สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาพุงยื่น หรืออ้วนลงพุง ไม่ว่าจะแต่งตัวแบบไหนก็ขาดความมั่นใจ แต่จะให้หาเวลาออกกำลังกายวันละ 30-45 นาที เพื่อ ลดน้ำหนัก ลดพุง ก็ทำไม่ไหว เพราะกว่าจะเลิกงาน กว่าจะเดินทางถึงบ้าน ก็หมดเรี่ยวแรงซ่ะแล้ว ซึ่งเราเข้าใจเหตุผลของทุกคนได้เป็นอย่างดี จึงได้ทำการรวบรวม 9 วิธี ลดน้ำหนัก ลดพุง สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลามาฝากกัน
ดื่มชาเขียวช่วยลดไขมันหน้าท้อง
ชาเขียว เป็นตัวช่วยลดน้ำหนัก และลดหน้าท้อง ด้วยความที่ชาเขียวประกอบไปด้วยสารอาหารสำคัญที่ช่วยเร่งการเผาผลาญ ถ้าหากคุณต้องการที่จะลดน้ำหนัก หรือลดพุง แนะนำให้ดื่มชาเขียวในช่วงก่อนออกกำลังกาย จะช่วยให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้การดื่มชาเขียวร้อน ๆ ยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี
Glory เซตคุมหิว X4 ตัวช่วย ลดน้ำหนัก คุมหิว และปรับสมดุลลำไส้
ทานกรีกโยเกิร์ตก่อนนอนเป็นประจำ
กรีกโยเกิร์ต อุดมไปด้วยโปรตีน และ Casein ช่วยให้อิ่มท้องตลอดทั้งคืน อีกทั้งยังช่วยลดความอยากอาหารในเช้าวันถัดไป แต่ทั้งนี้หากคุณต้องการลดปริมาณน้ำตาล ให้เลือกสูตรธรรมชาติ จากนั้นให้เติมความหวานด้วยผลไม้แคลอรีต่ำ อย่าง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี หรือเชอร์รี่สด เป็นต้น
ฝึกแขม่วหน้าท้องอยู่เสมอ
หากคุณต้องการที่จะลดพุง ลดหน้าท้อง แต่ไม่มีเวลาให้ลองแขม่วหน้าท้องบ่อย ๆ สามารถทำได้ตลอดเวลา ทั้งตอนนั่ง ยืน หรือเดิน ก็จะช่วยให้พุงยุบลงได้ และช่วยให้หุ่นเฟิร์ม ดูมีสัดส่วนมากขึ้น
หลีกเลี่ยงของทอด
ถึงแม้ว่าของทอดจะน่ากินขนาดไหน แต่จงท่องเอาไว้ว่า “ของทอดคือตัวร้ายที่เข้ามาขัดขวางการลดน้ำหนัก” เพราะเป็นเมนูที่แคลอรีสูง ที่สำคัญวิธีการทอดยังทำให้อาหารสูญเสียวิตามิน และแร่ธาตุที่มีประโยชน์ แต่สิ่งที่ได้กลับมามีแต่ไขมันทรานส์ ที่นอกจากจะทำให้อ้วน และมีพุงแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วย
ลดการกินแป้งและน้ำตาล
แป้ง และน้ำตาล เป็นตัวการที่ทำให้พุงยื่น พุงย้อย หรือมีไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะการกินแป้งที่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว น้ำตาลทรายขาว และอื่น ๆ ที่จะเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำตาลอย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อร่างกายดูดซึมเข้าไปใช้งานไม่ทัน จะกลายเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง แขน และขา
ดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 2 ลิตร
การดื่มน้ำเปล่าระหว่างวันถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะน้ำจะช่วยคลีนไขมัน และแบคทีเรียในช่องท้องได้ดี นอกจากนี้การดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร จะช่วยลดความอยากอาหาร ช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส และช่วยขับของเสียออกจากร่างกายได้อีกด้วย
เดินเพื่อย่อยอาหาร
การเดินย่อยอาหาร จะช่วยเผาผลาญการสะสมไขมันหน้าท้อง สะโพก และต้นขา ที่สำคัญไม่จำเป็นว่าจะต้องเดินจริงจังขนาดนั้น เพียงแค่เดินเล่นผ่อนคลายไปเรื่อย ๆ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า การเดินเพื่อย่อยอาหารประมาณ 15 นาที ช่วยลดระดับน้ำตาลให้น้อยลง ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดแนะนำให้เดินย่อยหลังจากกินมื้อเย็น
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนไม่ครบ 6-8 ชั่วโมง นอกจากจะทำให้เหนื่อยง่ายแล้ว ยังเสี่ยงต่อความอ้วนอีกด้วย จากงานวิจัยพบว่าการที่นอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมง จะทำให้น้ำหนักเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งในเด็กมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคอ้วน 89% และผู้ใหญ่มีความเสี่ยง 55% ที่สำคัญการนอนเพียงวันละ 5 ชั่วโมงติดต่อกันมากกว่า 5 คืน ยังทำให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้นเกือบ 1 กิโลกรัม
ออกกำลังกายคาร์ดิโอเพื่อเร่งเผาผลาญ
การออกกำลังกายคาร์ดิโอ (Cardio Exercise) ช่วยให้ปอด และหัวใจทำงานดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอมีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ การวิ่ง การกระโดดเชือก เป็นต้น
Glory เซตคุมหิว X4 ตัวช่วย ลดน้ำหนัก คุมหิว และปรับสมดุลลำไส้
ขอบคุณข้อมูลจาก