เธอจะยืนอยู่ในศาลและเธอตอบว่า

“ถ้าหนูหนี จะต้องมีผู้หญิงอีกที่คนในเยเมนที่ต้องหนี จะต้องมีภรรยาในกฏหมายสักกี่คนที่ต้องโดนทำร้ายร่างกายโดยทำอะไรไม่ได้ จะต้องมีสักกี่คนที่หนีไม่ได้และทรมานไปจนวันตาย … หนูไม่ได้ต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของตัวเอง แต่หนูจะต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของผู้หญิงเยเมน”



สุดท้ายคำปรามาสที่ใครๆ ก็ว่าว่าเธอไม่มีทางชนะก็พ่ายแพ้ความมุ่งมั่นของผู้หญิงคนนี้

เธอชนะคดี

เธอทำให้สิทธิสตรีในเยเมนเด่นชัดขึ้น

เธอทำให้เยเมนเปล่งแสงสีทองขึ้นระเรื่อ

เย็นวันชนะคดีฉันถามเธอว่า

“ชนะคดีแล้ว ไม่ต้องกลับไปบ้านหลังนั้นแล้ว เธอจะทำอะไรต่อ”

“หนูจะกลับไปเรียนป.สามค่ะ”

จริงๆ แล้วเธอยังเป็นเด็กตัวนิดเดียวเท่านั้น





แรงบันดาลใจจาก นูจู๊ด โมฮัมหมัด นัสเซอร์

เด็กหญิงผู้ถูกบังคับให้แต่งงานตั้งแต่อายุแปดขวบ

และต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีในเยเมนอย่างไม่ย่อท้อ

(เครดิตจากเว็บ http://blogstorydd.com/)

7 Apr 2012  |  Post by : wondermeaw

Comment


>

Pooyingnaka Wellness

Webboard
โพสต์โดย: aminoTK 8
โพสต์โดย: oo 25
โพสต์โดย: iVenuz 1
โพสต์โดย: rainnyjang 3
โพสต์โดย: jirative 6
โพสต์โดย: CD 2
โพสต์โดย: overlove 6
โพสต์โดย: Cream 14

Interest Product