Talk About Women

เมื่อลูกชายกลายเป็นหนุ่มน้อย (เมื่อคุณแม่ต้องเข้าไปยุ่งเรื่องของผู้ชาย)
อยากเล่าสู่กันฟังค่ะ  เลี้ยงลูกมา 13 ปีในที่สุดก็ถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวที่ใครก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นช่วงที่น่าปวดหัวที่สุดของคนเป็นพ่อแม่  แต่ก็เหอะ  ยังไงแม่ลูกคู่นี้ก็ต้องประคับประคองกันไปให้ได้เผลอหน่อยเดียวจากเด็กน้อยก็กลายมาเป็นวัยแตกเนื้อหนุ่มซะแล้ว   แต่ที่อยากเล่าอันนี้เป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่นชายที่เริ่มสนใจเรื่องทางเพศค่ะ  อาจจะโป๊บ้างแต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณแม่ที่ไม่ค่อยได้เตรียวตัวเรื่องนี้กันเท่าไหร่เราก็เพิ่งมาเรียนรู้จากต้องดูแลลูกคนนี้นี่แหละ  หรือเผื่อท่านอื่นจะแชร์ประสบการณ์บ้างลืมบอกไปว่าเราอยู่ระหว่างการเป็นซิงเกิลมันชั่วคราาว   เพราะคุณสามีติดสัญญาจ้างทำงานบริษัทเมืองนอกพอดีค่ะ  กลายเป็นเราต้องดูแลลูกช่วงนี้คนเดียว  ยุ่งยากน่าดูลูกชายอายุ 13 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ม.2 ณ ขณะนี้ที่ผ่านมาเราก็พยายามทำตามคำแนะนำเรื่องการดูแลลูกวัยรุ่นนะคะตั้งแต่เค้าอายุได้ 11 มั้ง  ด้านร่างกาย  ด้านพฤติกรรม  เรื่องเพื่อน  แต่ก็มีเรื่องซ่อนเร้นบางเรื่องของเด็กผู้ชายนี่แหละที่เราไม่ได้เตรียมการณ์มาก่อนหน้า   คิดว่าแม่หลายๆคนก็น่าจะเหมือนกัน  ก็เป็นผู้หญิงนี่นะเริ่มตั้งแต่ปิดเทอม ม.1 มั้งที่คุณแม่บังเอิญเห็นลูกชายกำลังจดจ่ออยู่หน้าคอมกับบางสิ่งบางอย่าง   ย่องเข้าไปดูใกล้ๆเอ๊ะผู้หญิงโป๊นี่นาตกใจแทบแย่ถึงเวลานั้นแล้วหรือนี่  แต่ก็กลั้นใจแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น   เรียกลูกชายตัวดีอ้าวเดี๋ยวไปข้างนอกกัน  ก็ยอมปิดคอมแต่โดยดีนี่แสดงว่าเค้าคงเริ่มสนใจเริ่มมีอารมณ์เพศแล้ว  เรื่องภาพโป๊หรือคลิปอะไรเนี่ยก็เข้าใจว่าผู้ชายเขาสนใจกันทุกคน   ก็เลยว่าจะปล่อยๆบ้าง  แต่ก็พยายามจำกัดไม่ให้เขาหมกมุ่นเกินไปนะคะ  เช่นเราจำกัดเวลาใช้คอมเป็นช่วงๆ   หลังสี่ทุ่มถ้าไม่ทำการบ้าน  อ่านหนังสือ  ก็ต้องเข้านอนหลังจากนั้นไม่นานก็ได้เจอหลักฐานอีกอย่างๆของหนุ่มน้อยจริงๆ   ตอนเราเห็นกางเกงชั้นในของเค้าที่เคยสั่งให้ซักเองก็สุมไว้ซักนานๆทีเลยกะจะช่วยเอามาลงเครื่องซักผ้าให้   ปรากฎว่าเริ่มมีคราบแข็งๆบางอย่างอยู่ตรงขอบกางเกง   ดูอีกครั้งไม่ผิดแน่เป็นน้ำของผู้ชายนั่นเองคงเริ่มมีการหลั่งหรือฝันเปียกแล้ว    ทีนี้ล่ะคุณแม่งงเต๊กทันทีเราต้องทำยังไงเนี่ย   ลูกชายโตเป็นหนุ่มเริ่มมีพัฒนาการเรื่องเพศแล้วเราเองก็สอนไม่ถูก  จะให้แม่เข้าไปสอนเองก็ใช่ที่   น่าอายแย่แต่ยังไงคุณหมอก็แนะนำว่าเพศศึกษาเป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรใส่ใจกับลูก    เราก็ว่ามันจำเป็นก็เลยโทรบอกสามีให้ช่วยจัดการเรื่องนี้หน่อยเราก็ไปร้านหนังสือหาหนังสือเพศศึกษาสำหรับวัยรุ่นมาตั้งไว้  ไม่ได้บอกตรงๆให้ลูกชายอ่านนะคะ  แค่เอาไปตั้งไว้บนโต๊ะที่คิดว่าเขาจะสนใจหยิบอ่านเองได้สะดวก   แต่ปรากฎสามีก็บอกว่าไม่สะดวกจะสอนเองเลยโทรไปบอกหลานชายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเจ้าตัวดีของเราโตมากกว่าลูกชายหน่อยเพิ่งสอบแพทย์ได้   มาช่วยพูดเรื่องของวัยรุ่นให้ลูกชายเราฟัง   ดีเหมือนกันอาจจะคุยกันรู้เรื่องกว่าผู้ใหญ่พอหลานชายมาเยี่ยมที่บ้านก็เลยเห็นไปคุยกันเงียบๆสองคน   ส่วนเราก็อยากรู้ว่าเขาจะสอนอะไรกันเลยแอบเงี่ยหูฟังใกล้ห้องข้างๆขออนุญาตแล้วกันก็เราเป็นแม่   เห็นส่วนใหญ่ตอนแรกที่คุยกันเรื่องเกมส์ เรื่องอื่นๆ  ซักพักหลายชายก็พาหนุ่มน้อยเข้าเรื่อง"อยู่ ม.2 แล้วเนี่ย  เคยชักว่าวบ้างแล้วยัง"  เจ้าลูกชายตัวดีโดนยิงเรื่องนี้เป็นคำถามแรกเลย   มันก็หมายถึงเรื่องมาสเตอร์เบชั่นหรือการช่วยตัวเองของผู้ชายนั่นแหละค่ะ    เห็นเจ้าตัวอึ้งอยู่พักนึงคงจะอาย  แต่ท้ายสุดก็ยอมรับ "มันก็ธรรมดาอะพี่"ทีนี้ก็มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องนี้กันยกใหญ่   ลูกชายก็เริ่มถามบ้าง "เวลาชักว่าวบ่อยๆ สิวจะขึ้นจริงหรือเปล่าครับ""มันแล้วแต่คนด้วยนะ  เหมือนพี่แรกๆก็ทำบ่อยแต่สิวไม่ขึ้น   มันไปขึ้นช่วงไม่ได้ทำเพราะอ่านหนังสือสอบอะดิ" พี่ชายอธิบาย"ยังไงก็เว้นบ้างอย่าชักบ่อย แล้วล้างหน้าให้สะอาดแล้วกัน""แล้วมีฝันเปียกบ้างเปล่า" พี่ชายถามต่อ "ไม่เคยอะพี่  ตอนมีน้ำออกมาครั้งแรกก็ว่าวเองแล้ว"  เราถึงได้รู้นะเองว่าคราบอสุจิที่เจอก่อนหน้านี้ไม่ได้มาจากการฝันเปียกอันที่จริงหนังสือเพศศึกษาก็ชอบอธิบายเรื่องนี้ไม่ค่อยถูก   เพราะผู้ชายสมัยนี้ส่วนใหญ่จะไม่ฝันเปียกกันแล้ว  อันเนื่องจากเรียนรู้เรื่องเพศจากสื่อต่างๆรวดเร็วมาก  เด็กผู้ชายจึงค้นพบการระบายอารมณ์ทางเพศด้วยตนเองเร็วกว่าแต่ก่อน"ของผมนอนคว่ำอะ  แล้วมันก็แตกออกมาเลอะกางเกงในเลย" เจ้าตัวดีเล่าอย่างสนุก   ที่แท้ช่วยตัวเองแล้วสุมๆไว้ไม่ยอมใช้ทิชชู่ เราแอบฟังไปก็เขินไป   เรื่องของผู้ชายนี่ก็ซับซ้อนเหมือนกัน   ถ้าเป็นลูกสาววัยนี้ก็คงต้องสอนเรื่องใช้ผ้าอนามัยแต่พอเป็นลูกชายก็ยังต้องสอนให้ใช้ทิชชู่   แถมปล่อยได้ทุกวี่ทุกวันต่างกับผู้หญิงที่มีแค่เดือนละครั้ง   หลังจากนั้นเราเลยเอาทิชชู่กองใหญ่ไปตั้งไว้ในห้องนอนเลยค่ะ  ให้เขาคิดเอาเอง   คิดว่าพวกคราบต่างๆที่หมักหมมน่าจะน้อยลงหลังจากหลานชายคุยกันเสร็จเรียบร้อย   ลูกชายเห็นแม่ก็ทำหน้าทะเล้นใส่เราเลยแกล้งถามว่าคุยอะไรกับพี่ชายบ้าง   "แม่อย่ารู้เลย  ผู้ชายเค้าคุยกัน" ตอบแบบนี้มาตามฟอร์มเลยอันนี้คงเป็นแค่จุดเริ่มต้น   อีกหน่อยคงมีเรื่องหนีเที่ยว  เรื่องเพื่อนผู้หญิงตามมาอีกแน่นอน คงต้องสอนเรื่องการคุมกำเนิด  การป้องกันโรค กันอีกยาวหลังจากนั้นซักสองสามเดือนหลานชายก็ขับรถมาเยี่ยมอีกครั้ง   คราวนี้เอาของฝากมาให้ลูกชายเราด้วยเป็นนวมชกมวยสองคู่  กับกระสอบทราย  เอาไว้ให้ออกกำลังเผื่อระบายอารมณ์   ดีเหมือนกัน   ดีกว่าเอาเวลาไปหมกมุ่นล็อคห้องอยู่คนเดียว(กับเล่นกีฬาที่สนามหลวง)พร้อมด้วยของอีกอย่าง  ก็คือถุงยางอนามัยค่ะ  ให้ลูกชายเตรียมไว้ล่วงหน้าค่ะเล่าไปเขินไป   แต่ก็คิดว่าเผื่อจะเป็นไอเดียให้กับคุณแม่ที่มีลูกกำลังเป็นหนุ่มด้วยนะคะ

7 Jul 2013  |  Post by : pailin_s

Comment


>

Pooyingnaka Wellness

Webboard
โพสต์โดย: โพสเว็บ 5
โพสต์โดย: Princessangel 93
โพสต์โดย: P.Teddy 4
โพสต์โดย: jaidee 0
โพสต์โดย: 7-11 1
โพสต์โดย: katepordee 0
โพสต์โดย: Iamtor 11
โพสต์โดย: MisssiM 1

Interest Product