Talk About Women

คุณเคยรู้สึกว่าตัวเอง..งี่เง่า บ้างไหม?
“รัก” คือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน....เคยมีคนกล่าวไว้เช่นนั้น
ผมจำได้ถึงวันที่ผมโดนหักอก เธอมาบอกให้ตัดใจ “เจ็บ”
คือคำที่ผมรู้จักในวันนั้น....
“รัก”คือคำที่เหนือความสามารถในความเข้าใจของผมในตอนนั้น
ทันทีที่ตั้งสติได้
ผมคว้ากุญแจรถบีเอ็มดับบริวซีรี่ส์ห้าคันโก้ที่พ่อทิ้งไว้
ขับออกไปตามท้องถนนของกรุงเทพฯที่สุดแสนจะแออัดยามบ่าย
.....แต่มันก็ไม่อาจสู้กับความวุ่นวายในใจตอนนี้ ทั้งความวุ่นวาย
ความเจ็บปวด ผสมกันอยู่ในใจในสัดส่วนที่ไม่อาจบอกออกมาเป็นตัวเลขได้
“เจ็บมั้ย” ใช่ เจ็บมาก
“เหนื่อยมั้ย” ใช่ เหนื่อยสุดๆ
“ทรมานมั้ย” ใช่ ทรมานสุดแสนจะทน
มันคือหวังและฝันที่พังทลายพร้อมๆกัน
.....สายตาเหม่อลอยไร้จุดหมาย
ความรักของเราเป็นอันอวสานแล้ว
รถยนต์เคลื่อนตัวช้าๆไปตามถนน....แต่ใจผมยังคงสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว
“ความเงียบ”เท่านั้นที่ผมต้องการขณะนี้
“ขอโทษครับ”
ผมสะดุ้งเฮือกทันทีที่เห็นยามหน้าโรงพยาบาลยืนในท่าทำความเคารพ
นี่ผมเหม่อลอยมาถึงที่นี่เลยหรือนี่??
“ผมมาติดต่อธุระให้พ่อครับ” ผมตัดบททันทีที่กระจกไฟฟ้าเลื่อนลง
“เชิญครับ” ยามยิ้มพลางยกแผ่นกั้นขึ้น


ยามคงสังเกตเห็นสติกเกอร์วีไอพีของโรงพยาบาลที่กระจกฝั่งซ้าย...โรงพยาบ
าลที
่พ่อถือหุ้นอยู่
ถึงจะมีไม่มากนักแต่ก็มีมากพอ ทำให้คนที่ทำงานหลายๆคนรู้จักพ่อผม
“คุณหนูมาทำอะไรค่ะ” พยาบาลที่แผนกต้อนรับทำหน้างงทันทีที่เห็น
ผมเพียงยิ้ม....พยักหน้าเพียงเพื่อแสดงการทักทายโดยปราศจากคำพูด
แววตาไร้ความรู้สึก แล้วเดินตรงเข้าไปเรื่อยๆ...เรื่อยๆ
“ห้องจ่ายยา” นี่สินะ
ที่ที่ผมคิดว่ามันเงียบพอที่จะทำให้ผมคิดอะไรต่อมิอะไรได้
“ขอโทษค่ะ คุณหนู คุณหนูมาผิดห้องค่ะ
ห้องรับรองแขกวีไอพีอยู่อีกฝั่งนะค่ะ”


พยาบาลชุดขาวที่เคาเตอร์เดินมาบอกผมทันทีที่เห็นผมนั่งลงที่หน้าแผนกจ่า
ยยา
“ขอผมนั่งตรงนี้ได้ไหมครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
มองหน้าพยาบาลด้วยแววตาที่ปราศจากความรู้สึก
“ค่ะๆ คุณหนูมีอะไรก็เรียกดิฉันนะค่ะ”
พยาบาลที่แผนกรีบปลีกตัวออกห่างทันทีที่ผมยืนยันจะนั่งที่นี่
ผมนั่งไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ.....นานจนจำไม่ได้ว่ากี่นาที
กี่ชั่วโมง.....แต่มันก็นานพอที่จะทำให้ผมทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่
านมา
มีคำถามว่า “ทำไม” ผุดขึ้นเป็นล้านๆคำถามในเวลานั้น
“ทำไม”ฉันไม่ดีพอหรืออย่างไร??
“ทำไม”ฐานะฉันไม่มั่งคั่งพอหรืออย่างไร??
“ทำไม”ฉันให้ความสำคัญกับเธอไม่พอหรืออย่างไร??
“ทำไม”ฉันเอาใจเธอน้อยไปหรืออย่างไร??


“ต่อไป คุณ...... เชิญค่ะ”
เสียงพยาบาลเรียกชื่อคนไข้เพื่อรับยาดังตามลำโพง
มันดังพอที่จะทำให้คนทั้งแผนกได้ยิน
แต่คงไม่ดังพอที่จะเรียกผมกลับมาจากโลกแห่งอดีตที่ฝังใจได้
“คุณค่ะ ไม่ได้ค่ะ มันเป็นกฎของทางโรงพยาบาลเรา”
เสียงเล็กๆดังมาจากหน้าเคาเตอร์จ่ายยา....เสียงนี้สิ
ที่พอจะเรียกผมกลับมาในโลกแห่งความจริงได้
“หนู...ช่วยยายหน่อยไม่ได้หรือ??” เสียงของยายดังผ่านมาถึงหูผม
ยิ่งทำให้ผมเกิดความแปลกใจ.....เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ผมเดินไปดูใกล้ๆ
เห็นพยาบาลและยายคนนึงกำลังเถียงกันเรื่องค่ารักษาพยาบาลอยู่
อืม...แปลกดีเหมือนกัน
“นี่ หนู หลานยายป่วยจริงๆนะ ตัวร้อนจี๋เลย”
ยายแกพยายามเถียงเรื่องขอลดค่ารักษาพยาบาลกับพยาบาล
“ขอโทษครับ เกิดอะไรขึ้นครับ” ผมพูดตัดบท
ทั้งพยาบาลและคุณยายต่างหันมามองผมเป็นตาเดียวกัน
“ไม่มีอะไรค่ะ คุณหนู คือยายแกขอลดค่ารักษาพยาบาลค่ะ”
พยาบาลรีบชิงยายแกพูดก่อน
“คุณ ช่วยยายหน่อย หลานยายตัวร้อนจี๋เลย ยายก็มีเงินติดตัว
แต่ไม่มากพอจะจ่ายค่ารักษาพยาบาล นะๆๆ ถือว่าสงสารคนแก่”
ยายแกพูดพลางยกมือไหว้ผม จนผมแทบรับไหว้ไม่ทัน
“คุณยายไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับ ขอผมดูหลานยายได้ไหมครับ”
ผมพูดพลางเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของหลานยายที่ห่อด้วยผ้าบางๆ
แม้ผ้าจะบางแต่ผมก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ยายมีให้หลานแกเสมอ
“โหย ตัวร้อนจริงๆด้วย ไม่ต้องห่วงนะครับ คุณยาย
เดี๋ยวผมจะจัดการเองครับ”
พยาบาลตีหน้างงทั้งๆที่คุณยายแทบจะก้มกราบผมในทันที...
“พี่ครับ ติดที่ขั้นตอนไหนครับ”
ผมหันหลังกลับไปถามพยาบาลที่เคาเตอร์
“จ่ายค่ารักษาพยาบาลค่ะ – ตามกฎของทางโรงพยาบาล...”
พยาบาลพูดเป็นบทเหมือนนกแก้วนกขุนทอง
“เท่าไหร่ครับ” ผมตัดบทด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“หกร้อยสี่สิบค่ะ” พยาบาลพูดพลางยื่นใบเสร็จของยายให้กับมือผม
ผมจ่ายเงินออกไปอย่างไม่ลังเล พยาบาลรับพลางนับ
ผมยื่นใบเสร็จให้ยายพลางชี้บอกให้ยายไปรับยา
ยายก้มลงแทบกราบผม...โชคดีที่ผมพยุงยายแกไว้ทัน
“ขอบคุณพ่อหนุ่มมากเลย ยายจะไม่ลืมบุญคุณพ่อหนุ่มเลย
ขอให้พ่อหนุ่มเจอแต่คนดีๆ คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนา
ยายคงทำอะไรให้พ่อหนุ่มไม่ได้มากไปกว่านี้หรอก” ยายแกพูดเสียงแหบๆ
ยิ้มทั้งน้ำตา ยายแกคงรักหลานแกมาก
“เรื่องแค่นี้เองครับ ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณยายมากนะครับ
สำหรับคำอวยพร”
ผมยิ้มให้กับยายพลางพายายไปส่งที่หน้าเคาเตอร์รับยา รอแกรับยาเสร็จ
ทีแรกผมจะให้คนขับรถของโรงพยาบาลขับรถไปส่ง
แต่แกยืนยันจะกลับด้วยรถเมล์
ผมเดินไปส่งแกขึ้นรถเมล์
แล้วผมก็กลับมานั่งทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น.....

ตอนนี้ผมรู้สึกทุเรศตัวเองมาก...

ทำไมเวลาผมไปซื้อของให้แฟนที่สยาม
รู้สึกว่าเงินเป็นพันสามารถซื้อของได้ไม่กี่อย่าง
ทั้งๆที่บางครั้งเงินเพียงไม่กี่ร้อยสามารถช่วยชีวิตคนได้ทั้งชีวิต
ทำไมผมขับรถราคานับล้าน โดยไม่มีคนนั่งคุยข้างๆ
ทั้งๆที่บางครั้งผมจ่ายเงินไม่ถึงยี่สิบบาท ผมกลับมีเพื่อนคุยไปตลอดทาง
ทำไมผมถึงนั่งทานข้าวหนึ่งมื้อราคาเป็นร้อยเป็นพัน
ทั้งๆที่บางครั้งในจำนวนเงินที่เท่ากัน
ผมอาจหาเพื่อนนั่งทานด้วยกันได้เป็นสิบๆคนก็ได้
ทำไมผมมองข้ามคนที่รักผมที่สุด
ทั้งๆที่พ่อแม่แสดงความรักให้ผมเห็นทุกวัน...
ทำไมผมต้องเพียรพยายามบอกรักเธอ
ทั้งๆที่ผมไม่เคยคิดจะพูดกับพ่อและแม่ผมเลย
ทำไมผมต้องฝากความหวังทั้งชีวิตกับผู้หญิงคนนึง
ทั้งๆที่อนาคตของผม
ผมต่างหากที่เป็นผู้กำหนด
ทำไมผมต้องทำตัวให้เป็นหนุ่ม Perfect ในสายตาเธอ
ทั้งๆที่ผมไม่เคยทำตัว
Perfect ในสายตาพ่อแม่ผมเลย
ทำไมผมถึงคิดว่าผมเกิดมาเพียงเพื่อคนคนเดียว
ทั้งๆที่ผมสามารถทำหลายๆอย่างเพื่อคนอื่นๆได้เช่นกัน
ทำไมผมต้องใส่ใจกับผู้หญิงคนเดียวแทบเป็นแทบตาย
ทั้งๆที่ผมไม่เคยใส่ใจในการช่วยเหลือพ่อแม่เลย
ทำไมผมถึงงี่เง่าอย่างนี้ ไม่เข้าใจจริงๆ.....แล้วคุณล่ะ
เคยรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าเหมือนผมมั้ย??


14 Mar 2005  |  Post by : Momay
Comment 1
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ อะไรๆ มันอาจจะดีขึ้นถ้าทุกๆคนคิดได้อย่างคุณ ขอบคุณมาก

29 Mar 2005  |  Comment by : -PJ-

Comment


>

Pooyingnaka Quiz

Webboard
โพสต์โดย: shunonly 3
โพสต์โดย: NongLukBua 4
โพสต์โดย: PrayTa 1
โพสต์โดย: หมูน้อย 5
โพสต์โดย: overlove 9
โพสต์โดย: คนใม่มีใคร 4
โพสต์โดย: jeedzi 0
โพสต์โดย: 8believe 0

Interest Product