BUNYA DEVA

ปัสสาวะเล็ด สัญญาณเตือนของอาการที่คุณผู้หญิงไม่ควรมองข้าม

ปัสสาวะเล็ดในผู้หญิง สาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาอย่างไร?


ปัสสาวะเล็ด

อาการปัสสาวะเล็ดหรือปัสสาวะซึม เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ การปรึกษาแพทย์เพื่อรับวินิจฉัยที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ปัสสาวะเล็ดเป็นภาวะที่มักเกิดจากกล้ามเนื้อในระบบปัสสาวะอ่อนแรงหรือทำงานไม่ถูกต้อง สามารถเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การตั้งครรภ์ การคลอดบุตร ความอ้วน การอายุมากขึ้น หรือปัญหาทางสุขภาพอื่น ๆ การรักษาปัสสาวะเล็ดสามารถทำได้หลายวิธี มาทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะที่ทำให้ใครหลายคนรู้สึกกังวลได้ในบทความนี้


ปัสสาวะเล็ด คืออะไร 

อาการช้ำรั่ว (Urinary Incontinence) เป็นอาการที่ปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ทำให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ตั้งใจ อาจเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย แต่พบบ่อยในผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้น

ปัญหาปัสสาวะเล็ดสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทหลักๆ ดังนี้

1. Stress Incontinence (ปัสสาวะเล็ดเมื่อมีแรงดัน) เกิดขึ้นเมื่อมีแรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้นจากการออกกำลังกาย หัวเราะ ยกของหนัก ไอ จาม ทำให้กล้ามเนื้อที่ควบคุมปัสสาวะไม่สามารถทำงานได้เต็มที่

2. Urge Incontinence (ปัสสาวะเล็ดเมื่อมีความรู้สึกปวดปัสสาวะอย่างกะทันหัน) เกิดขึ้นเมื่อมีความรู้สึกปวดปัสสาวะอย่างฉับพลันและรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมได้ มักเกิดจากการทำงานผิดปกติของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ

3. Overflow Incontinence (ปัสสาวะล้น) เกิดขึ้นเมื่อกระเพาะปัสสาวะไม่สามารถขับปัสสาวะออกได้หมด ทำให้มีการเล็ดของปัสสาวะออกมาอย่างต่อเนื่อง ปัสสาวะเล็ดมักเกิดจากการอุดตันหรือกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแอ

4. Functional Incontinence (ปัสสาวะเล็ดเนื่องจากการทำงานผิดปกติ) เกิดจากปัจจัยภายนอกเช่น ความสามารถในการเคลื่อนไหวจำกัด หรือปัญหาทางสุขภาพที่ทำให้ไม่สามารถไปห้องน้ำได้ทันเวลา

5. Mixed Incontinence (ปัสสาวะเล็ดแบบผสม) เกิดขึ้นเมื่อมีอาการของปัสสาวะเล็ดมากกว่าหนึ่งประเภทในคนเดียวกัน มักพบว่ามีอาการทั้ง stress และ urge incontinence


ปัสสาวะเล็ด ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับใคร

ปัสสาวะเล็ด เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัยแต่มักพบได้บ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะปัสสาวะเล็ดในช่วงอายุผู้หญิงที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งแต่สาเหตุที่ผู้หญิงเกิดภาวะปัสสาวะเล็ดได้ง่ายเนื่องจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง การติดเชื้อในทางเดินปัสสาว ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด อาจทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้รับบาดเจ็บและอ่อนแอลงได้


ปัสสาวะเล็ด สาเหตุเกิดจากอะไร

ปัสสาวะเล็ด สาเหตุ

สาเหตุของปัสสาวะเล็ดมีหลายประการ ดังนี้

●  กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ: กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานทำหน้าที่พยุงอวัยวะภายในอุ้งเชิงกราน เมื่อกล้ามเนื้ออ่อนแอ อวัยวะเหล่านี้ เช่น กระเพาะปัสสาวะ อาจจะหย่อนตัวลง ทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีแรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น เช่น ไอ จาม หัวเราะ ยกของหนัก
●  การคลอดบุตร: การคลอดบุตร โดยเฉพาะการคลอดลูกใหญ่ คลอดลูกแฝด หรือการคลอดผ่านช่องคลอดเป็นเวลานาน อาจทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอลง
●  น้ำหนักตัวมาก: น้ำหนักตัวที่มากขึ้น จะเพิ่มแรงดันในช่องท้อง ส่งผลต่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
●  วัยทอง: ฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนลดลงในวัยทอง ส่งผลต่อกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อในอุ้งเชิงกราน ทำให้อ่อนแอลง
●  โรคบางชนิด: โรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคพาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง โรคทางระบบประสาท
●  ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยานอนหลับ
●  การผ่าตัด: การผ่าตัดในบริเวณอุ้งเชิงกราน เช่น การผ่าตัดมดลูก การผ่าตัดต่อมลูกหมาก


เช็คอาการปัสสาวะเล็ดเป็นอย่างไร

อาการของปัสสาวะเล็ด (Urinary Incontinence) มีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไปแล้ว อาการที่พบบ่อยมีดังนี้

ปัสสาวะเล็ดขณะออกแรง 

●  ปัสสาวะเล็ดออกมาเมื่อมีแรงกระทำในช่องท้องเพิ่มขึ้น เช่น หัวเราะ ยกของหนัก ไอ จาม ปัสสาวะเล็ดจึงไม่สามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่
●  มักเกิดขึ้นในผู้หญิงที่มีกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ หลังคลอดบุตร หรือผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้น
●  อาจจะปัสสาวะเล็ดเป็นหยดๆ หรือเปียกชุ่มไปทั้งกางเกง

ปัสสาวะเล็ดทันทีเมื่อปวดปัสสาวะ

●  รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยและกลั้นไม่อยู่
●  มักเกิดขึ้นพร้อมกับอาการปวดท้องน้อย หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรค้างอยู่ในช่องคลอด (ผู้หญิง)
●  อาจจะปัสสาวะเล็ดก่อนที่จะไปถึงห้องน้ำ

ปัสสาวะเล็ดทั้งขณะออกแรงและทันทีเมื่อปวดปัสสาวะ 

●  เกิดจากสาเหตุทั้งสองประเภท
●  อาจจะปัสสาวะเล็ดเป็นหยดๆ หรือเปียกชุ่มไปทั้งกางเกง

ปัสสาวะเล็ดตลอดเวลาเนื่องจากมีปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะ 

●  เกิดจากกระเพาะปัสสาวะไม่สามารถบีบตัวขับปัสสาวะออกมาได้หมด
●  มักเกิดในผู้ที่มีปัญหาทางระบบประสาท หรือผู้ที่มีการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ
●  ปัสสาวะเล็ดออกมาตลอดเวลา ไม่สามารถควบคุมได้


ปัสสาวะเล็ด รักษาได้โดยวิธีใดบ้าง?

ปัสสาวะเล็ดรักษาอย่างไร? วิธีแก้ปัสสาวะเล็ดขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ

1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการฝึกกล้ามเนื้อ

●  การฝึกกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Kegel exercises): ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ช่วยควบคุมปัสสาวะ
●  การฝึกกระเพาะปัสสาวะ (Bladder training): การกำหนดเวลาในการปัสสาวะเพื่อเพิ่มความจุของกระเพาะปัสสาวะ

2. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต

●  ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์
●  หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากๆ ก่อนนอน เพื่อหลีกเลี่ยงอาการปัสสาวะเล็ดตอนนอน
●  ควบคุมน้ำหนักเพื่อหลีกเลี่ยงความดันที่เพิ่มขึ้นในช่องท้อง

3. การใช้ยาแก้ปัสสาวะเล็ด

●  ยาบางชนิดสามารถช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะหรือเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ควบคุมปัสสาวะ

4. การใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยเหลือ

●  แผ่นซับปัสสาวะหรือผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่
●  อุปกรณ์ช่วยเช่น pessary สำหรับผู้หญิง

5. การทำกายภาพบำบัด

●  การทำกายภาพบำบัดสำหรับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน

6. การผ่าตัด

●  ในกรณีที่การรักษาปัสสาวะเล็ดอื่นๆ ไม่ได้ผล การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือก เช่น การใส่สายคาดใต้ท่อปัสสาวะ (sling procedure) หรือการผ่าตัดแก้ไขตำแหน่งกระเพาะปัสสาวะ

7. การใช้เทคนิคทางการแพทย์อื่นๆ

●  การใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การฉีดสารเติมเต็ม (bulking agents) เข้าไปในท่อปัสสาวะเพื่อเพิ่มความดันหรือการใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อ


สรุปปัสสาวะเล็ด

ปัสสาวะเล็ด ไม่ได้เป็นภาวะที่น่าอาย และสามารถรักษาให้หายขาดได้ การรักษาและการจัดการอาการปัสสาวะเล็ดขึ้นอยู่กับประเภทของอาการและความรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสม




Pooyingnaka Wellness

Popular Blog
  |  Post by : mr.oohoo
  |  Post by : benznaka
  |  Post by : lovetoread
  |  Post by : ADMEADME
  |  Post by : ririnana
  |  Post by : nemophilanie
  |  Post by : nemophilanie
  |  Post by : benznaka

สมัครเพื่อรับข่าวสาร

* indicates required

Intuit Mailchimp