VPN คืออะไร สร้างกำแพงป้องกันให้กับข้อมูล
VPN คืออะไร? VPN ใช้ยังไง? โดย VPN ย่อมาจาก Virtual Private Network แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า VPN คือ "เครือข่ายส่วนตัวเสมือน" เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างอุโมงค์ที่ปลอดภัยสำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งาน เปรียบเสมือนการสร้างทางลับส่วนตัวบนการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มากมาย ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้งานปลอดภัยจากการเข้าถึงที่ไม่พึงประสงค์
รู้จักกับ VPN ว่าคืออะไร
อย่างที่กล่าวมาว่า Virtual Private Network หรือ VPN คือเครือข่ายส่วนตัวเสมือนที่เหมือนการสร้างอุโมงค์ส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ตที่พลุกพล่าน ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้งานเดินทางผ่านอุโมงค์นี้โดยปลอดภัย ไม่ถูกใครมาสอดแนมหรือดักฟังได้ โดยเมื่อผู้ใช้งานเชื่อมต่อกับ VPN IP ของผู้ใช้งานจะถูกซ่อน ทำให้ยากที่จะติดตามกิจกรรมออนไลน์ของผู้ใช้งาน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่ผู้ใช้งานส่งและรับจะถูกเข้ารหัส ทำให้แฮ็กเกอร์ไม่สามารถเข้าข้อมูลของผู้ใช้งาน และช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงเว็บไซต์หรือเนื้อหาที่ถูกบล็อกในบางพื้นที่ได้
ประโยชน์ของ VPN มีอะไรบ้าง
Virtual Private Network หรือ VPN คือเครือข่ายส่วนตัวเสมือนที่นอกจากการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยแล้ว VPN ยังมีประโยชน์เด่นอีกมากมาย ดังนี้
เข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัด โดยไม่ว่าจะเป็นการดูหนังซีรีส์ที่ถูกบล็อกในประเทศของผู้ใช้งาน หรือการเข้าถึงเว็บไซต์โซเชียลมีเดียที่ถูกแบน VPN ช่วยให้ผู้ใช้งานข้ามข้อจำกัดเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
หลีกเลี่ยงการลดความเร็วอินเทอร์เน็ต ซึ่งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบางรายอาจลดความเร็วอินเทอร์เน็ตเมื่อผู้ใช้งานดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่หรือสตรีมมิงวิดีโอ VPN ช่วยให้ผู้ใช้งานหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้
ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลขณะใช้ Wi-Fi สาธารณะ โดยเมื่อผู้ใช้งานเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะ เช่น ในคาเฟ่หรือสนามบิน ข้อมูลของผู้ใช้งานมีความเสี่ยงที่จะถูกดักฟัง VPN จะช่วยเข้ารหัสข้อมูลของผู้ใช้งาน ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้งานปลอดภัย
ปกป้องตัวตนออนไลน์ ซึ่ง VPN ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้โจมตีสามารถติดตามกิจกรรมออนไลน์ของผู้ใช้งานได้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถท่องอินเทอร์เน็ตได้อย่างเป็นอิสระ
เหมาะสำหรับนักเดินทาง โดยหากผู้ใช้งานต้องเดินทางบ่อย ๆ VPN จะช่วยให้ผู้ใช้งานเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายในองค์กรได้อย่างปลอดภัย และเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้ทุกที่ทุกเวลา
VPN มีหลักการทำงานอย่างไร
Virtual Private Network หรือ VPN คือการทำงานโดยการสร้างอุโมงค์ที่ปลอดภัยสำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งาน เปรียบเสมือนการสร้างทางลับส่วนตัวบนโลกอินเทอร์เน็ตที่พลุกพล่าน ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้งานเดินทางผ่านอุโมงค์นี้โดยปลอดภัย ไม่ถูกใครมาสอดแนมหรือดักฟังได้ ขั้นตอนการทำงานของการใช้ VPN ได้แก่
เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN โดยเมื่อผู้ใช้งานเปิด VPN อุปกรณ์ของผู้ใช้งานจะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของ VPN ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในที่ต่าง ๆ ทั่วโลก
สร้างอุโมงค์ ซึ่งเมื่อเชื่อมต่อสำเร็จ ระบบจะสร้างอุโมงค์ที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ของผู้ใช้งานกับเซิร์ฟเวอร์ VPN
เข้ารหัสข้อมูล โดยข้อมูลทั้งหมดที่ผู้ใช้งานส่งและรับจะถูกเข้ารหัสก่อนที่จะผ่านอุโมงค์นี้ ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้งานปลอดภัยจากการดักฟัง
ซ่อนที่อยู่ IP ซึ่งที่อยู่ IP ของผู้ใช้งานจะถูกแทนที่ด้วยที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์ VPN ทำให้ยากที่จะทราบตำแหน่งของผู้ใช้งานจริง
ส่งข้อมูล โดยข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสจะถูกส่งผ่านอุโมงค์ไปยังปลายทาง
ถอดรหัสข้อมูล ซึ่งเมื่อข้อมูลถึงปลายทาง ระบบจะทำการถอดรหัสข้อมูลเพื่อให้สามารถใช้งานได้
วิธีในการเลือกผู้ให้บริการ VPN
การเลือกผู้ให้บริการวีพีเอ็นที่ดีนั้นสำคัญมาก เพราะการเลือก VPN คือการส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัย ความเร็ว และประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งาน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการระบบ VPN ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้
ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว โดยผู้ให้บริการ VPN ที่ดีจะไม่มีการเก็บข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้งาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานจะได้รับการปกป้องอย่างสูงสุด
ความเร็ว ซึ่งเลือกผู้ให้บริการที่มีเซิร์ฟเวอร์กระจายอยู่ทั่วโลก และมีจำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่เพียงพอ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้เคียงที่สุด และได้ความเร็วในการเชื่อมต่อที่สูง โดยตรวจสอบรีวิวจากผู้ใช้งานอื่น ๆ เพื่อดูว่าความเร็วในการเชื่อมต่อของผู้ให้บริการนั้นเป็นอย่างไร
จำนวนเซิร์ฟเวอร์และตำแหน่ง โดยยิ่งมีจำนวนเซิร์ฟเวอร์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีตัวเลือกในการเชื่อมต่อที่หลากหลายมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเลือกผู้ให้บริการที่มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในประเทศที่ผู้ใช้งานต้องการใช้งาน เพื่อให้ได้ความเร็วในการเชื่อมต่อที่สูงสุด
ราคาและแผนบริการ ซึ่งเปรียบเทียบราคาของผู้ให้บริการต่าง ๆ แต่อย่าลืมพิจารณาถึงผู้ใช้งานสมบัติและบริการที่ได้รับด้วย โดยเลือกแผนบริการที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้งาน เช่น จำนวนอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกัน หรือระยะเวลาการใช้งาน
คุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น Kill switch โดยเป็นฟังก์ชันที่จะตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งานโดยอัตโนมัติ หากการเชื่อมต่อกับ VPN ขาดหายไป Split tunneling เป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเลือกกำหนดว่าข้อมูลใดจะถูกส่งผ่าน VPN และข้อมูลใดจะถูกส่งผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตปกติ และตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีช่องทางการติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือที่หลากหลาย เช่น แชทสด อีเมล หรือโทรศัพท์
สรุปเกี่ยวกับ VPN
VPN คือเครื่องมือที่สำคัญมากในยุคดิจิทัล ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและข้อมูลของผู้ใช้งานขณะท่องอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าผู้ใช้งานจะเป็นนักเดินทาง นักศึกษา หรือผู้ที่ทำงานออนไลน์ VPN ก็สามารถเป็นประโยชน์กับผู้ใช้งานได้