ประวัติสุนทรภู่ |
---|
พระสุนทรโวหาร (ภู่) มีนามเดิมว่า ภู่ เป็นบุตรขุนศรีสังหาร (พลับ) และแม่ช้อย เกิดในรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันจันทร์ เดือนแปด ขึ้นหนึ่งค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช ๑๑๔๘ เวลาสองโมงเช้า ตรงกับวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๒๙ ที่บ้านใกล้กำแพงวังหลัง คลองบางกอกน้อย สุนทรภู่เกิดได้ไม่นาน บิดามารดาก็หย่าจากกันฝ่ายบิดากลับไปบวชที่บ้านกร่ำ เมืองแกลง ส่วนมารดา คงเป็นนางนมพระธิดา ในกรมพระราชวังหลัง (กล่าวกันว่าพระองค์เจ้าจงกล หรือเจ้าครอกทองอยู่) ได้แต่งงาน มีสามีใหม่และมีบุตรกับสามีใหม่ ๒ คนเป็นหญิง ชื่อฉิมและนิ่ม ตัวสุนทรภู่เองได้ถวายตัวเป็นข้าในกรมพระราชวังหลังตั้งแต่ยังเด็ก สุนทรภู่เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน สันทัดทั้งสักวาและเพลงยาว เมื่อรุ่นหนุ่มเกิดรักใคร่ชอบพอกับนาง ข้าหลวงในวังหลัง ชื่อแม่จัน ครั้นความทราบถึงกรมพระราชวังหลัง พระองค์ก็กริ้ว รับสั่งให้นำสุนทรภู่ และจันไปจองจำทันที แต่ทั้งสองถูกจองจำได้ไม่นาน เมื่อกรมพระราชวังหลังเสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. ๒๓๔๙ ทั้งสองก็พ้นโทษออกมา เพราะเป็นประเพณีแต่โบราณที่จะมีการปล่อยนักโทษ เพื่ออุทิศ ส่วนพระ ราชกุศลแด่ พระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ชั้นสูง เมื่อเสด็จสวรรคตหรือทิวงคตแล้ว แม้จะพ้นโทษ สุนทรภ ู่และจันก็ยังมิอาจสมหวังในรัก สุนทรภู่ถูกใช้ไปชลบุรี สุนทรภู่ได้เดินทางเลยไปถึงบ้านกร่ำ เมืองแกลง จังหวัด ระยอง เพื่อไปพบบิดาที่จากกันกว่า ๒๐ ปี สุนทรภู่เกิดล้มเจ็บหนักเกือบถึงชีวิต กว่าจะกลับมากรุงเทพฯ ก็ล่วง ถึง เดือน ๙ ปี พ.ศ.๒๓๔๙ หลังจากกลับจากเมืองแกลง สุนทรภู่ได้เป็นมหาดเล็กของพระองค์เจ้าปฐมวงศ ์ พระโอรสองค์เล็กของกรมพระราชวังหลัง ซึ่งทรงผนวชอยู่ที่วัดระฆัง ในช่วงนี้ สุนทรภู่ก็สมหวังในรัก ได้แม่จันเป็นภรรยาสุนทรภู่คงเป็นคนเจ้าชู้ แต่งงานได้ไม่นานก็เกิดระหองระแหงกับแม่จัน ยังไม่ทันคืนดี สุนทรภู่ก็ต้องตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการพระพุทธบาท จ.สระบุรี ในวันมาฆบูชา สุนทรภ ู่ได้แต่งนิราศ เรื่องที่สองขึ้น คือ นิราศพระบาท สุนทรภู่ตามเสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ ในเดือน ๓ ปี พ.ศ.๒๓๕๐ สุนทรภู่มีบุตรกับแม่จัน ๑ คน ชื่อหนูพัด แต่ชีวิตครอบครัวก็ยังไม่ราบรื่นนักในที่สุดแม่จันก็ร้างลาไป พระองค์เจ้าจงกล (เจ้าครอกทองอยู่) ได้รับอุปการะหนูพัดไว ้ ชีวิตของท่านสุนทรภู่ช่วงนี้คงโศกเศร้ามิใช่น้อย ประวัติชีวิตของสุนทรภู่ในช่วงปี พ.ศ.๒๓๕๐ - ๒๓๕๙ ก่อนเข้ารับราชการ ไม่ชัดแจ้ง แต่เชื่อว่าท่าน หนีความเศร้าออกไปเพชรบุรี ทำไร่ ทำนา อยู่กับหม่อมบุญนาค ในพระราชวังหลัง นักเลงกลอนอย่างท่านสุนทรภู่ ทำไร่ทำนาอยู่นานก็ชักเบื่อ ด้วยเลือดนัก กลอนทำให้ท่านกลับมากรุงเทพฯ หากินทางรับจ้างแต่งเพลงยาว บอกบทสักวา จนถึงบอก บทละคร นอก บางทีนิทานเรื่องแรกของ ท่านคงจะแต่งขึ้นในช่วงนี้ การที่เกิดมีนิทานเรื่องใหม่ๆ ทำให้เป็นที่สนใจมาก เพราะ สมัยนั้นมีแต่กลอนนิทานจักรๆ วงศ์ๆ ไม่กี่เรื่อง ซ้ำไปซ้ำมาจนคนอ่าน คนดูรู้เรื่องตลอดหมดแล้ว นิทานของ ท่านทำให้นายบุญยัง เจ้าของคณะละครนอกชื่อดัง ในสมัยนั้นมาติดต่อว่าจ้างสุนทรภู่ ท่านจึงได้ร่วมคณะละคร เป็นทั้งคนแต่งบทและบอกบทเดินทางเร่ร่อนไปกับคณะละครจนทั่ว รับราชการครั้งแรก ก็สมัยพระ พุทธเลิศ หล้านนภาลัย ที่ได้อาจจะมาจากมูลเหตูที่รัชกาลที่ 2 ชอบบทกลอนเหมือนกัน แต่หลังจากรัชกาลที่ 2 เสด็จ สวรรคต นอกจาก แผ่นดินและผืนฟ้าจะร่ำไห้ ไพร่ธรรมดาคนหนึ่งที่มีโอกาสสูงสุด ในชีวิตได้เป็นถึง กวีที่ ปรึกษา ในราชสำนัก ก็หมดวาสนาไปด้วย สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์ไว้ถึง เหตุที่สุนทรภู่ ไม่กล้า รับราชการต่อใน แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ดังนี้ "เล่ากันว่า เมื่อทรงพระราชนิพนธ์ บทละคร เรื่องอิเหนา ทรงแต่งตอนนางบุษบาเล่นธาร เมื่อท้าว ดาหาไปใช้บน พระราชทานให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังดำรงพระยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงแต่ง "เมื่อทรงแต่งแล้ว ถึงวันจะอ่านถวายตัว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งวานสุนทรภู่ ตรวจดูเสียก่อน สุนทรภู่อ่านแล้วกราบทูลว่า เห็นดีอยู่แล้ว ครั้นเสด็จออก เมื่อโปรดให้อ่านต่อหน้ากวีที่ทรง ปรึกษาพร้อมกัน ถึงบทแห่งหนึ่งว่า " 'น้ำใสไหลเย็นแลเห็นตัว ปลาแหวกกอบัวอยู่ไหวไหว' "สุนทรภู่ติว่ายังไม่ดี ขอแก้เป็น " 'น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ว่ายแหวกปทุมาอยู่ไหวไหว' "โปรดตามที่สุนทรภู่แก้ พอเสด็จขึ้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวก็กริ้ว ดำรัสว่า เมื่อ ขอให้ตรวจทำไมจึงไม่แก้ไข แกล้งนิ่งเอาไปไว้ติหักหน้ากลางคัน เป็นเรื่องที่ทรงขัดเคืองสุนทรภู่ครั้ง หนึ่ง "อีกครั้งหนึ่ง รับสั่งให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแต่งบทละครเรื่องสังข์ทอง ตอน ท้าว สามลจะให้ลูกสาวเลือกคู่ ทรงแต่งคำปรารภของท้าวสามลว่า " 'จำจะปลูกฝังเสียยังแล้ว ให้ลูกแก้ว สมมาด ปรารถนา' " ครั้นถึงเวลาอ่านถวาย สุนทรภู่ถามขึ้นว่า 'ลูกปรารถนาอะไร' พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต้องแก้ว่า " 'จำจะปลูกฝังเสียยังแล้ว ให้ลูกแก้วมีคู่เสน่หา' "ทรงขัดเคืองสุนทรภู่ว่าแกล้งประมาทอีกครั้งหนึ่ง แต่นั้นก็ว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมึนตึงต่อสุนทรภู่มาจนตลอดรัชกาลที่ ๒ ... " จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพียงคิดได้ด้วยเฉพาะหน้าตรงนั้นก็ตาม สุนทรภู่ก็ได้ทำการไม่เป็นที่พอ พระราชหฤทัย ประกอบกับความอาลัยเสียใจหนักหนา ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สุนทรภู่ จึงลาออกจากราชการ และตั้งใจบวชเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณ เมื่อกลับจากกรุงเก่า พระสุนทรภู่ได้ไปจำพรรษาอยู่ท ี่วัดอรุณ ราชวรารามหรือวัดแจ้ง ปี พ.ศ.๒๓๗๒เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงฝากเจ้าฟ้ากลาง และเจ้าฟ้า ปิ๋ว พระโอรสองค์กลางและองค์น้อยให้เป็นศิษย์สุนทรภู่ การมีศิษย์ชั้นเจ้าฟ้าเช่นนี้จึงทำให้พระสุนทรภ ู่สุข สบาย ขึ้นพระสุนทรภู่อยู่วัดอรุณฯ ราว ๒ ปี จึงข้ามฟากมาจำพรรษาอยู่ท ี่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ เล่ากันถึงสาเหตุที่พระสุนทรภู่ย้ายวัดมา ก็เพราะสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงชัก ชวนให้มาอยู่ด้วยกัน สมเด็จฯ ทรงเป็นกวีองค์สำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์หนึ่ง เชื่อว่าคงจะทรงคุ้นเคย กับสุนทรภู่ในฐานะที่เป็นกวีด้วยกัน โดยเฉพาะสมัยที่สุนทรภู่เป็นขุนสุนทรโวหารในรัชกาลที่ ๒ ชีพจรลงเท้า สุนทรภู่อีกครั้งเมื่อท่านเกิดไปสนใจเรื่องเล่นแร่แปรธาตุและยาอายุวัฒนะ ถึงแก่อุตสาหะไปค้นหา ทำให้เกิดนิราศ วัดเจ้าฟ้า และนิราศสุพรรณปี พ.ศ.๒๓๘๓ สุนทรภู่มาจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม ท่านอยู่ที่นี่ได้ ๓ พรรษา คืนหนึ่งเกิดฝันร้าย ว่าชะตาขาด จะถึงแก่ชีวิต จึงได้แต่งเรื่องรำพันพิลาป ซึ่งทำให้ทราบเรื่องราวในชีวิตของท่านอีกเป็นอันมาก จากนั้นจึงลาสิกขาบทเมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๕ เพื่อเตรียมตัวจะตาย <br> <br> ผลงานสุนทรภู่ <br> <br> ผลงานสุนทรภู่ และวรรณกรรมของสุนทรภู่ มีอยู่มากมาย มีทั้งที่เป็น <br> ... ประเภทนิราศมี ๙ เรื่อง <br> 1. นิราศเมืองแกลง 2350 2. นิราศพระบาท 2350 <br> 3. นิราศภูเขาทอง 2371 4. นิราศเมืองเพชร 2371-2374 <br> 5. นิราศวัดเจ้าฟ้า 2375 6. นิราศอิเหนา 2375-2378 <br> 7. นิราศสุพรรณ 2377-2380 8. รำพันพิลาป 2385 <br> 9. นิราศพระประธม 2385-2388 <br> <br> ประเภทนิทานมี ๕ เรื่อง <br> 1. โคบุตร <br> 2. พระอภัยมณี <br> 3. พระไชยสุริยา <br> 4. ลักษณะวงศ์ <br> 5. สิงหไกรภพ <br> <br> ประเภทสุภาษิตมี ๒ เรื่อง <br> 1. สวัสดิรักษา <br> 2. เพลงยาวถวายโอวาท <br> <br> ประเภทบทละครมี ๑ เรื่อง <br> 1. อภัยนุราช <br> <br> ประเภทเสภามี ๒ เรื่อง <br> 1. ขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม <br> 2. พระราชพงศาวดาร <br> <br> ประเภทบทเห่กล่อมมี ๔ เรื่อง <br> 1. จับระบำ <br> 2. กากี <br> 3. พระอภัยมณี <br> 4. โคบุตร
23 Jun 2006 | Post by :
PrincessAngel
|
Comment 34 |
---|
<img src="pic/b9.gif"> <img src="pic/b1.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b10.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b11.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b12.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b13.gif"> <img src="pic/b6.gif"> <img src="pic/b14.gif"> <img src="pic/b7.gif"> <img src="pic/b15.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b16.gif">ดีจัยจังหาเจอแว้ว
15 Nov 2008 | Comment by :
โมโม้
|
Comment 33 |
---|
กลอนเพราะมาก <img src="pic/b15.gif">
22 Jun 2008 | Comment by :
mint
|
Comment 32 |
---|
<img src="pic/b15.gif">
20 Jun 2008 | Comment by :
GM Gril
|
Comment 31 |
---|
<img src="pic/b8.gif">
13 Jun 2008 | Comment by :
เธเธดเธเธฒเธฃเธฃเธฑเธเธเน
|
Comment 30 |
---|
<img src="pic/b8.gif">
13 Jun 2008 | Comment by :
เธเธดเธเธฒเธฃเธฃเธฑเธเธเน
|
Comment 29 |
---|
<img src="pic/b15.gif"> <img src="pic/b14.gif"> <img src="pic/b14.gif"> <img src="pic/b14.gif"> <img src="pic/b14.gif">
27 May 2008 | Comment by :
ดน
|
Comment 28 |
---|
ทำไมMAXถึงไม่ชอบเรา <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b3.gif">
14 Feb 2008 | Comment by :
ลูกหว้า
|
Comment 27 |
---|
<img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b7.gif"> <img src="pic/b9.gif"> <img src="pic/b11.gif"> <img src="pic/b10.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b7.gif"> <img src="pic/b6.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b1.gif">
24 Jul 2007 | Comment by :
ยุ้ย
|
Comment 26 |
---|
<img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b6.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b11.gif">
7 Jul 2007 | Comment by :
โม,บูม,เต้ย,เกมส์
|
Comment 25 |
---|
<img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b7.gif"> <img src="pic/b11.gif"> <img src="pic/b3.gif">
1 Jul 2007 | Comment by :
8516
|
Comment 24 |
---|
<img src="pic/b1.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b6.gif"> <img src="pic/b7.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b9.gif"> <img src="pic/b10.gif"> <img src="pic/b11.gif">
25 Jun 2007 | Comment by :
a
|
Comment 23 |
---|
<img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b1.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b10.gif"> <img src="pic/b8.gif">
23 Jun 2007 | Comment by :
ด้ด
|
Comment 22 |
---|
<img src="pic/b1.gif"> <img src="pic/b1.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif">
20 Jun 2007 | Comment by :
พลอย
|
Comment 21 |
---|
ขอบคุณ <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b1.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b6.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b9.gif"> <img src="pic/b10.gif"> <img src="pic/b11.gif">
17 Jun 2007 | Comment by :
ค.ร.ก.ม
|
Comment 20 |
---|
<img src="pic/b10.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b1.gif"> <img src="pic/b6.gif"> <img src="pic/b6.gif"> <img src="pic/b6.gif"> <img src="pic/b6.gif"> <img src="pic/b6.gif"> <img src="pic/b6.gif">
15 Jun 2007 | Comment by :
ด
|
Comment 19 |
---|
<img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b6.gif"> <img src="pic/b7.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b9.gif"> <img src="pic/b10.gif"> <img src="pic/b11.gif"> <img src="pic/b1.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <font color=red> รักแบงค์รักน็อกรักพระเยซู </font>
14 Jun 2007 | Comment by :
เจน
|
Comment 18 |
---|
มันหน้าจะมีกลอน คำประพันธุ์ และสุภาษิตต่างๆๆๆๆๆด้วย <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b11.gif"> <img src="pic/b11.gif">
14 Jun 2007 | Comment by :
kick
|
Comment 17 |
---|
<img src="pic/b1.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b6.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b11.gif"> <img src="pic/b10.gif"> <img src="pic/b9.gif"> <img src="pic/b7.gif">
14 Jun 2007 | Comment by :
hun
|
Comment 16 |
---|
<img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b1.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b9.gif"> <img src="pic/b11.gif">
8 Jun 2007 | Comment by :
-พำไพ
|
Comment 15 |
---|
<img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b7.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b1.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b10.gif">
5 Jun 2007 | Comment by :
ชนิดา
|
Comment 14 |
---|
รักนะ <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <font color=green> ฝน </font>
5 Jun 2007 | Comment by :
ฝน วนิดา หวังวิบูลย์ชัย
|
Comment 13 |
---|
<img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif">ดีกันนะ <img src="pic/b11.gif"> <img src="pic/b11.gif"> <img src="pic/b11.gif"> <img src="pic/b11.gif"> <img src="pic/b11.gif">
2 Jun 2007 | Comment by :
....................
|
Comment 12 |
---|
<img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b2.gif">ทำไมเนสเลิกกับฝน
2 Jun 2007 | Comment by :
fon
|
Comment 11 |
---|
fonLoveNas <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b11.gif"> <img src="pic/b5.gif">
2 Jun 2007 | Comment by :
0879299863
|
Comment 10 |
---|
fonLoveNas <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b11.gif"> <img src="pic/b5.gif">
2 Jun 2007 | Comment by :
0879299863
|
Comment 9 |
---|
fonLoveNas <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b11.gif"> <img src="pic/b5.gif">
2 Jun 2007 | Comment by :
0879299863
|
Comment 8 |
---|
รักเนสนะ : <img src="pic/b7.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b9.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b5.gif">
2 Jun 2007 | Comment by :
ฝน
|
Comment 7 |
---|
<img src="pic/b1.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b6.gif"> <img src="pic/b7.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b9.gif"> <img src="pic/b10.gif"> <img src="pic/b11.gif">
27 May 2007 | Comment by :
.............
|
Comment 6 |
---|
<img src="pic/b1.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b6.gif"> <img src="pic/b7.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b9.gif"> <img src="pic/b10.gif"> <img src="pic/b11.gif">
30 Jan 2007 | Comment by :
นัด
|
Comment 5 |
---|
<img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b9.gif"> <img src="pic/b10.gif"> <img src="pic/b2.gif"> <img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b3.gif"> <img src="pic/b1.gif">
26 Jun 2006 | Comment by :
ไม่
|
Comment 4 |
---|
ชอบสีแดงเพราะเป็นความชอบโดยส่วนตัว
26 Jun 2006 | Comment by :
รัชฎากรณ์
|
Comment 3 |
---|
เพราะเป็นธรรมชาติที่โลกสร้างขึ้นมา
26 Jun 2006 | Comment by :
๋่จิราพร
|
Comment 2 |
---|
<img src="pic/b4.gif"> <img src="pic/b7.gif"> <img src="pic/b5.gif"> <img src="pic/b6.gif"> <img src="pic/b8.gif"> <img src="pic/b9.gif"> <img src="pic/b10.gif"> <img src="pic/b10.gif">
25 Jun 2006 | Comment by :
สาน
|
Comment 1 |
---|
ประวัติสุนทรภู่ และ ผลงานสุนทรภู่ <br> <br> วัยเด็ก (พ.ศ.๒๓๒๙ - ๒๓๔๙) แรกเกิด - อายุ ๒๐ ปี <br> <br> พระสุนทรโวหาร (ภู่) มีนามเดิมว่า ภู่ เป็นบุตรขุนศรีสังหาร (พลับ) และแม่ช้อย เกิดในรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันจันทร์ เดือนแปด ขึ้นหนึ่งค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช ๑๑๔๘ เวลาสองโมงเช้า ตรงกับวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๒๙ ที่บ้านใกล้กำแพงวังหลัง คลองบางกอกน้อยสุนทรภู่เกิดได้ไม่นาน บิดามารดาก็หย่าจากกัน ฝ่ายบิดากลับไปบวชที่บ้านกร่ำ เมืองแกลง ส่วนมารดาคงเป็นนางนมพระธิดาในกรมพระราชวังหลัง (กล่าวกันว่าพระองค์เจ้าจงกล หรือเจ้าครอกทองอยู่) ได้แต่งงาน <br> มีสามีใหม่ และมีบุตรกับสามีใหม่ ๒ คนเป็นหญิง ชื่อฉิมและนิ่ม ตัวสุนทรภู่เองได้ถวายตัวเป็นข้าในกรมพระราชวังหลังตั้งแต่ยังเด็ก <br> <br> สุนทรภู่เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน สันทัดทั้งสักวาและเพลงยาว เมื่อรุ่นหนุ่มเกิดรักใคร่ชอบพอกับนางข้าหลวงในวังหลัง ชื่อแม่จัน ครั้นความทราบถึงกรมพระราชวังหลัง พระองค์ก็กริ้ว รับสั่งให้นำสุนทรภู่ และจันไปจองจำทันที แต่ทั้งสองถูกจองจำได้ไม่นาน เมื่อกรมพระราชวังหลังเสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. ๒๓๔๙ ทั้งสองก็พ้นโทษออกมา เพราะเป็นประเพณีแต่โบราณที่จะมีการปล่อยนักโทษ เพื่ออุทิศส่วนพระราชกุศลแด่ พระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ชั้นสูง เมื่อเสด็จสวรรคตหรือทิวงคตแล้ว แม้จะพ้นโทษ สุนทรภู่และจันก็ยังมิอาจสมหวังในรัก สุนทรภู่ถูกใช้ไปชลบุรี ดังความตอนหนึ่งใน นิราศเมืองแกลงว่า <br> <br> "จะกรวดน้ำคว่ำขันจนวันตาย แม้เจ้านายท่านไม่ใช้แล้วไม่มา" <br> แต่เจ้านายท่านใดใช้ไป และไปธุระเรื่องใดไม่ปรากฎ อย่างไรก็ดี สุนทรภู่ได้เดินทางเลยไปถึงบ้านกร่ำ เมืองแกลง จังหวัดระยอง เพื่อไปพบบิดาที่จากกันกว่า ๒๐ ปี สุนทรภู่เกิดล้มเจ็บหนักเกือบถึงชีวิต กว่าจะกลับมากรุงเทพฯ ก็ล่วงถึงเดือน ๙ ปี พ.ศ.๒๓๔๙ <br> <br> <br> วัยฉกรรจ์ (พ.ศ.๒๓๕๐ - ๒๓๕๙) อายุ ๒๑ - ๓๐ ปี <br> <br> หลังจากกลับจากเมืองแกลง สุนทรภู่ได้เป็นมหาดเล็กของพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ พระโอรสองค์เล็กของกรมพระราชวังหลัง ซึ่งทรงผนวชอยู่ที่วัดระฆัง ในช่วงนี้ สุนทรภู่ก็สมหวังในรัก ได้แม่จันเป็นภรรยา <br> <br> สุนทรภู่คงเป็นคนเจ้าชู้ แต่งงานได้ไม่นานก็เกิดระหองระแหงกับแม่จัน ยังไม่ทันคืนดี สุนทรภู่ก็ต้องตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการพระพุทธบาท จ.สระบุรี ในวันมาฆบูชา สุนทรภู่ได้แต่งนิราศเรื่องที่สองขึ้น คือ นิราศพระบาท สุนทรภู่ตามเสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ ในเดือน ๓ ปี พ.ศ.๒๓๕๐ สุนทรภู่มีบุตรกับแม่จัน ๑ คน ชื่อหนูพัด แต่ชีวิตครอบครัวก็ยังไม่ราบรื่นนัก ในที่สุดแม่จันก็ร้างลาไป พระองค์เจ้าจงกล (เจ้าครอกทองอยู่) ได้รับอุปการะหนูพัดไว้ ชีวิตของท่านสุนทรภู่ช่วงนี้คงโศกเศร้ามิใช่น้อย <br> <br> ประวัติชีวิตของสุนทรภู่ในช่วงปี พ.ศ.๒๓๕๐ - ๒๓๕๙ ก่อนเข้ารับราชการ ไม่ชัดแจ้ง แต่เชื่อว่าท่านหนีความเศร้าออกไปเพชรบุรี ทำไร่ทำนาอยู่กับหม่อมบุญนาคในพระราชวังหลัง ดังความตอนหนึ่งในนิราศเมืองเพชร ที่ท่านย้อนรำลึกความหลังสมัยหนุ่ม ว่า <br> <br> "ถึงต้นตาลบ้านคุณหม่อมบุญนาค มารดาเจ้าคราวพระวังหลังครรไล เมื่อยามยากจนมาได้อาศัย มาทำไร่ทำนาท่านการุญ" <br> นักเลงกลอนอย่างท่านสุนทรภู่ ทำไร่ทำนาอยู่นานก็ชักเบื่อ ด้วยเลือดนักกลอนทำให้ท่านกลับมากรุงเทพฯ หากินทางรับจ้างแต่งเพลงยาว บอกบทสักวา จนถึงบอกบทละครนอก บางทีนิทานเรื่องแรกของท่านคงจะแต่งขึ้นในช่วงนี้ การที่เกิดมีนิทานเรื่องใหม่ๆ ทำให้เป็นที่สนใจมาก เพราะสมัยนั้นมีแต่กลอนนิทานจักรๆ วงศ์ๆ ไม่กี่เรื่อง ซ้ำไปซ้ำมาจนคนอ่านคนดูรู้เรื่องตลอดหมดแล้ว <br> <br> นิทานของท่านทำให้นายบุญยัง เจ้าของคณะละครนอกชื่อดังในสมัยนั้นมาติดต่อว่าจ้างสุนทรภู่ ท่านจึงได้ร่วมคณะละคร เป็นทั้งคนแต่งบทและบอกบท เดินทางเร่ร่อนไปกับคณะละครจนทั่ว ดังตอนหนึ่งใน <br> นิราศสุพรรณคำโคลง ท่านรำลึกถึงครั้งเดินทางกับคณะละครว่า <br> " ๏ บางระมาดมิ่งมิตรครั้ง บอกบทบุญยังพยาน ประทุนประดิษฐาน แหวนประดับกับผ้า คราวงาน พยักหน้า แทนฮ่อง หอเอย พี่อ้างรางวัล " <br> <br> นิทานเรื่องสำคัญที่สุด คือ เรื่องพระอภัยมณี ก็น่าจะเริ่มแต่งในช่วงนี้ด้วย (เป็นแต่เริ่มแต่ง มิได้แต่งตลอดทั้งเรื่อง) นิทานเรื่องนี้แปลกแหวกแนวยิ่งกว่านิทานจักรๆ วงศ์ๆ เรื่องใดที่เคยมีมา ทำให้คณะละครนายบุญยังโด่งดังเป็นพลุ เป็นที่ต้องการของใครต่อใคร และแน่นอนชื่อเสียงของท่านสุนทรภู่ก็โด่งดังไปไม่แพ้กัน ทั่วทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองใกล้เคียง <br> <br> <br> รับราชการครั้งที่ ๑ (พ.ศ.๒๓๕๙ - ๒๓๖๗) อายุ ๓๐ - ๓๘ ปี <br> <br> พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเป็นมหากวีและทรงสนพระทัยเรื่องการละครเป็นอย่างยิ่ง ในรัชสมัยของพระองค์ได้กวดขันการฝึกหัดวิธีรำจนได้ที่ เป็นแบบอย่างของละครรำมาตราบทุกวันนี้ พระองค์ยังทรงพระราชนิพนธ์บทละครขึ้นใหม่อีกถึง ๗ เรื่อง มีเรื่องอิเหนาและเรื่องรามเกียรติ์ เป็นต้น <br> <br> มูลเหตุที่สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการ น่าจะเนื่องมาจากเรื่องละครนี้เอง ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับกรณีทอดบัตรสนเท่ห์ เพราะจากกรณีบัตรสนเท่ห์นั้น คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกประหารชีวิตถึง ๑๐ คน แม้แต่นายแหโขลน คนซื้อกระดาษดินสอ ก็ยังถูกประหารชีวิตด้วย มีหรือสุนทรภู่จะรอดชีวิตมาได้ นอกจากนี้สุนทรภู่เป็นแต่เพียงไพร่ มีชีวิตอยู่นอกวังหลวง ช่วงอายุก่อนหน้านี้ก็วนเวียนและเวียนใจอยู่กับเรื่อง ความรัก ที่ไหนจะมีเวลามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง (กรณีวิเคราะห์นี้ มิได้รับรองโดยนักประวัติศาสตร์ เป็นความเห็นของคุณปราโมทย์ ทัศนาสุวรรณ เขียนไว้ในหนังสือ "เที่ยวไปกับสุนทรภู่" ซึ่งเห็นว่ามูลเหตุที่สุนทรภู่ได้เข้า <br> รับราชการ น่าจะมาจากเรื่องละครมากกว่าเรื่องอื่น ซึ่งข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูก็เห็นน่าจะจริง ผิดถูกเช่นไรโปรดใช้วิจารณญาณ) <br> อย่างไรก็ดี สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการในปี พ.ศ.๒๓๕๙ ในกรมพระอาลักษณ์ เรื่องราวของกวีที่ปรึกษาท่านนี้ ที่ได้แสดงฝีมือเป็นที่พอพระทัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เล่าว่า <br> ครั้งหนึ่ง เมื่อพระองค์ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ถึงตอนนางสีดาผูกคอตาย บทพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๑ ซึ่งเล่นละครกันมา กล่าวบทนางสีดาตอนเมื่อจะผูกคอตายว่า <br> <br> "เอาภูษาผูกศอให้มั่น หลับเนตรจำนงปลงใจ แล้วพันกับกิ่งโศกใหญ่ อรไทก็โจนลงมา" <br> <br> ต่อนี้ถึงบทหนุมานว่า <br> "๏ บัดนั้น ครั้นเห็นองค์อัครกัลยา ตัวสั่นเพียงสิ้นชีวิต โลดโผนโจนลงตรงไป ครั้นถึงจึงแก้ภูษาทรง หย่อนลงยังพื้นปัถพี วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า ผูกศอโจนมาก็ตกใจ ร้อนจิตดังหนึ่งเพลิงไหม้ ด้วยกำลังว่องไวทันที (เชิด) ที่ผูกศอองค์พระลักษมี ขุนกระบี่ก็โจนลงมา" <br> <br> ทรงติว่าบทเก่าตรงนี้ กว่าหนุมานจะเข้าไปแก้ไขนางสีดา นางสีดาก็คงตายไปแล้ว จึงทรงพระราชนิพนธ์ตอนนี้ใหม่ หวังจะให้หนุมานเข้าไปช่วยนางสีดาได้โดยเร็ว ทรงแต่งบทนางสีดาว่า <br> <br> "จึงเอาผ้าผูกพันกระสันรัด เกี่ยวกระหวัดกับกิ่งโศกใหญ่" <br> แล้วก็เกิดขัดข้องว่า จะแต่งบทหนุมานอย่างไรให้แก้นางสีดาโดยเร็ว เหล่ากวีที่ปรึกษาไม่มีใคร สามารถแต่งบทให้พอพระราชหฤทัยได้ จึงโปรดให้สุนทรภู่ที่หมอบเฝ้าอยู่ด้วยลองแต่งดู <br> <br> สุนทรภู่แต่งต่อว่า <br> "ชายหนึ่งผูกศออรไท ๏ บัดนั้น แล้วทอดองค์ลงไปจะให้ตาย วายุบุตรแก้ได้ดังใจหมาย" ปรากฏว่าเป็นที่พอพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง ทรงยกย่องสุนทรภู่ว่าเก่ง <br> <br> อีกคราวหนึ่งเมื่อทรงพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ตอนศึกสิบขุนสิบรถ ทรงพระราชนิพนธ์บท <br> ชมรถทศกัณฐ์ว่า <br> <br> "๏ รถที่นั่ง กว้างยาวใหญ่เท่าเขาจักรวาล ดุมวงกงหันเป็นควันคว้าง สารถีขี่ขับเข้าดงแดน บุษบกบัลลังก์ตั้งตระหง่าน ยอดเยี่ยมเทียมวิมานเมืองแมน เทียมสิงห์วิ่งวางข้างละแสน พื้นแผ่นดินกระเด็นไปเป็นจุณ" <br> <br> ทรงพระราชนิพนธ์มาได้เพียงนี้ ทรงนึกความที่จะต่อไปอย่างไรให้สมกับที่รถใหญ่โตปานนั้นก็นึกไม่ออก จึงมีรับสั่งให้สุนทรภู่แต่งต่อ สุนทรภู่แต่งต่อว่า <br> <br> "นทีตีฟองนองระลอก เขาพระเมรุเอนเอียงอ่อนละมุน ทวยหาญโห่ร้องก้องกัมปนาท บดบังสุริยันตะวันเดือน กระฉอกกระฉ่อนชลข้นขุ่น อนนต์หนุนดินดานสะท้านสะเทือน สุธาวาสไหวหวั่นลั่นเลื่อน คลาดเคลื่อนจัตุรงค์ตรงมา" <br> <br> กลอนบทนี้เป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยยิ่งนัก นับแต่นั้นก็นับสุนทรภู่เป็นกวีที่ปรึกษาด้วยอีกคนหนึ่ง ทรงตั้งเป็นที่ขุนสุนทรโวหาร พระราชทานที่ให้ปลูกเรือนที่ท่าช้างและให้มีตำแหน่งเฝ้าฯ เป็นนิจ แม้เวลาเสด็จประพาสก็โปรดฯ ให้สุนทรภู่ลงเรือพระที่นั่งไปด้วย เป็นพนักงานอ่านเขียนในเวลาทรงพระราชนิพนธ์บทกลอน <br> <br> <br> ออกบวช (พ.ศ.๒๓๖๗ - ๒๓๘๕) อายุ ๓๘ - ๕๖ ปี <br> <br> วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๓๖๗ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต นอกจากแผ่นดินและผืนฟ้าจะร่ำไห้ ไพร่ธรรมดาคนหนึ่งที่มีโอกาสสูงสุดในชีวิตได้เป็นถึงกวีที่ปรึกษาในราชสำนักก็หมดวาสนาไปด้วย <br> <br> สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์ไว้ถึงเหตุที่สุนทรภู่ไม่กล้ารับราชการต่อในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ดังนี้ <br> <br> "เล่ากันว่า เมื่อทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องอิเหนา ทรงแต่งตอนนางบุษบาเล่นธาร เมื่อท้าวดาหาไปใช้บน พระราชทานให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังดำรงพระยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงแต่ง <br> <br> "เมื่อทรงแต่งแล้ว ถึงวันจะอ่านถวายตัว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งวานสุนทรภู่ตรวจดูเสียก่อน สุนทรภู่อ่านแล้วกราบทูลว่า เห็นดีอยู่แล้ว ครั้นเสด็จออก เมื่อโปรดให้อ่านต่อหน้ากวีที่ทรง <br> ปรึกษาพร้อมกัน ถึงบทแห่งหนึ่งว่า <br> <br> " 'น้ำใสไหลเย็นแลเห็นตัว ปลาแหวกกอบัวอยู่ไหวไหว' <br> <br> "สุนทรภู่ติว่ายังไม่ดี ขอแก้เป็น <br> " 'น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ว่ายแหวกปทุมาอยู่ไหวไหว' <br> <br> "โปรดตามที่สุนทรภู่แก้ พอเสด็จขึ้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวก็กริ้ว ดำรัสว่า เมื่อขอให้ตรวจทำไมจึงไม่แก้ไข แกล้งนิ่งเอาไปไว้ติหักหน้ากลางคัน เป็นเรื่องที่ทรงขัดเคืองสุนทรภู่ครั้งหนึ่ง <br> <br> "อีกครั้งหนึ่ง รับสั่งให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแต่งบทละครเรื่องสังข์ทอง ตอน ท้าวสามลจะให้ลูกสาวเลือกคู่ ทรงแต่งคำปรารภของท้าวสามลว่า <br> <br> " 'จำจะปลูกฝังเสียยังแล้ว ให้ลูกแก้วสมมาดปรารถนา' <br> <br> "ครั้นถึงเวลาอ่านถวาย สุนทรภู่ถามขึ้นว่า 'ลูกปรารถนาอะไร' พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวต้องแก้ว่า <br> <br> " 'จำจะปลูกฝังเสียยังแล้ว ให้ลูกแก้วมีคู่เสน่หา' <br> <br> "ทรงขัดเคืองสุนทรภู่ว่าแกล้งประมาทอีกครั้งหนึ่ง แต่นั้นก็ว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมึนตึงต่อสุนทรภู่มาจนตลอดรัชกาลที่ ๒ ... " จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพียงคิดได้ด้วยเฉพาะหน้าตรงนั้นก็ตาม สุนทรภู่ก็ได้ทำการไม่เป็นที่พอพระราชหฤทัย ประกอบกับความอาลัยเสียใจหนักหนาในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สุนทรภู่จึงลาออกจากราชการ และตั้งใจบวชเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณ สุนทรภู่ได้เผยความในใจนี้ ในตอนหนึ่ง <br> ของนิราศภูเขาทอง ว่า <br> <br> "จะสร้างพรตอตส่าห์ส่งบุญถวาย เป็นสิ่งของฉลองคุณมุลิกา ประพฤติฝ่ายสมถะทั้งวสา ขอเป็นข้าเคียงพระบาททุกชาติไป" <br> เมื่อบวชแล้ว ท่านได้ออกจาริกแสวงบุญไปยังที่ต่างๆ เล่ากันว่า ท่านได้เดินทางไปยังหัวเมืองต่างๆหลายแห่ง เช่น เมืองพิษณุโลก เมืองประจวบคีรีขันธ์ จนถึงเมืองถลางหรือภูเก็ต และเชื่อกันว่า ท่านคงจะเขียนนิราศเมืองต่างๆ นี้ไว้อย่างแน่นอน เพียงแต่ยังค้นหาต้นฉบับไม่พบ <br> <br> ราวปี พ.ศ.๒๓๗๐ ท่านก็กลับมาจำพรรษาที่วัดราชบูรณะ หรือวัดเลียบ แต่หลังจากกลับมาอยู่ได้ไม่นานสุนทรภู่เกิดอธิกรณ์กับพระในวัด อาจด้วยเหตุทะเลาะวิวาทอย่างใดอย่างหนึ่ง (บางแห่งสันนิษฐานว่าท่านเมาสุรา) จึงถูกขับออกจากวัด เมื่อรับกฐินในปลายปี พ.ศ.๒๓๗๑ ท่านก็ออกเดินทางไปกรุงเก่า และได้แต่งนิราศภูเขาทอง อันเป็นนิราศเรื่องเยี่ยมที่สุดของท่าน และเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของวงการกวีไทย เหตุที่คาดว่าท่าน เกิดการวิวาทกับพระในวัด ด้วยความตอนหนึ่งในนิราศภูเขาทองกล่าวว่า "โอ้อาวาสราชบูรณะพระวิหาร เหลือรำลึกนึกน่าน้ำตากระเด็น จะหยิบยกอธิบดีเป็นที่ตั้ง จึ่งจำลาอาวาสนิราศร้าง แต่นี้นานนับทิวาจะมาเห็น เพราะขุกเข็ญคนพาลมารานทาง ก็ใช้ถังแทน+++เห็นขัดขวาง มาอ้างว้างวิญญาในสาคร" เมื่อกลับจากกรุงเก่า พระสุนทรภู่ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดอรุณราชวราราม หรือวัดแจ้ง ปี พ.ศ.๒๓๗๒ เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงฝากเจ้าฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว พระโอรส องค์กลางและองค์น้อยให้เป็นศิษย์สุนทรภู่ การมีศิษย์ชั้นเจ้าฟ้าเช่นนี้จึงทำให้พระสุนทรภู่สุขสบายขึ้น พระสุนทรภู่อยู่วัดอรุณฯ ราว ๒ ปี จึงข้ามฟากมาจำพรรษาอยู่ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือ วัดโพธิ์ เล่ากันถึงสาเหตุที่พระสุนทรภู่ย้ายวัดมา ก็เพราะสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงชักชวนให้มาอยู่ด้วยกัน สมเด็จฯ ทรงเป็นกวีองค์สำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์พระองค์หนึ่ง เชื่อว่าคงจะทรงคุ้นเคยกับสุนทรภู่ในฐานะที่เป็นกวีด้วยกัน โดยเฉพาะสมัยที่สุนทรภู่เป็นขุนสุนทรโวหารในรัชกาลที่ ๒ ชีพจรลงเท้าสุนทรภู่อีกครั้ง เมื่อท่านเกิดไปสนใจเรื่องเล่นแร่แปรธาตุและยาอายุวัฒนะ ถึงแก่อุตสาหะ ไปค้นหา ทำให้เกิดนิราศวัดเจ้าฟ้า และนิราศสุพรรณ ปี พ.ศ.๒๓๘๓ สุนทรภู่มาจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม ท่านอยู่ที่นี่ได้ ๓ พรรษา คืนหนึ่งเกิดฝันร้าย ว่าชะตาขาด จะถึงแก่ชีวิต จึงได้แต่งเรื่องรำพันพิลาป ซึ่งทำให้ทราบเรื่องราวในชีวิตของท่านอีกเป็นอันมาก จากนั้นจึงลาสิกขาบทเมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๕ เพื่อเตรียมตัวจะตาย <br> <br> <br> รับราชการครั้งที่ ๒ (พ.ศ.๒๓๘๕ - ๒๓๙๘) อายุ ๕๖ - ๖๙ ปี <br> <br> เมื่อสึกออกมา สุนทรภู่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งทรงพระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ โปรดอุปถัมภ์ให้สุนทรภู่ไปอยู่พระราชวังเดิมด้วย ต่อมา กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ทรงพระเมตตาอุปการะสุนทรภู่ด้วย กล่าวกันว่า ชอบพระราชหฤทัยในเรื่องพระอภัยมณี จึงมีรับสั่งให้สุนทรภู่แต่งต่อ นอกจากนี้ สุนทรภู่ยังแต่งเรื่องสิงหไตรภพถวายกรมหมื่น อัปสรฯ อีกเรื่องหนึ่ง <br> <br> แม้สุนทรภู่จะอายุมากแล้ว แต่ท่านก็ยังรักการเดินทางและรักกลอนเป็นที่สุด ท่านได้แต่งนิราศไว้อีก ๒ เรื่องคือนิราศพระประธม และนิราศเมืองเพชร สุนทรภู่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระสุนทรโวหาร" ในปี พศ.๒๓๙๔ ขณะที่ท่านมีอายุ ได้ ๖๕ ปีแล้ว ท่านถึงแก่อนิจกรรมเมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๘ รวมอายุได้ ๖๙ ปี
23 Jun 2006 | Comment by :
PrincessAngel
|
Greenforst ชั้นเก็บหนังสือบนโต๊ะ จัดระเบียบบนโต๊ะทำงาน ประหยัดพื้นที่
สั่งซื้อ https://shope.ee/2ApaFLMwzPราคา 175 บาท
Pinkflash Ohmywink มาสคาร่า กันน้ำ ติดทนนาน
สั่งซื้อ https://shope.ee/1Ax33eMz5iราคา 35 บาท
ราวแขวนเสื้ออเนกประสงค์ ตากผ้าอเนกประสงค์ พร้อมราวแขวนเสื้อ เเขวนหมวกเสื้อโค้ทมีล้อเคลื่อนที่สะดวก
สั่งซื้อ https://shope.ee/40HUHWiaOjราคา 129 บาท
SB Design Square โต๊ะข้างไม้ล้วน รุ่น LENA สีไม้อ่อน
สั่งซื้อ https://shope.ee/6fIGQSe2qpราคา 270 บาท
โต๊ะบาร์ไม้ยางพาราTopขาว (เฉพาะโต๊ะ)
สั่งซื้อ https://shope.ee/6UyirERRsVราคา 1259 บาท
Super auto เลนส์ uv99% แว่นกรองแสงแว่นสายตาสั้น แว่นตาป้องกันรังสียูวี
สั่งซื้อ https://shope.ee/VhNbLhEPdราคา 85 บาท
กล่องเก็บข้าวสาร01 กดใช้ง่าย ใช้งานสะดวก ถังเก็บข้าวสารมินิมอล ไซซ์ L
สั่งซื้อ https://shope.ee/30Oqg59wYOราคา 369 บาท
กระถางต้นไม้พลาสติก รูปสัตว์ ขนาด 24x18 ซม. สําหรับตกแต่งบ้าน และสวน
สั่งซื้อ https://shope.ee/1AxvEQYkW3ราคา 172 บาท
สีไม้คอลลีน (Colleen) สีไม้ สีไม้colleen ดินสอสี ดินสอสีไม้ 12/24/36/48/60สี ของแท้ 100%
สั่งซื้อ https://shope.ee/9Ucbz0GzvWราคา 55 บาท
ตะกร้าล้างผัก สองชั้น ระบายน้ำได้ แยกชั้นใช้งานได้สะดวก
สั่งซื้อ https://shope.ee/2L96GuFz05ราคา 10 บาท
ICHITAN เย็นเย็น น้ำเก๊กฮวยผสมน้ำผึ้ง 1 ลัง (24 ขวด)
สั่งซื้อ https://shope.ee/5piyruWmtcราคา 330 บาท
โต๊ะทํางาน โต๊ะทำงานไม้ พร้อมชั้นวางหนังสือ โต๊ะเรียน โต๊ะคอมพิวเตอร์ โต๊ะไม้ 4 ชั้น ชั้นวางหนังสือ โต๊ะเขียนหนังสือ
สั่งซื้อ https://shope.ee/99zSImHbe7ราคา 759 บาท