Talk About Women

กรูไม่ช่ายเกย์...ติดอันดับ 2 ในพันธุ์ทิพย์ (Part23-24)
Part23
"ก่อนที่กรูมาอยู่ที่วัด ใจกรูทุรนทุราน หาที่ที่จะไป กรูอยากไปให้พ้นจากที่ที่กรูเคยอยู่ แต่กรูไม่รู้ว่าจะไปไหน กรูเลยมาที่วัด พอกรูมาถึง มันก็ดีขึ้นว่ะ กรูนั่งคิดหลายวันว่าที่ที่กรูอยู่จะสบายใจที่สุดคือที่นี่ ที่วัด เพราะฉะนั้นกรูจะบวชที่นี่.."
"แล้วหลังจากศึกหล่ะ เมิงจะทำอะไร" ผมใจหายวาบ บอกตรงๆตอนนั้นใจคิดอกุศล คือไม่อยากให้มันบวช เพราะถ้ามันบวช ความเป็นเพื่อนหรือมากกว่านั้นของเราจะต้องเปลี่ยนไปแน่นอน
"กรูยังไม่อยากคิดเรื่องสึกหรอก สึกไม่สึกมันก็มีค่าเท่ากันสำหรับกรู"
"เมิงจะไม่สึกเหรอ" ผมเริ่มลน ใจเริ่มแกว่งๆ บอกไม่ถูก ไม่อยากให้มันเปลี่ยนสถานะไป
มันไม่พูดอะไร ผมจอดรถเลยครับถนนมันแคบ ผมแมร่งไม่สนใจแล้ว ลงไปจอดเกือบตกคลอง
"กรูไม่ไปแล้ว ไอ่อ้อย กรูไม่ไปทำงานก็ได้ เมิงกลับมาเหมือนเดิมนะ" ผมหันไปเขย่าแขนมัน น้ำเสียงสั่นๆอ่ะ ยอมรับว่าตอนนั้นช๊อค เพราะตอนแรกที่เห็นพระหน้าเหมือนมันแล้วคิดว่ามันจะบวชก็ช๊อคเกือบแย่ นี่มารู้ว่ามันจะบวชเลยไปกันใหญ่
"ไอ่บร้า" มันหัวเราะ แต่เสียงสั่นๆ " เมิงไปเหอะ อนาคตเมิง เมิงมีแม่มีน้องอีกนะเว้ย กรูไม่เป็นไรจริงๆ " มันเอามือมาจับมือผมที่กุมแขนมันไว้
"แล้วทำไมเมิงต้องทำอย่างงี้ว่ะ ไอ่สาดดด กรูขอโทษก็ได้ เมิงจะปล้ำกรูก็ได้กรูยอมเมิงแล้ว ฮือๆๆ เมิงอย่าทำอย่างนั้นเลยนะกรูขอร้อง " อายจังถ้าจะบอกว่าตอนนั้นร้องไห้อีกแล้ว ความรู้สึกเหมือนตอน รร จัดงานเลี้ยงส่งตอน ป.6 หรือ ม.6 ประมาณนั้น เหมือนว่าจะไม่ได้เจอกันอีก แต่ความรู้สึกนี้มันแรงกว่า
"นะ เมิง เรากลับไปเหมือนเดิมก็ได้นะ กรูไปทำงานที่เดิมกับเมิงก็ได้นะเว้ย ฮือๆ" สะอื้นแหะๆ อายว่ะ
"ไอ่เอี๊ย ทำอย่างนั้นไม่ได้นะเว้ย แมร่ง " มันโผกอดผมแน่น ผมเลยปล่อยโฮซะเต็มที
"กรูให้เมิงบวชได้ 3เดือนเท่านั้นนะเว้ย" ผมยังคงเพ้อเจ้อ
"เฮ้ยย เมิงหยุดร้องก่อน แล้วฟังกรู"
"มันไม่ใช่อย่างที่เมิงคิด ไม่ใช่เพราะเมิงที่ทำให้กรูตัดสินใจอย่างนี้ กรูเลือกมันเอง ฟังกรูนะ ไอ่เป็ด ไอ่เอี๊ย เมิงดีใจมั๊ยตอนที่เมิงรู้ว่าได้เป็นสจ๊วต" ผมพยักหน้า ผละจากอ้อมกอดมัน ปาดน้ำตา สายตาทอดยาวออกไป แสงอาทิตย์กำลังหายไป
"มันเป็นสิ่งที่เมิงรอคอย กรูรู้ กรูก็เหมือนกัน กรูมีความสุขที่ได้ตัดสินใจไปแบบนี้ เมิงจะมาทำลายความสุขอันน้อยนิดกรูได้ลงคอเหรอ" ผมหลับตาแค้นให้น้ำตาหยดสุดท้ายออกมาให้หมด
"เมิงเชื่อกรูนะว่า ต่อให้กรูจะต้องไปอยู่ที่ไหน ไกลกว่านี้สักเท่าไหร่ กรูก็จะคิดถึงเมิง" มันเอื้อมมือจับบ่าผมบีบแน่น
"หมายความว่าไง เมิงจะไปอยู่ไหน"..........................
กรูไม่ช่ายเกย์....ตอนที่ 8 แล้วเหรอ..ทำไมมันยาวจัง.... (ต่อกระทู้ใหม่ฮับ กระทู้เก่าด๋อยไปแว้ว)
ผมเข้าใจทุกอย่างแล้วครับ ตอนนี้ มันคงมาถึงทางตันสำหรับเราทั้งคู่แล้ว คงไม่มีอะไรไปมากกว่านี้แล้ว บางที มนุษย์ก็มักไม่เลือกที่จะเดินทางที่สุขสมหวังเสมอไป ผมตัดสินใจตอนนั้นว่า ผมจะไปแน่นอน มันก็ตัดสินใจว่ามันคงจะบวชแน่นอน ผมได้ร้องไห้ไปแล้ว ความรู้สึกโล่งขึ้น ยิ่งได้ฟังที่มันพูดว่า "กรูมีความสุขที่ได้ตัดสินใจไปแบบนี้ เมิงจะมาทำลายความสุขอันน้อยนิดกรูได้ลงคอเหรอ" ผมยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่า สิ่งที่มันตัดสินใจลงไปนั้น มันคิดดีแล้ว ต่อไปมันจะเข้มแข็งขึ้น ผมคิดอีกที มันดีกว่าไม่ใช่เหรอกับการที่คนที่เรารักเลือกจะอยู่ในที่ที่เค้าคิดว่ามีความสุขโดยการตัดสินใจของเค้าเอง แทนที่เราจะผลักไสคนที่เรารักไปให้คนอื่น น้ำตาผมแห้งไปแล้วหล่ะ ผมถอยรถขึ้นมาจากขอบถนน มุ่งตรงไปยังวัดทันที ผมจอดรถไว้หน้าวัดเพราะข้างในกลับรถยาก
"กรูกลับก่อนนะ" ผมเอ่ยคำร่ำลา
"อืม"
เราทั้งคู่นั่งนิ่ง ผมไม่อยากให้มันก้าวเท้าออกไปจากรถเลย มันก็คงเช่นกัน
"กรูขอกอดเมิงอีกสักครั้งได้มั๊ย.............ครั้งสุดท้าย" มันขอ
ผมมองไม่เห็นใบหน้าของมันอีก เพราะความมืด แต่ผมก็รู้ดีว่าเราทั้งคู่ต่างรู้สึกยังไง รู้ได้ยังไงนะเหรอ ก็จากอ้อมกอดไง
มันโน้มตัวช้าๆ ลมหายใจปะทะใบหน้าผมอยุ่เบา แล้วอ้อมกอดจากมิตรภาพของมันก็สวมกอดผมไม่แน่นไม่เบา แต่รับรู้ได้ถึงความรักที่มันมีให้ ผมสนองความรักของมันด้วยกันโอบมันกลับอย่างแผ่วเบา มือของผมลูบหัวมันเบาๆ
"ผมเมิงก็สวยเหมือนกันนะ" ผมพูด...........

ผมจะไม่ปล่อยอ้อมกอดผมจากมันก่อนเป็นอันขาด ผมคิดในใจ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ผมก็จะรอจนกว่ามันจะคลายมืออก ผมถึงจะปล่อย ผมจะไม่ทิ้งมันก่อนอีกแล้ว
มันค่อยๆคลายมืออกจากผม ลมหายใจแรงกว่าครั้งไหนๆ ผมรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นตุ๊บๆของหัวใจ การกล่าวลามันลำบากอย่างงี้นี่เอง แต่อย่างน้อยกรูก็ไม่ได้จากไปโดยไม่ร่ำลา......................................
มันเปิดประตูออกไปจากรถ ผมได้เห็นหน้ามันชัดๆอีกครั้ง ก่อนที่มันจะปิดประตู
"รอกรูเดี๋ยวนะ" แล้วมันก็วิ่งหายไป
ผมว้าวุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ความขัดแย้งต่างๆกรูเข้ามาในหัว ตกลงผมอยากไปจากมันหรือปล่าว ตกลงผมควรจะดีใจหรือเสียใจ แล้วตกลงผมรักมันแบบไหนกันแน่ มันวิ่งวนเวียนสลับกันไปสลับกันมา
"ก๊อกๆๆ" มันเคาะกระจก
"อ่ะ กรูให้เมิง ต่อไปเขียนเรื่องราวของเมิงแทนกรูด้วยนะ ถึงกรูจะเขียนสู้เมิงไม่ได้ แต่กรูอยากให้เมิงเก็บไว้" ผมรับสิ่งที่มันยื่นให้ สมุดบันทึกรูปเด็กผู้ชายนั่งสูบบุหรี่ เหมือนเมิงจริงๆ
"หมดเล่มเมื่อไหร่ฝากไว้ที่แม่เมิงนะ กรูมีโอกาสจะกลับไปเอา" มันว่า
"งั้นกรูส่งอีเมล หรือไม่ก็จดหมายหาเมิงได้มั๊ย" ผมถาม
"อย่าเลย เป็ด ขอเวลาให้กรูเถอะนะ กรูพร้อมเมื่อไหร่ เมื่อนั้น เมิงจะเห็นกรูคนเดิมเอง" ผมไม่เข้ามันจริงๆ แต่ตอนนั้นผมไม่อยากจะเซ้าซี้อะไรอีกแล้ว
"โชคดีนะ.......ที่รัก" มันอมยิ้ม ผมจะจำรอยยิ้มครั้งนี้ไปตลอดชีวิต
"อืมมม" ผมถอยรถออกมา มองผ่านกระจกหลัง มันยังคงยืนอยู่ตรงนั้น โบกมือให้ ผมใจหาย คิดในใจ ต่อไปเราจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้วเหรอ จะไม่มีใครมากวนส้นทีน ไม่มีใครมาคอยแทะโลม ไม่มีใครมาคอยอยู่เป็นเพื่นให่อุ่นใจ ไม่มีใครวิ่งไล่ปล้ำ ไม่มีใครเอาหนวดมาถูที่คอ ไม่มีใครให้ด่า และที่สำคัญ ไม่มีใครกอดผมด้วยความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว คิดแล้ว น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง ภาพของมันค่อนๆจางหายไปกับความมืดดดดดดดดด...........................................

ผมกลับรถมาถึงบ้านเล่าให้แม่ฟังเรื่องที่อ้อยจะบวช
"แม่รู้นะว่าอ้อยคิดยังไงกับลูกน่ะ แล้วลูกหล่ะ" แม่ถาม แปลกใจที่ผมไม่ตกใจเลย
"หนูไม่รู้เหมือนกันแม่ หนูรู้ว่าหนูห่วงมัน แต่หนูไม่รู้ว่าหนูรักแบบไหน เพราะหนูไม่เคยรักผู้ชาย หนูเลยไม่เข้าใจว่าที่หนูรู้สึกอยู่ตอนนี้ คือรักรึป่าว" แม่พยักหน้า
"แม่สงสารอ้อยนะลูก" แม่พูดมาคำเดียว ทำให้ผมเข้าใจอะไรได้มากมาย ถ้าผมจะรักกับอ้อยจริงๆแม่ก็คงไม่ว่า....แต่มันเป็นไปไม่ได้
"อ้อยมันจะบวชวัน.....นี้นะแม่ หนูเลยขอให้แม่เป็นเจ้าภาพ มันไม่มีใคร เราคงต้องไปกันแค่นี้แหละ แต่เดี๋ยวหนูว่าจะลองไปบอกบุญกับพ่อมันก่อน ยังไงแม่ช่วยเตรียมของให้ด้วยนะ บวชเสร็จเห็นมันว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง หนูก็ไม่รู้ แต่มันสัญญาว่ามันจะมาเยี่ยมแม่นะ" ผมเล่าให้แม่ฟัง
"แล้วลูกว่าไงหล่ะ"
"หนูจะว่าไงได้แม่ หนูก็อนุโมธนาสาธุกับมัน หนูห่วงมัน ห่วงมันมาก แต่ถ้ามันได้ครองผ้าเหลืองแล้ว หนูก็คงไม่ต้องห่วงมันอีกแล้ว" แม่ยิ้ม ผมก้มหน้าหลบสายตาแม่
"ลูกไม่เป็นไรนะ" แม่จับมือผม แม่รู้เสมอว่าผมรู้สึกยังไง เพราะแม่คือแม่ของผม...
..........................................................................
เมื่อวานที่ผมบอกว่าจะคุยกับแม่เรื่องอ้อย ก็เป็นเรื่องเตรียมงานบวชให้มัน แล้วที่จะหายไป 3-4 วันเป็นงานบวชมันเหมือนกัน
..........................................................................
มาถึงตอนนี้ผมเข้าใจความรู้สึกมันมากขึ้น จากไดอารี่ของมัน ทำให้ผมได้คิดว่า ความรักมันเกิดขึ้นได้เสมอ ความรักไม่มีเพศ คนเราต่างหากที่ไปกำหนดเพศให้มัน ทุกคนมีสิทธิ์รัก แต่ไม่ใช่ทุกคนจะได้รักไว้ครอบครอง(เอามาจากส่วนนึงของไดอารี่เด็กขี้ยา) ผมยังคงอ่านไดอารี่ของมันวันละตอนได้เห็นภาพครั้งแรกที่มันเจอผม ได้คุยกับผม ได้ไปทำไฟล์ด้วยกัน ทุกอย่างที่มันเขียนผมเพิ่งรับรู้เมื่อวัน 2 วันนี่เอง อ่านไปก็รู้ว่าตัวเองมีค่าขนาดนี้เลยเหรอ ผมอ่านมันอย่างช้าๆ ด้วยไม่อยากให้มันจบเร็ว อย่างน้อย ผมจะได้รู้สึกว่ามันอยู่ข้างๆ คอยส่งน้ำเต้าหู้ให้เสมอ
ต่อจากนี้ไปอีกเดือนกว่าๆ ผมจะใช้ชีวิตกับแม่กับน้องให้คุ้มค่าที่สุด ผมไปถึงที่นั่นเมื่อไหร่ ผมจะเขียนไดอารี่เล่มนี้ทันที กรูสัญญา เมิงจะรู้ทุกเรื่องราวที่กรูเป็น และกรูจะรอวันที่ไอ่อ้อยคนเดิมกลับมา กรูจะรอ
แวะมาทักทายครับ.....(เพราะคิดถึง+เหงา)

ตอนนี้กำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมงานบวชไอ่อ้อย ฟังดูงานใหญ่ แต่จริงๆแล้ว มีแต่ครอบครัวผมเท่านั้นแหละที่เป็นเจ้าภาพ เรื่องคนถือหมอน ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นใครแต่ยังไม่อยากเฉลย ว้าฮ่าๆ เดี๋ยวกลับมาจะมาเล่าให้ฟังนะครับ มีโอกาสจะเอารูปมาฝากด้วย
อารมณ์ตอนนี้เหงาครับ มากถึงมากที่สุด ชีวิตจืดสนิท ยิ่งใกล้วันบินยิ่งอยากย้อนเวลากลับ ต้องแอบกลับมาอ่านกระทู้ ความเห็นเพื่อนที่นี่แก้เหงาถ้าว่างทุกครั้ง(ครั้งนี้ด้วย) ขอขอบคุณจากใจจริงครับ สำหรับทุกคำแนะนำและกำลังใจ ผมอ่านทุกๆความคิดเห็นนะ ดีใจที่ยังมีเพื่อน พี่ น้อง ที่รอฟังข่าวอยู่มากมาย(ยิ่งทำให้ไม่อยากไปทำงาน ฮือๆ) และไม่อยากให้คิดว่าพวกคุณเป็นเพื่อนผมแค่ฝ่ายเดียว ผมรับรู้ทุกความหวังดีครับ และอยากจะตอบแทนความหวังดีนั้น(แต่ไม่รู้จะทำยังไง) ยังไงซะช่วงที่ว่างผมจะแวะเข้ามาทักทายนะครับก่อนไป วันพุธนี้ผมจะไปนอนค้างที่วัดกับไอ่อ้อย เป็นคืนสุดท้าย วันรุ่งขึ้นถึงจะมีงาน ยังไงจะลองกล่อมมันดูเรื่อง ไดอารี่เด็กขี้ยาของมัน เพราะผมอ่านแล้วก็นะ ชวนอ๊วกไม่น้อย
ไม่ว่าจะยังไงนะครับ ผมก็ขอบคุณทุกกระทู้ทุกความคิดเห็นนะครับ แล้วผมจะนำความหวังดีทั้งหมดนี้ไปฝากไอ่อ้อยมัน ขอบคุณจากใจครับ
เป็ด(นัท)+อ้อย(โด่ง)
Part24
กลับมาจากงานเมื่อวาน ความปลื้มใจมาพร้อมด้วยความรู้สึกสูญเสียอะไรไปในชีวิตสักอย่าง คนที่คุ้นเคย คนเดียวที่ผมให้นอนในห้อง คนเดียวที่ผมให้สระผมให้ คนเดียวที่ผมให้กอด คนเดียวจริงๆ มันเหมือนต่อไปนี่ในทุกๆวันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ตื่นมาจะไม่ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนนั้นอีก(เรียกมันไม่ได้อีกแล้ว) จะไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย จะไม่ได้เห็นแววตาที่สลึมสลือเหมือนคนง่วงนอนอยู่ตลอดเวลาอีก จะไม่ได้กอดคอ จูงมือ ตบหัว แตะบ่าอย่างอ่อนโยน แม้แต่ชื่อก็ไม่สามารถจะเรียกเหมือนเดิมได้อีก.......ผมเหมือนคนไม่เต็มคนยังไงไม่รู้ เมื่อไม่มีเพื่อนอย่างมัน............T-T


ผมขับรถกลับมาจากวัด มีแม่ มีน้องสาว มีป้าแอ๊ด(ป้าข้างบ้านไปด้วย) ทุกคนดูมีความสุข แม่พูดแต่เรื่องการบวชครั้งนี้ แล้วก็ย้อนถามผมเป็นระยะๆ
"ลูกแม่บวชไปคนนึงแล้ว แล้วลูกคนนี้หล่ะ เมื่อไหร่จะบวช" แม่เอามือลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ
"แม่.......แม่เอาไอ่อ้อยเป็นลูกตั้งแต่เมื่อไหร่" สิ้นเสียงยังไม่ทันขาดคำ แม่ฟาดฝ่ามือลงมาที่หน้าขาผมดังเผี๊ยะ
"เรียกยังงั้นไม่ได้นะลูก ท่านอยู่ในเพศบรรพชิตแล้ว ไม่ได้อยู่เพศเดียวกับเราเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ" คำพูดแม่นี่เองที่ทำให้ผมฉุกคิดว่า เออ จริงๆด้วย เราไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้วนี่หว่า
ทุกคนยังคงสนุกสนานกับภารกิจที่ลุลล่วงวันนี้
"เฮียเป็ด ทำไมฟังแต่เพลงนี้หล่ะมันเศร้า เปิดวิทยุเหอะนะ นุ่นอยากฟังเพลงอื่นมั่ง"
"ไม่อาววว เฮียจะฟังเพลงนี้แหละ หลับไปเลยนะแก" ผมยังยืนกรานไม่ยอมเปิดวิทยุ ไม่รู้เป็นไง ผมถึงอยากฟังแต่เพลงๆนี้เพลงเดียว

เย็นวันอังคาร ผมนั่งเล่นเกมส์เพลย์อย่างเมามันกับน้อง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา แต่ไม่มีทีท่าว่าผมหรือน้องจะรับ
"เฮ้ย ไอ่นุ่น ไปรับโทรศัพท์ป่ะ" ผมสะกิด
"เฮียดิ เดี๋ยวนุ่น พอสรอ" อืม น้องมันไม่ค่อยเชื่อง มันเชื่องกับแม่คนเดียว
"นุ่น ขยับตูดไปรับโทรศัพท์ป่ะ อย่าให้พูดหลายครั้ง"
"เฮียอ่ะ อยู่ใกล้เฮีย ก็ลุกไปดิป่ะ เดี๋ยวนุ่นรอ"
" ไอ่นุ่น จะไปไม่ไป" ผมยกขาขา ชูลำแข้งที่มีขนหน้าแข้งรำไรพองามให้น้องเห็นอย่างชึดเจน ว่าถ้าท่อนนั้ไปพาดบนคอมัน อาจทำให้ถึงตายได้(ดุไปป่าวฟะ)
"โฮ่ เฮียอ่ะ ทุกที" อ่าวก็ต้องทุกทีดิ อยากเกิดมาเป็นน้องผมทำไม อิๆ
...........................................................................
"เฮีย พี่อ้อยโทรมา" น้องตะโกนมาทำเอาผมสะดุ้ง
มันโทรมาทำไมตอนนี้วะ วันพฤหัสก็จะบวชอยู่แล้ว หรือไม่สงบ หรือเปลี่ยนใจ ผมกระโดดลุกอย่างรวดเร็ว พรวด ยืนได้ไม่เท่าไหรด้วยความที่นั่งนาน หน้ามืดครับ แต่สุดท้ายก็ไปถึงโทรศัพท์ได้สำเร็จ

"อะไรของเมิง โทรมาทำเอี๊ยไรป่านนี้" ผมทักทาย
"เฮ่อๆ ๆ ๆ ๆ" มันพ่นลมหายใจอย่างรุนแรงใส่โทรศัพท์
"เป็อะไร หายใจซธยังกะแย่งอ๊อกซิเจนกับใคร"
"กรูดหนื่อย วิ่งมาโทรที่กุฏิเจ้าอาวาส แป๊บนะ" ผมยืนรอให้มันหายใจให้เสร็จก่อน
"หายเหนื่อยยัง" ผมถามเนื่องรอนานแล้ว ไม่ไหว
"อืม หายแล้ว" มันถอนหายใจ
"มีอะไร จะไม่บวชแล้วเหรอ" เผลอปากหมาถามไป แต่ใจหวังให้มันบอกว่า อืม เลวจริงๆกรู
"ปล่าว กรูอยากเจอหน้าเมิงก่อนบวช" อืม ผมเงียบบ
พูดอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
"วันพุธเมิงมาหากรูก่อนได้ป่าว มานอนกับกรูก็ได้" มันหายใจแรงๆอีกแล้ว
ผมนั่งคิดอยู่สักครู่ ใจนึงก็อยากไป อีกใจนึงก็อยากตัดใจให้ได้ ไปเจอมันวันเดียวตอนบวชเลยดีกว่าแต่แล้วก็........
"อืมก็ได้ นอนวัดกับเมิงิ่นะ" ผมถาม
"บร้า นอนวัดได้ที่ไหน เค้าห้ามคนที่จะบวชนอนวัดก่อนวันบวช" ผมเชื่อ เออ อยากถามผู้รู้หน่อยนะครับว่า มันมีความเชื่อแบบนี้ด้วยเหรอครับว่าห้ามคนที่จะบวชนอนวัดก่อนบวช สงสัย กลัวมันหลอก
"แล้วเมิงจะนอนที่ไหน" ผมถาม
"เออ น่า"...............................

สรุปผมก็ตกร่องปล่องชิ้นไปกับมัน ต้องไปนอนกับมันก่อน แล้วแม่กับน้องจะตามไปทีหลัง ผมถามแม่เรื่องที่เค้าไม่ให้นอนที่วัดก่อนบวช แม่บอกก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน ตอนนี้เลยไม่รู้เลยว่าโดนพระหลอกรึปล่าว.............วันอังคารผมแวะมาทักทายเพื่อนๆในนี้ ก่อนจะออกไปซื้อของกับแม่ แม่เห่อมาก มากกว่าตอนผมได้เป็นสจ๊วตอีกชักน้อยใจ
"แม่ ไม่ต้องเลือกมากก็ได้ มันก็เหมือนๆกันแหละ"
"ไม่ได้ลูก บวชครั้งเดียวในชีวิต ลูกอ้อยไม่มีใครนิ" แม่นะแม่ แต่ก็ดีครับ ที่แม่เอ็นดูมัน อย่างน้อยมันจะได้รู้สึกว่ามีคนที่ยังรักมันอยู่
หลังจากที่เตรียมของเสร็จ วันพุธ ผมเตรียมตัวขับรถออกจากบ้าน
"แม่ ไปถึงคิวรถแล้วโทรมานะ ตอนเช้าหนูขับรถมารับ"
"เป็ด ป้าแอ๊ดเค้าอยากไปด้วยนะลูก" ผมพยักหน้า ตอนนี้มีแขกกิตติมศักดิ์แล้วคือ แม่ ป้าแอ๊ด พี่เต้ย นุ่น แล้วก็ผม ขาดแต่ที่บ้านอ้อย ผมจะพามันไปไหว้พ่อให้ได้

อืม เห็นเพื่อนๆอยากดูรูปแล้วรู้สึกผิดมหันต์ที่ไปรับปาก พระอ้อย ขอไว้น่ะครับ ท่านบอกว่า" กรูไม่อยากดังไปมากกว่านี้แล้วอ่ะ กรูอาย นะอย่าเลยเดี๋ยวเค้ารู้กันทั้งประเทศ" ผมเลยไม่สามารถให้ดูได้จริงๆ ขอเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับให้เพื่อนๆได้จินตนาการกันต่อไปดีกว่า เพราะผมเองตอนนี้ก็มีเพื่อนบางคนโทรมาถามกันบ้างแล้วว่า "กรูว่าชีวิตเมิงนะ ไมมันคุ้นๆ"
ผมขับรถมุ่งตรงไปวัดเป้าหมาย คราวนี้ไปได้ถูกทางเพราะครั้งที่แล้วขับเข้าออกหลายรอบเลยจำได้
ฝนตกทำให้ทางแฉะ แต่ไม่ได้เป็นอุปสสรเพราะรถคันนี้อึดพอๆกับเจ้าของ
ผมจอดรถไว้หน่ากุฏิใต้ต้นมะขาม จัดแจงหยิบกระเป๋าสตางค์ มือถือใส่กระเป๋า ก่อนเปิดประตูก้าวเท้าลงไป
"แฮ่ๆ " ไอ่กล้วยยืนยิ้มแหะๆ เอ้ยฟันเมิงหักไปตั้งแต่เมื่อไหร่
"ไอ่กล้วย มาทำอะไร" มันไม่ฟังตรงดิ่งเข้ามาลูบรถรอบคัน ผมหล่ะกลัวใจมันจริงๆ กลัวจะเอาไม้เอาเหล็กมาขูดรถ
"กล้วยครับ"พูดเพราะขึ้นมาทันที
"กล้วยออกมาจากตรงนั้นดีกว่า ไปหาพี่อ้อยกับพี่ป่ะ" ผมผายมือเชื้อเชิญอย่างเป็นมิตร แสดงความเอ็นดูเด็กสุดชีวิต แต่เหมือนไอ่กล้วยจะมาเรดาห์รับรู้คลื่นรังสีอำมหิตที่ออกมาจากตัวผม มันส่ายหน้า แล้ววิ่งไปรอบรถอย่างมีความสุข
ผมทนไม่ไหวกับไอ่กล้วยอีกแล้ว เด็กอะไร ทำไมช่างกวนประสาทเช่นนี้ ผมจะต้องทำอะไรสักอย่าง ตาผมเหลือบไปเห็นเชือกในลอนที่แขวนอยู่ที่ต้นมะขาม ผมปรี่ไปคว้าเชือกเส้นนั้นตรงดิ่งไปหาไอ่กล้วยทันที ไอ่กล้วยยืนมองอย่างสงสัยว่าผมทำอะไร ผมตรงไปจับคอไอ่กล้วย กดจนมันล้มลง มันดิ้นไม่ยอมท่าเดียว ขาถีบผมพัลวัน ผมทนไม่ไหว ฝาดมันไป2-3 ครั้งจนขามันเป็นจ้ำ ผมรวบขามันได้เชือกที่อยู่ในมือตรึงรัดแน่นจนมันดิ้นไม่หลุด ผมลากมันมา จากนั้นจับเชือกอีกด้านเขวี้ยงขึ้นไปบนกิ่งมะขาม ผมดึงเชือกที่มีไอ่กล้วยอยู่ปลายอีกด้าน จนตัวไอ่กล้วยลอยขึ้น ห้อยหัวต่องแต่งๆ มันร้องให้ ขอให้ผมปล่อยมัน มันจะไม่ทำซ่าส์อีกแล้ว ผมหัวเราะอย่างสะใจ ว้าฮ่าๆๆ
"ไอ่เป็ด " เสียงไอ่อ้อยทำผมหลุดจากจินตนาการที่กำลังทารุณเด็กนรกคนนี้อยู่
"เออ เฮ้กรูไม่กล้าทิ้งรถไว้ว่ะกรูกลัวไอ่กล้วยมันขีดรถกรู" ผมชี้ไปที่ไอ่กล้วยขณะที่มันขึ้นไปขย่มบนล้อรถผมอย่างเมามัน
"ไอ่กล้วย มานี่ดิ" ไอ่อ้อยกวักมือ มันเดินคอตกมาอย่างมาง่าย
" เมิงไปเล่นตรงอื่นป่ะ อย่ามาเล่นแถวนี้ ถ้าไม่เชื่อฟังนะ กรูจะไปตามลุงกลิ้มมากินตับ(ลุงกลิ้มคือคนไม่ค่อยเต็มที่เป็นคู่อริกับไอ่กล้วย)" แค่พูดชื่อลุงกริ้มเท่านั้นครับพี่น้อง ไอ่อ้อยร้องไห้ โฮ ผมแมร่งสงสารเลย
"อ่ะไอ่กล้วย เอาตังส์ไปซื้อไอติมไป"ผมยื่นตังส์ให้มัน 20 บาท มันสะอื้น ๆ แต่มือก็รับเงินแล้ววิ่งปรู๊ดหายไปอย่างรวดเร็ว
"เมิงนี่เก่งจริงๆ ไอ่อ้อย กรูเกือบวิสามัญเด็กไปแล้วมั๊ยหล่ะ" ผมว่า
"เมิงรออยู่นี่นะ กรูไปเอากระเป๋าก่อน" มันหันหลังไป
"เมิงจะไปนอนไหน หา ไอ่อ้อย ไอ่อ้อย เอี๊ย" มันไม่ยอมตอบ เดินหันหลังไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อผมเห็นว่ารถผมปลอดภัยจากเงื้อมมือไอ่กล้วยแล้ว ผมเลยถือวิสาสะเดิน รอบวัด เพราะครั้งที่แล้วยังไม่เห็นเลย ผมไปสะดุดอยู่ที่รูปพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า 10 ชาตินะครับ ภาพสวยมากกกกกกกกกก มันเป็นภาพสไตล์อินเดียๆ สีสรร ลายเส้นอ่อนช้อยมากกกกก สายตาเหลือบไปเห็นกุฏิที่อ้อยอยู่ตอนเด็กๆ เห็นบันไดที่มันเคยกอดร้องไห้ เห็นนอกชาน เห็นข้างใน อืม มันโตมาจากที่นี่เหรอ ขอบคุณนะครับที่ทำให้ไอ่อ้อยเป็นไอ่อ้ยได้จนถึงวันนี้........................................................


20 Oct 2006  |  Post by : PangRum
Comment 1
ถ้าคุณเลือกทางเดินที่หอมหวาน
ก็ไม่มีวันที่คุณจะไปถึงเป้าหมายที่หอมหวานแต่ถ้าคุณเลือก จะถึงเป้าหมายที่หอมหวาน
เส้นทางเริ่มต้นของคุณอาจจะไม่หอมหวาน
คุณต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวคุณเองให้โลกเห็นครับว่าคุณคู่ควรกับเป้าหมาย
"ชีวิตเป็นของคุณ คุณสามารถเลือกมันได้"
ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกทางไหน

1.ทำงานอย่างที่ทำทุกวันนี้ ไม่ลำบากเกินกว่าที่จะทน
แต่ก็อยู่ในสภาพแบบนี้ไปตลอดชีวิต หรือ
2.ทำงานอย่างหนัก ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง อดทน เหนื่อยสัก 3 ปี
แล้วผลงานที่ได้สร้างไว้ทำให้คุณสบายไปตลอดชีวิต
ถ้าเลือกอย่างที่ 1
ดีใจด้วยครับเพราะคุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ลบอีเมล์ฉบับนี้ได้เลยครับ
แต่ถ้าเลือกอย่างที่ 2 click เข้ามาเลยครับ แล้วมาคุยกันว่า
คุณจะต้องทำอะไรบ้างในอีก 3 ปี นับต่อจากนี้ http://twyengwe.no tlo ng.com พิมพ์ติดกันนะ

29 Oct 2006  |  Comment by : aa

Comment


>

Pooyingnaka Quiz

Webboard
โพสต์โดย: vanniehara 4
โพสต์โดย: maytavee 10
โพสต์โดย: girlzaka 2
โพสต์โดย: mileymalika 4
โพสต์โดย: Katai 1
โพสต์โดย: Sirinapha 0
โพสต์โดย: PRKTC 0
โพสต์โดย: Supitsara55 7

Interest Product