มะเร็งปากมดลูกหมายถึงก้อนเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นบริเวณมดลูก
ช่องคลอด และช่องปากมดลูก มะเร็งปากมดลูกมักจะเกิดในหญิงอายุประมาณ 50 ปี
โดยผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกจำนวนมากจะเป็นผู้หญิงที่แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย
ตั้งครรภ์เร็ว คลอดบุตรหลายครั้ง และผู้ที่ติดเชื้อไวรัส HPV แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้
โรคมะเร็งปากมดลูกมีแนวโน้มที่จะเกิดกับหญิงที่อายุยังน้อยได้อีกด้วย ดังนั้นการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะช่วยไม่ให้เราเป็นมะเร็งปากมดลูกได้
โดยวัคซีน HPV เป็นวัคซีนที่ช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูก
ผลิตจากโปรตีนที่เปลือกหุ้มเชื้อไวรัส ปัจจุบันนิยมนำมาใช้มีอยู่ 3 ชนิดด้วยกันดังนี้
·
ชนิดที่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 2
สายพันธุ์ (สายพันธุ์ที่ 16 และ 18) ชื่อการค้า
Cervarix ป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 70%
·
ชนิด 4 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ที่ 6, 11, 16
และ 18) มีชื่อการค้าว่า Gardasil ป้องกันมะเร็งปากมดลูก
และหูดที่อวัยวะเพศ
·
ชนิด 9 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ที่ 6, 11, 16, 18, 31, 33, 45, 52
และ 58) ชื่อการค้า Gardasil 9 องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) เพิ่งรับรองประสิทธิภาพวัคซีนตัวนี้
โดยสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกและหูดได้ประมาณ 90%
รวมทั้งป้องกันมะเร็งทวารหนักได้ประมาณ 80%
การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกต้องฉีดทั้งหมด
3 เข็มภายในระยะเวลา 6 เดือน คือ ครั้งที่
1 ให้ฉีดตามที่กำหนด , ครั้งที่
2 ห่างจากครั้งแรก 1-2 เดือน , ครั้งที่
3 ห่างจากเข็มแรกประมาณ 6 เดือน โดยช่วงอายุที่ดีที่เหมาะกับการฉีดวัคซีน คือให้ฉีดก่อนถึงวัยที่จะมีเพศสัมพันธ์
เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และโรคที่จะเกิดตามมาได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ซึ่งองค์การอาหารและยาของอเมริกาได้แนะนำให้เริ่มฉีดเมื่ออายุประมาณ 11-12 ปี
แต่อาจจะฉีดเมื่ออายุ 9 ขวบก็ได้
เนื่องจากเด็กจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้มีการศึกษาพบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ HPV ในช่วงอายุ
9-26 ปีได้เป็นอย่างดีค่ะ
#วัคซีนมะเร็งปากมดลูก