Talk About Women

รอยแดงและรอยดำจากสิว
สิวเป็นปัญหาผิวหนังที่พบบ่อยที่สุดในวัยรุ่นจนถึงวัยเริ่มต้นทำงาน ปัญหาของคนที่เป็นสิวเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ขณะที่ตัวโรคสิวยังดำเนินอยู่โดยเห็นเป็น ตุ่มสิวหัวขาว สิวหัวดำ ตุ่มแดง ตุ่มหนอง และตุ่มแข็งเป็นไต เมื่อสิวหายหมดแล้วก็ยังอาจทิ้งปัญหารอยแดง รอยดำ และรอยแผลเป็นเอาไว้ การดูแลและรักษาอย่าถูกวิธีตั้งแต่เริ่มเป็นสิวจะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นและสามารถลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดร่องรอยซึ่งเป็นผลพวงจากสิวได้ผิวแพ้ง่าย (http://www.larocheposay-th.com/products/ดูแลผิวบอบบางแพ้ง่าย) สาเหตุของการเกิดรอยแดงและรอยดำจากสิว สิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆสีขาว (สิวหัวขาว) หรือตุ่มสีดำ (สิวหัวดำ) เกิดจากของการรักษาสิวอุดตัน (http://www.larocheposay-th.com/products/ดูแลผิวมันและผิวที่มีปัญหาสิว) บริเวณรูเปิดของต่อมไขมัน เมื่อการอุดตันที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการแก้ไขจะก่อให้เกิดภาวะการผวหนังอักเสบ (http://www.larocheposay-th.com/expert-talk/รู้จักมลภาวะตัวร้าย-ที่คอยทำร้ายลายผิว-พร้อมเคล็ดลับปกป้องผิวจากลาโรช-โพเซย์ )และการติดเชื้อแบคทีเรียตามมา จนสิวกลายเป็นตุ่มแดง (สิวอักเสบ) และตุ่มหนอง หากการอักเสบลุกลามมากขึ้น สิวจะกลายเป็นไตแข็งบวม แดงและกดเจ็บ หรือเรียกอีกอย่างว่า “ซีสต์” หรือสิวหัวช้าง รอยแดงที่เกิดขึ้นขณะเป็นสิว เกิดจากการขยายตัวของหลอดเลือดบริเวณที่เกิดการอักเสบ ภาวะการอักเสบของสิวหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีอาจทำให้ผิวหนังบริเวณดังกล่าวกลายเป็นรอยแดงอยู่นานหรืออาจเป็นรอยแดงที่ถาวรได้ตำแหน่งที่สิวที่มีการอักเสบรุนแรงมักกลายเป็นแผลหลุมตามมา นอกจากนี้ภาวะการอักเสบของตุ่มสิวยังอาจก่อให้เกิดปัญหารอยดำหรือรอยคล้ำหลังจากที่รอยแดงจางหายไปแล้ว รอยดำพวกนี้เกิดการที่เซลล์สร้างเม็ดสี (melanocyte) ถูกกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้นหรือถูกกระตุ้นให้ผลิตเม็ดสีมากขึ้น การป้องกันการเกิดรอยแดงและรอยดำจากสิว หัวใจของการป้องกันการเกิดรอยแดงและรอยดำจากสิวคือการลดหรือป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบของสิว เมื่อมีสิวที่เป็นตุ่มแดง ตุ่มหนอง หรือเป็นไตแข็งกดเจ็บ ควรรีบรักษาโดยเร็ว ควรหลีกเลี่ยงการบีบ เค้น และแกะสิว เพราะการกระทำเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้รอยแดงหรือรอยดำที่เป็นอยู่มีสีเข้มขึ้นหรือเป็นอยู่ในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น วิธีรักษาสิวอุดตันที่ทำโดยการกดสิวอุดตันควรทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญ เพราะหากทำที่ไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดรอยแดง รอยดำ และแผลหลุมตามมา วิธีรักษารอยแดงและรอยดำจากสิว การรักษารอยแดงและรอยดำจากสิว ส่วนมากใช้เวลาเป็นเดือน ต้องใจเย็นและควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด การรักษาที่ได้ผลเร็วและปลอดภัยควรอยู่ภายใต้การดูแลและแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง รอยแดง รอยแดงในขณะที่เป็นสิวอยู่ ควรรักษาโดยใช้ยาทาหรือเวชภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์ลดการอักเสบของสิว สิวที่เป็นไตแข็ง บวมแดง และกดเจ็บ (สิวหัวช้าง) ควรรักษาด้วยการรับประทานยา ทายา ร่วมกับการฉีดยาสตีรอยด์เข้าเฉพาะจุด รอยแดงที่คงอยู่เมื่อสิวหายแล้ว การรักษาการรักษาด้วยการทายามักไม่ค่อยได้ผล โดยปกติจะรักษาด้วยเลเซอร์ลดความแดง เช่น เลเซอร์เพาซ์ดายด์ (pulsed dye) รอยดำ การรักษาและลดการอักเสบของสิวที่ทันท่วงทีจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดรอยดำจากสิวได้ การรักษารอยดำมักใช้ยาทาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสี เช่น ยาที่มีส่วนประกอบของสารไฮโดรควิโนน อาบูติน หรือกรดโคจิก หรือยาทาที่ออกฤทธิ์ในการเร่งการผลัดตัวของเซลล์ผิว เช่น ยาที่มีส่วนประกอบของกรดอัลฟ่าไฮดร๊อกซี่อ่อนๆ หรือกรดวิตะมินเอ การหลีกเลี่ยงแสงแดดและการทาครีมกันแดด ซึ่งต้องเป็น ครีมสำหรับผิวแพ้ง่าย (hypoallergenic) และชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดสิว (non-comedogenic) อาจช่วยให้รอยดำจางลงเร็วขึ้น คำแนะนำสำหรับผู้ที่เป็นรอยแดงรอยดำจากสิว การักษารอยแดงและรอยดำจากสิวควรเริ่มต้นไปพร้อมๆกับการรักษาสิว ตราบใดที่สิวยังไม่หาย และยังมีสิวใหม่ขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจะมีรอยสิว

25 Jan 2017  |  Post by : Been

Comment



Pooyingnaka Wellness

Webboard
โพสต์โดย: PangRum 1
โพสต์โดย: JPaniiz 1
โพสต์โดย: Mint 3
โพสต์โดย: maxima consultants 0
โพสต์โดย: thememory 16
โพสต์โดย: Momay 0
โพสต์โดย: Adios 9
โพสต์โดย: love you 11

Interest Product