Talk About Women

จำเป็นหรือไม่?
หลังจากแปรงฟันแล้ว ต้องใช้น้ำยาบ้วนปากตามหลังด้วย

7 Apr 2006  |  Post by : nong-noi
Comment 5
ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องใช้คับ

เพราะ

น้ำยาบ้วนปาก
ทำลายแบททีเรียตามธรรมชาติในปาก
ทำให้สมดุลในปากเสียไป
ติดเชื้อง่ายขึ้น มีปัญหาเยอะขึ้น

พวกบริษัทมันได้แต่โฆษณาแง่ดีคับ
ไม่ได้บอกข้อเสียบ้าง

ใช้แค่จำเป็นคับ

7 Apr 2006  |  Comment by : smallrock
Comment 4
นั่นดิ มันยาวไปป่ะ แล้วก็ขอบคุณน้อง Patt ที่สรุปให้

7 Apr 2006  |  Comment by : StrawberryPinky
Comment 3
ขอบคุณนะคะ พี่สตรอเบอรี่พิ้งค์กี้ ที่ช่วยเพิ่มพูนความรู้ ตอบได้ละเอียดดีจัง อ่านเหนื่อยเลยค่ะ

7 Apr 2006  |  Comment by : nong-noi
Comment 2
สรุปก็คือไม่ว่าจะก่อนหรือหลังแปรงฟันก็ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาบ้วนปากครับ

7 Apr 2006  |  Comment by : PattNarak
Comment 1
หาข้อมูลให้อ่านละกันนะคะ เพราะเจ๊ก็ไม่แน่ใจ อิอิ ดีๆ ถามกันเข้ามาเยอะๆ คำถามแบบนี้ชอบ อิอิ

การบ้วนปากเป็นวิธีที่จะช่วยขจัดเศษอาหารที่ตกค้างอยู่

การแปรงฟันหลังรับประทานอาหารเป็นสิ่งที่ควรกระทำ แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะไม่ค่อยสะดวกด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น ความเร่งรีบ ไม่มีเวลาทำ สถานที่ไม่อำนวย หรือไม่เหมาะที่จะแปรงฟัน อย่างเช่นเวลาที่เราออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ดังนั้นทันตแพทย์ส่วนใหญ่ก็เลยแนะนำให้แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง คือ ก่อนนอน เพื่อขจัดเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ที่สะสมมาทั้งวัน และในตอนเช้าหลังตื่นนอน เพื่อให้เกิดความสดชื่น เนื่องจากเวลาที่นอนหลับน้ำลายของเราจะไม่ค่อยเคลื่อนไหล เชื้อแบคทีเรียจะมีโอกาสทำให้เกิดกลิ่นปากได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าจะให้ดีหลังจากรับประทานอาหาร เราจึงควรบ้วนปากทุกครั้ง เพื่อกำจัดเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ เป็นการป้องกันกลิ่นปากที่เกิดจากอาหารที่รับประทานเข้าไป ที่อาจจะตกค้างติดอยู่ตามซอกฟันของเรา

คำว่า " บ้วนปาก " ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ให้ความหมาย เอาไว้ว่า เป็นคำกริยา แปลว่า ล้างปากด้วยอาการที่อมน้ำแล้วบ้วนออกมา ดังนั้นเวลาที่เรา อมน้ำเข้าไป ก็ไม่ต้องผมเข้าไปมากจนเต็มปาก เพื่อให้มีที่ว่างพอที่จะให้น้ำแทรกเข้าไป ทำความสะอาดในซอกฟันและกระพุ้งแก้มได้อย่างทั่วถึง

วิธีที่จะบ้วนปากให้ได้ผลดี จะทำได้โดยการดันกระพุ้งแก้มให้น้ำเคลื่อนไปด้านซ้ายและขวา หน้าและหลัง บ้วนปากเช่นนี้ซ้ำ 2-3 ครั้ง จะรู้สึกว่าช่องปากสะอาดขึ้นมากทีเดียว

น้ำยาบ้วนปากมีหลายชนิด ต้องเลือกใช้ให้ถูกต้อง

การบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดจะช่วยขจัดเศษอาหารหลังจากรับประทานอาหารได้ดี บางคนก็นิยมใช้น้ำยาบ้วนปาก เพื่อระงับกลิ่น ทำให้เกิดความมั่นใจในการพูดคุย กับผู้อื่นมากขึ้น

ปัจจุบันมีน้ำยาบ้วนปากขายอยู่หลายชนิด เราจำเป็นต้องเลือกให้ถูกต้องและเหมาะสม โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ไม่เกินอันตรายต่อช่องปากและฟัน น้ำยาควรจะมีกลิ่น สี และรสดี ราคาพอประมาณและถูกกับวัตถุประสงค์ของผู้ใช้เพื่อให้ได้ประโยชน์ตามที่ต้องการ

น้ำยาบ้วนปากช่วยให้ลมปากสดชื่น

ในน้ำยาบ้วนปากจะมีส่วนผสมสำคัญ คือ ยาฆ่าเชื้อโรคและสารที่ทำให้มีกลิ่นหอม ช่วยให้ลมปากหอม สะอาด รู้สึกสดชื่น แต่ผลจะคงอยู่ระยะสั้น ชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากเชื้อในช่องปากมีอยู่มากมายหลายชนิด และยาฆ่าเชื้อที่ใส่ลงไปมีฤทธิ์ ในการทำลายเชื้ออย่างอ่อนๆ เท่านั้น หากเราใช้น้ำยาบ้วนปากที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่เข้มข้นเกินไป อาจจะทำให้สมดุลของเชื้อในช่องปากเสียไป เชื้อราจะเจริญขึ้น เกิดเชื้อราบนลิ้น เพดานปาก หรือกระพุ้งแก้มได้

นอกจากนี้น้ำยาอมบ้วนปากส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่ด้วย ซึ่งพบว่าการใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นสูงติดต่อกัน เป็นระยะเวลานาน 10-20 ปี ขึ้นไป อาจทำให้มีโอกาสเกิดความผิดปกติของเนื้อเยื่อ ในช่องปากได้ ดังนั้นจึงควรใช้ตามความจำเป็น ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ

น้ำยาอมบ้วนปากที่ผสมสารฟลูออไรด์ช่วยป้องกันการเกิดฟันผุได้

ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับว่า ฟลูออไรด์มีส่วนช่วยในการป้องกันฟันผุ จึงมีการนำมาใช้ในหลายรูปแบบ เช่น ผสมในยาสีฟัน เป็นยาเม็ดสำหรับรับประทาน ทำน้ำยาใช้สำหรับเคลือบฟันหรือขัดฟัน และผสมในน้ำยาใช้อมบ้วนปาก

โดยปกติเราจะได้รับสารฟลูออไรด์จาก อาหาร ผัก ผลไม้บางชนิดและในน้ำดื่ม ตามธรรมชาติหรือน้ำประปา ในน้ำธรรมชาติของบางจังหวัดจะมีปริมาณฟลูออไรด์มากกว่าที่อื่น เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ชัยภูมิ และยังพบสารฟลูออไรด์ได้ในผักเขียวบางชนิด เช่น ใบชา ใบเมี่ยง ฉะนั้นการใช้ฟลูออไรด์จะต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วย เพราะหากได้รับฟลูออไรด์ มากเกินไป ก็จะเกิดอันตรายได้ เช่น ถ้าเกิดอย่างเฉียบพลันจะทำให้เกิดการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว หรือเป็นพิษถึงแก่ชีวิตได้ แต่ถ้าได้รับมากเกินไป โดยค่อยๆ สะสมเป็นเวลานาน จะทำให้ฟันตกกระ หรือมีความผิดปกติในการสร้างกระดูกได้ ฉะนั้นจึงควรใช้โดยมีทันตแพทย์ เป็นผู้แนะนำ โดยเฉพาะการรับประทานฟลูออไรด์ในรูปยาเม็ด

ส่วนการใช้ฟลูออไรด์ทาเฉพาะที่ จะให้ผลดีต้องทำโดยสม่ำเสมอ เพื่อให้ฟลูออไรด์ เข้าไปพอกที่ผิวฟันได้ และมักจะได้ผลดีในฟันที่งอกขึ้นมาในช่องปากใหม่ๆ ที่เคลือบฟัน ยังไม่แข็งแรง ส่วนการใช้น้ำยาอมบ้วนปากที่ผสมสารฟลูออไรด์ หลังการแปรงฟันทุกวัน โดยอมกลั้วปากนาน 2-3 นาที มีรายงานว่า สามารถลดการเกิดฟันผุได้

การใช้ฟลูออไรด์ที่ได้ผลดี ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพที่สุด เห็นจะเป็นการใช้ในรูปยาสีฟัน เพราะเราใช้เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว



การลดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก ด้วยการใช้น้ำยาอมบ้วนปาก

ผู้ป่วยที่มีเหงือกอักเสบลุกลาม หรือผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาโรคเหงือก โดยวิธีการผ่าตัด ซึ่งเรียกว่า การทำศัลยปริทันต์ (Periodontal surgery) ทันตแพทย์จะแนะนำให้ใช้ยาบ้วนปาก ที่มียาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เพื่อให้แผลผ่าตัดหรือเหงือกอักเสบหายเร็วขึ้น เช่น นำเอาผง ยาเตตร้าซัยคลินที่มีอยู่ในแคปซูลมาผสมน้ำสะอาดประมาณ 5 cc. หรือประมาณ 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันดีแล้วใช้อมกลั้วปากและคอ นานสัก 2-3 นาที แล้วจึงบ้วนออก หรือกลืนเข้าไปเลย แต่รสยาจะขมมาก

การใช้ยาปฏิชีวนะในการฆ่าเชื้อโรคในช่องปาก ควรใช้เมื่อทันตแพทย์แนะนำเท่านั้น



ยาบ้วนปากผสมคลอเฮกซีดีน ช่วยลดการอักเสบของเหงือก

คลอเฮกซีดีนเป็นสารที่นำมาผสมเป็นน้ำยาบ้วนปาก มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดการเกิดแผลในช่องปาก และช่วยลดการเกิดฟันผุได้ มีรายงานทางทันตกรรมมากมาย สนับสนุนการใช้คลอเฮกซีดีน ในผู้เป็นโรคเหงือกอักเสบลุกลาม ซึ่งจะมีเหงือกบวมอักเสบ เป็นหนอง ฟันโยก มีกลิ่นปากรุนแรง

นอกจากนี้ยังใช้อมบ้วนปาก กลั้วคอเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอได้ด้วย แต่น้ำยาคลอเฮกซีดีน ข้อเสียคือ น้ำยาจะมีรสชมมาก และเมื่อใช้ติดต่อกันนานๆ มักจะทำให้เกิดคราบสีเหลืองปนน้ำตาลบนตัวฟัน และอาจทำให้การรับรสอาหารเสียไปด้วย



การบ้วนปากด้วยน้ำยาที่มีสารสกัดจากพืชหรือสมุนไพร

สารสกัดจากพืชหรือสมุนไพรที่ใส่ลงไปในน้ำยาบ้วนปากก็เพื่อให้มีกลิ่นหอม และรสชาติดีขึ้น เมื่ออมบ้วนปากทำให้รู้สึกสะอาด สดชื่น ช่วยระงับกลิ่นปาก หรือกลิ่นอาหารที่รับประทานได้ สารสกัดเหล่านี้จะช่วยลดการอักเสบในช่องปากได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อโรค และช่วยลดการเกิดคราบจุลินทรีย์ได้ เช่น น้ำยาอมบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ Sanguinarine เป็นต้น



การใช้น้ำยากลั้วปากก่อนแปรงฟัน

น้ำยาชนิดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คราบจุลินทรีย์อ่อนตัวและหลุดออกง่าย ใช้อมก่อนการแปรงฟัน ช่วยให้การแปรงฟันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม มีรายงานในวารสารทันตกรรม รายงานว่า การใช้ในกลุ่มทดลองไม่มีผลแตกต่าง จากผู้ที่ไม่ได้ใช้ แสดงว่า การแปรงฟันให้สะอาดโดยวิธีปกติ ก็เพียงพอ ในการกำจัดคราบอาหารและคราบจุลินทรีย์ การใช้น้ำยาอมกลั้วปากก่อนแปรงฟัน จึงไม่จำเป็น และไม่เหมาะสำหรับเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่ยังบ้วนปากไม่ได้ดีนัก



ที่สำคัญอย่าลืม อ่านฉลากข้างขวดก่อนใช้ให้ดี

เนื่องจากน้ำยาอมบ้วนปากมีอยู่หลายชนิด ฉะนั้น ก่อนใช้ควรอ่านฉลากให้ดีเสียก่อน เพื่อจะได้ปลอดภัย จากการใช้ยาผิดประเภท นอกจากนี้ยังต้องใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ อมกลั้วปากให้นานพอ มีความถี่ในการใช้สม่ำเสมอเพียงพอ จึงจะทำให้ได้ผลเต็มที่

น้ำยาอมบ้วนปากบางชนิดมีฤทธิ์เป็นกรด เมื่อใช้แล้วจะทำให้ผิวฟันกร่อน เมื่อผิวเคลือบฟันบางลงจะทำให้มีอาการเสียวฟันได้ ยาอมบ้วนปากที่ทำออกมาขาย ในลักษณะที่มีความเข้มข้นมาก ก่อนใช้ต้องผสมน้ำให้เจือจาง มิฉะนั้น อาจจะทำให้ เกิดอาการแสบร้อนได้มาก จึงควรระมัดระวังให้ใช้อย่างถูกต้อง



น้ำยาอมบ้วนปากควรใช้กับผู้ที่ไม่สามารถดูแลช่องปากตามปกติได้

น้ำยาอมบ้วนปากไม่ว่าจะใช้เพื่อป้องกันฟันผุ ลดการอักเสบของเนื้อเยื่อในช่องปาก ลดการเกิดคราบจุลินทรีย์หรือป้องกันโรคเหงือกอักเสบ สิ่งที่สำคัญคือ ควรขจัดเศษอาหาร และคราบอาหารให้หมดก่อนใช้น้ำยา เพื่อให้น้ำยาได้สัมผัสกับอวัยวะในช่องปากอย่างทั่วถึง และมีประสิทธิภาพเต็มที่

โดยปกติ ทันตแพทย์จะแนะนำให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือผู้ที่ใช้เครื่องมือจัดฟัน ใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อช่วยในการดูแลสุขภาพช่องปาก ซึ่งต้องพิจารณาตามความจำเป็น แต่ถ้าเราสามารถแปรงฟันใช้เส้นใยขัดฟันได้ดีอยู่แล้ว การใช้น้ำยาบ้วนปาก ก็ไม่มีความจำเป็น นอกเสียจากว่า มีจุดประสงค์เฉพาะ เช่น เหงือกอักเสบ มีแผลในช่องปาก หรือมีการอักเสบของแผลหลังถอนฟัน เป็นต้น

7 Apr 2006  |  Comment by : StrawberryPinky

Comment


>

Pooyingnaka Quiz

Webboard
โพสต์โดย: maprang2231 4
โพสต์โดย: lllllllllllll 74
โพสต์โดย: Satine 3
โพสต์โดย: FONkuku 0
โพสต์โดย: PR BMAC 0
โพสต์โดย: donlapak 1
โพสต์โดย: manymolly 3
โพสต์โดย: Rattiya69 1

Interest Product