สำหรับผู้หญิงที่ตั้งท้องคงมีหลายคนที่เป็นกังวลเมื่อใกล้ถึงเวลาต้องคลอด
กังวลถึงเรื่องต่าง ๆ ในการคลอดลูก เพราะการคลอดลูกนั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นอันตรายกับแม่
รวมถึงเด็กได้ ดังนั้นจึงต้องนำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วยอย่างเช่น การผ่าคลอด
เป็นต้น ซึ่งในการผ่าคลอดนั้นสามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับแม่
และเด็กได้ ในปัจจุบันนี้การผ่าคลอดจัดว่ามีความปลอดภัยสูงมาก
มีอัตราการเสียชีวิตจากการคลอดบุตรก็ต่ำมากด้วย
แต่ก็มีข้อเสียตรงที่คุณแม่จะเจ็บแผลผ่าคลอดและใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าการคลอดแบบธรรมชาติ
ซึ่งโดยปกติแพทย์มักจะกำหนดวันล่วงหน้า หรือในบางกรณีอาจไม่ได้วางแผน
แต่เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างทำคลอดธรรมชาติทำให้ต้องผ่าคลอดฉุกเฉินได้เช่นกันค่ะ
โดยในการใช้การผ่าคลอดนั้นจะแบ่งออกเป็น 2
กรณีใหญ่ ๆ ดังนี้
1.การผ่าคลอด แบบวางแผนมาก่อน
การผ่าคลอดเป็นทางเลือกที่แพทย์แนะนำเมื่อคุณแม่มีความเสี่ยงที่จะคลอดเองไม่ได้
เช่น ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของคุณแม่หรือเด็ก
หรือลักษณะอาการผิดปกติของเด็กที่แพทย์ผู้ดูแลพบจากการอัลตร้าซาวด์และการตรวจอื่น
ๆ ในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้เห็นเหตุจำเป็นที่ต้องกำหนดวันผ่าคลอด
โดยปกติการผ่าคลอดจะมีสาเหตุจากหลายข้อ มีดังนี้
• ทารกอยู่ในภาวะวิกฤต ต้องผ่าคลอดออกมาโดยเร็ว
• คุณแม่มีความเสี่ยงสูง เช่น มดลูกบีบตัวรุนแรง
หรือมดลูกลอกตัวเร็ว หรือป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกระหว่างคลอด เช่น
เชื้อไวรัส HIV โรคตับอักเสบ หรือโรคเริมที่อวัยวะเพศ
• คุณแม่สุขภาพไม่ดี ไม่สามารถคลอดเองตามธรรมชาติ
• ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น เอาส่วนเท้าออกมา
หรือนอนขวางหันด้านข้างออกจนเด็กไม่สามารถหมุนตัวกลับเองได้ ทำให้คลอดธรรมชาติไม่ได้
• เป็นท้องแฝด 3
คนขึ้นไป หรือคุณแม่เคยท้องและคลอดแฝดสองมาก่อนก็จำเป็นจะต้องผ่าคลอดเช่นกันค่ะ
• หากคุณแม่เคยผ่าคลอดมาก่อน หรือเคยผ่าตัดมดลูก
การคลอดธรรมชาติอาจเกิดอันตรายได้ค่ะ
2.การผ่าคลอดแบบฉุกเฉิน
คุณแม่บางคนต้องผ่าตัดคลอดแบบฉุกเฉินเมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนกะทันหัน
จำเป็นต้องรีบผ่าคลอดออกมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน
เพื่อไม่ให้คุณแม่และลูกน้อยได้รับอันตราย ข้อบ่งชี้ที่จำเป็นต้องผ่าคลอดฉุกเฉิน
มีดังนี้
• ทารกมีอาการไม่ดี เกิดความผิดปกติระหว่างคลอดธรรมชาติ
แพทย์จำเป็นต้องผ่าคลอดเร่งด่วน
• คุณแม่มีภาวะวิกฤตระหว่างคลอด เช่น
ความดันโลหิตสูงมาก อ่อนเพลียมาก มีอาการเกร็งชักหรือความผิดปกติอื่น ๆ
ทำให้คลอดเองตามธรรมชาติไม่สำเร็จ
• มีภาวะแทรกซ้อน เช่น สายสะดือย้อย
รกพันคอของทารก หรือมดลูกแตก พบได้น้อยแต่อันตรายมากนะคะ
กรณีนี้จะต้องผ่าคลอดเร่งด่วน
• ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ
ทำให้คลอดแบบธรรมชาติได้ยาก เสี่ยงอันตรายทั้งตัวคุณแม่และลูกน้อยเลยค่ะ
• การคลอดใช้ระยะเวลานานเกินไป
มีแนวโน้มจะคลอดเองตามธรรมชาติไม่สำเร็จ
• การใช้ยาเร่งคลอดผิดพลาด
การผ่าคลอดเป็นการผ่าตัดแบบฉุกเฉิน
หรือต้องทำการวางแผนล่วงหน้า และมักเป็นตัวเลือกหลัง ๆ
หากผู้เป็นแม่สามารถคลอดด้วยวิธีธรรมชาติได้
แต่ในบางกรณีก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตอนนั้น ๆ ด้วย โดยผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการผ่าคลอดได้แก่
มารดาที่มีภาวะสุขภาพที่เป็นอันตราย หรือร่างกายไม่พร้อมในการผ่าตัด
#ผ่าคลอด