Rolex Lady-Datejust นาฬิกาที่เป็นมากกว่าเรือนเวลาของสุภาพสตรี

ฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว เปลี่ยนฟันเหลือง เป็นฟันสวย ดีไหม? ราคาเท่าไหร่?

ปัญหาฟันเหลือง เป็นสิ่งหนึ่งที่พบได้บ่อยและมักจะคอยกวนใจใครหลายๆคนเป็นอย่างมาก เพราะมันไม่ใช่แค่ทำให้เราไม่มั่นใจในรอยยิ้มเท่านั้น เเต่ยังส่งผลไปจนถึงบุคลิกภาพ สัมพันธภาพที่มีกับบุคคลอื่นๆอีกด้วย แล้วจะดีกว่าไหมหากเราจะมีตัวช่วยดีๆ อย่าง “การฟอกสีฟัน” ที่จะมาเปลี่ยนฟันเหลืองของคุณให้กลับไปเป็นฟันสวยมั่นใจอีกครั้ง ด้วยวิธีการฟอกฟันขาว ฉะนั้น บทความนี้จะมาเจาะลึกเรื่องการฟอกสีฟัน ไม่ว่าจะเป็นการฟอกฟันขาวทำอย่างไร? เหมาะกับใครบ้าง? ที่ไหนดี? และอีกมากมาย เพื่อทำให้ทุกคนเข้าใจถึงเรื่องการฟอกสีฟันให้มากขึ้น ก่อนเข้ารับบริการกับคลินิกทันตกรรมนั่นเอง  

ฟอกฟันขาวที่ไหนดี
 
 

ฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว คืออะไร

ฟอกสีฟัน หรือ ฟอกฟันขาว (Teeth Whitening) คือ หนึ่งในวิธีการที่ทำให้ปัญหาฟันเหลือง ฟันคล้ำ กลับมาเป็นฟันที่ขาวสะอาดขึ้นได้ โดยการใช้น้ำยาฟอกสีฟันเข้าไปทำปฏิกิริยา ปรับผลึกเม็ดสีในชั้นเนื้อฟัน เมื่อเม็ดสีจางลง ก็จะทำให้ฟันกลับมาดูขาวขึ้น ซึ่งวิธีการฟอกฟันขาวนี้จะไม่ทำร้ายชั้นผิวเคลือบฟัน

 

สาเหตุของฟันเหลือง

ในความเป็นจริงแล้ว การที่ฟันมีการเปลี่ยนแปลงเป็นฟันเหลือง ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้
  1. ปัจจัยภายนอก ได้แก่ พฤติกรรมการใช้ชีวิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ หรือการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม ประเภท ชา กาแฟ น้ำอัดลม จนทำให้มีคราบสีมาเกาะที่บริเวณผิวฟัน
  2. ปัจจัยภายใน เช่น อายุ กรรมพันธุ์ การสะสมของสารมีสีในเนื้อฟัน หรือมีการรับประทานยาTetracycline ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะที่ระงับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในขณะสร้างฟันหรือฟันตาย
 

ประเภทของการฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว

การฟอกสีฟัน หรือการฟอกฟันขาว ที่มักได้รับความนิยมในคลินิกทันตกรรม มีอยู่ 3 รูปแบบ ได้แก่

 

1. การฟอกสีฟันด้วยแสงเย็น Cool light

การฟอกสีฟันด้วยแสงเย็น Cool light คือ การนำน้ำยาฟอกสีฟันทาลงบนผิวฟัน จากนั้นใช้ระบบแสง LED เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟัน เมื่อเม็ดสีฟันแตกตัว ก็จะทำให้ฟันดูขาวสว่างขึ้น 
 
ข้อดีของการฟอกสีฟันด้วยแสงเย็น Cool light

- สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังจากทำการฟอกสีฟันเสร็จ
  • - ในการฟอกสีฟัน 1 ครั้ง สามารถทำให้ฟันดูขาวขึ้นได้ 3 - 4 ระดับขึ้นไป
  • - ใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน โดยระยะเวลาขึ้นอยู่กับระดับสีฟันในตอนแรกเริ่ม
  • - ค่าใช้จ่ายค่อนข้างถูก ปลอดภัย

ข้อเสียของการฟอกสีฟันด้วยแสงเย็น Cool light

  • - เนื่องจากระบบแสง LED มีความเข้มข้นสูง อาจเกิดการระคายเคืองเนื้อเยื่อในช่องปากได้
  • - หลังจากฟอกสีฟันเรียบร้อยแล้ว อาจมีอาการเสียวฟันเล็กน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาการจะค่อยๆดีขึ้นจนหายเป็นปกติเอง
  • - สีฟันขาวจะสามารถคงอยู่ได้ในระยะเวลา 6 - 12 เดือน

2. การฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์

การฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์ คือ การนำแสงเลเซอร์ไดโอด (LD) ซึ่งมีความร้อนต่ำ มีความยาวคลื่นเฉพาะตัว เข้ามาใช้ เพื่อช่วยกระตุ้นสารฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูงให้เกิดปฏิกิริยาการแตกตัวของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) ซึ่งเป็นส่วนผสมหนึ่งของน้ำยาฟอกสีฟัน ทำให้สารสามารถแทรกผ่านไปยังเนื้อฟันได้ และเพื่อให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้น 

ข้อดีของการฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์

  • - สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
  • - ได้รับการรับรองแล้วว่ามีความปลอดภัย
  • - เลเซอร์สามารถฟอกสีฟันซ้ำในแต่ละซี่ได้ ในกรณีมีฟันที่สีไม่เหมือนกับฟันข้างเคียง

ข้อเสียของการฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์

  • - ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
  • - อาจมีอาการเสียวฟันหลังจากทำการฟอกสีฟันเสร็จ แต่อาการจะสามารถดีขึ้นจนหายเองได้
  • - อาจมีการระคายเคืองเนื้อเยื่อในช่องปากเล็กน้อย

3. การฟอกสีฟันแบบ Zoom

การฟอกสีฟันแบบ Zoom คือ เทคโนโลยีที่มีการผสานกันระหว่างการใช้แสงสีฟ้า และการใช้ความร้อนต่ำในการกระตุ้นประสิทธิภาพของน้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง เมื่อเกิดการแตกตัวของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) สารจะสามารถแทรกตัวเข้าไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีที่อยู่บนชั้นเนื้อฟัน ทำให้ฟันขาวขึ้น 

ข้อดีของการฟอกสีฟันแบบ Zoom

  • - มีอาการเสียวฟันหลังจากทำการฟอกสีฟันน้อยกว่ารูปแบบอื่นๆ
  • - สามารถเห็นผลลัพธ์หลังจากฟอกสีฟันเสร็จได้ในทันที โดยฟันจะขาวขึ้น 3 - 8 ระดับ
  • - มีความปลอดภัย เนื่องจากต้องทำการฟอกสีฟันรูปแบบนี้กับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
  • - เหมาะกับบุคคลที่ไม่ต้องการฟอกสีฟันซ้ำหลายครั้ง

ข้อเสียของการฟอกสีฟันแบบ Zoom

  • - ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
 

ฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว เหมาะกับใคร

เคลือบฟันขาว

การฟอกสีฟัน หรือ การฟอกฟันขาว เหมาะกับ..

  • - ผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ บุคลิกภาพ
  • - บุคคลที่มีหน้าที่การงานเกี่ยวกับการสื่อสาร เจรจา
  • - บุคคลที่มีปัญหาเกี่ยวกับสีฟัน เช่น ฟันคล้ำ ฟันเหลือง
  • - ผู้ที่อยากมีความมั่นใจในสีฟันเพิ่มมากขึ้น
  • - ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือ ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มสีเข้มเป็นประจำ
  • - คนที่ใช้ยาปฏิชีวนะ เนื่องจากยาบางตัวอาจส่งผลต่อกระดูกและฟัน
 

ฟอกสีฟัน กับ วีเนียร์ แตกต่างกันอย่างไร

ถึงแม้ว่าการฟอกสีฟันกับการทำวีเนียร์ จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ฟันของคุณขาวสะอาดขึ้นได้เหมือนกัน เเต่ทั้งสองอย่างนี้ ก็ยังมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่ ดังนี้
 

การฟอกสีฟัน

การฟอกสีฟัน เป็นการนำน้ำยาฟอกฟันขาวที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide)มาทำให้เกิดปฏิกิริยากับเม็ดสีที่อยู่บนเนื้อฟัน ด้วยรูปแบบวิธีการต่างๆ จนทำให้ฟันตามธรรมชาติขาวขึ้น
 

การทำวีเนียร์

ส่วนการทำวีเนียร์ เป็นการนำวัสดุที่มีลักษณะและสีคล้ายฟันมาติดเข้าที่บริเวณผิวฟันด้านหน้าเท่านั้น ไม่สามารถครอบคลุมไปจนถึงฟันด้านในได้ โดยส่วนใหญ่แล้วการทำวีเนียร์มักจะเน้นไปในเรื่องของความสวยงาม การปรับแต่งและแก้ไขในเรื่องเกี่ยวกับรูปร่างฟันและสีของฟัน 
 
ดังนั้น หากใครที่กำลังลังเลว่าควรจะทำฟอกสีฟันหรือวีเนียร์ดี ให้ลองพิจารณาจากความเหมาะสม ความต้องการ และข้อแนะนำอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยที่มีความแตกต่างกัน ดังนี้

  • 1. ระดับความขาวของสีฟัน

การฟอกสีฟัน เป็นการที่ทำให้ฟันตามธรรมชาติขาวขึ้น โดยใช้น้ำยาฟอกสีฟันทำปฏิกิริยากับเม็ดสีที่อยู่ในเนื้อฟัน ดังนั้นจึงทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับฟันของแต่ละบุคคล ไม่สามารถระบุระดับความขาวได้ชัดเจน แตกต่างจากวีเนียร์ที่เป็นการนำวัสดุที่แต่ละคนเลือกใช้ เช่น วัสดุคอมโพซิตวีเนียร์ วัสดุเซรามิกวีเนียร์ มาติดลงบนผิวฟันเดิม จึงทำให้วีเนียร์สามารถเลือกระดับความขาว รวมไปถึงรูปร่างของฟันได้ตรงกับความต้องการ

  • 2. ระยะเวลาในการทำและการเข้าพบทันตแพทย์
การฟอกสีฟันที่บ้านอาจต้องทำการฟอกสีฟันด้วยตนเองหลายครั้ง แต่ถ้าหากเป็นการฟอกสีฟันที่คลินิกทันตกรรมส่วนใหญ่จะเสร็จสิ้นภายในวันเดียว จึงทำให้จำนวนครั้งของการเข้าพบทันตแพทย์น้อย ส่วนวีเนียร์ จำเป็นต้องติดตั้งถาวร จึงทำให้ต้องมีการเข้าพบทันตแพทย์มากกว่า

  • 3. การใช้ชีวิตประจำวัน
ถึงแม้ว่าทั้งสองอย่างจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้มเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกัน คือ หากทำวีเนียร์ สิ่งที่ต้องระมัดระวังเพิ่มเติม คือเรื่องของการรับประทานอาหารที่มีความแข็ง เนื่องจากวีเนียร์มีโอกาสที่จะเกิดการแตกหัก บิ่น หรือชำรุดได้ แตกต่างจากการฟอกสีฟัน ที่เป็นฟันตามธรรมชาติของเราเลย

  • 4. ระยะเวลาของสีฟัน
การฟอกสีฟัน จะมีระยะเวลาของสีฟันขาวอยู่ที่ประมาณ 4 - 6 เดือน หรือ 6 เดือน - 1 ปี ขึ้นอยู่กับรูปแบบของการฟอกสีฟัน แตกต่างจากวีเนียร์ที่ระยะเวลาของสีฟันขาวจะอยู่ที่ประมาณ 7 - 10 ปี หรือ 10-15 ปี ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เลือกใช้ แต่ทั้งนี้ ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่อาจส่งผลต่อความขาว เช่น ลักษณะการใช้ชีวิต วิธีการดูแลสีฟัน เป็นต้น

  • 5. ค่าใช้จ่ายในการทำ
การทำวีเนียร์จะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงกว่าการฟอกสีฟัน โดยแต่ละคลินิกทันตกรรมจะมีราคาที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับแต่ละรูปแบบที่เลือกทำด้วย ซึ่งการทำวีเนียร์จะคิดในหน่วยของแต่ละซี่ฟัน แตกต่างจากการฟอกสีฟันที่จะคิดในหน่วยของจำนวนครั้งที่ฟอกสีฟัน  

ขั้นตอนการฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว

ฟอกสีฟัน
 
โดยทั่วไป ขั้นตอนในการฟอกสีฟัน หรือฟอกฟันขาวที่คลินิกทันตกรรม มีดังนี้
 
  1. เมื่อเข้าพบทันตแพทย์ จะได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน หากพบอาการผิดปกติของฟัน จะทำการรักษาให้เสร็จเรียบร้อยก่อน อีกทั้งยังมีการอุดฟัน ขูดหินปูน และขัดฟัน เพื่อทำให้ประสิทธิภาพในการฟอกสีฟันดียิ่งขึ้น
  2. จากนั้นก่อนเริ่มการฟอกสีฟัน จะทำการใส่ที่กั้นริมฝีปาก และที่ปกป้องเหงือก
  3. ทันตแพทย์จะนำน้ำยาฟอกสีฟันทาลงไปที่บริเวณผิวฟัน
  4. ใช้เครื่องมือการฟอกสีฟันตามรูปแบบที่ได้เลือกไว้ เช่น การใช้ระบบแสง LED, การใช้เลเซอร์ หรือการฟอกสีฟันแบบ Zoom และทำจนกระทั่งเสร็จสิ้นการฟอกสีฟันนั่นเอง

ฟอกสีฟันด้วยตัวเองที่บ้าน ทำได้ไหม?

การฟอกสีฟันด้วยตัวเองที่บ้าน 'สามารถทำได้' โดยการฟอกสีฟันที่บ้าน (Home Bleaching) เป็นการนำอุปกรณ์ที่ทางทันตแพทย์จัดเตรียมไว้ให้ เช่น เจลที่ฟอกฟันขาว, Tray ที่พิมพ์ปากไว้แล้ว กลับมาทำด้วยตนเองที่บ้านภายใต้คำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งการทำฟอกฟันขาวที่บ้าน จะมีขั้นตอนในการทำที่แตกต่างจากการฟอกสีฟันกับทันตแพทย์ ดังนี้
  

ขั้นตอนการฟอกฟันขาวด้วยตัวเองที่บ้าน

  1. เข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพภายในช่องปาก รวมถึงจัดการปัญหาที่มีอยู่ โดยการ อุดฟัน จัดฟัน ขูดหินปูน
  2. จากนั้นทันตแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฟอกสีฟัน และทำการพิมพ์ปากเพื่อทำTray ให้โดยเฉพาะแต่ละบุคคล
  3. ทำการทดลองใช้ Tray ที่ทำสำเร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งให้คำแนะนำปริมาณเจลฟอกสีฟัน
  4. นำชุดอุปกรณ์กลับไปทำการฟอกฟันขาวที่บ้านด้วยตนเอง
  5. ก่อนเริ่มฟอกสีฟันที่บ้าน จะต้องทำความสะอาดฟันให้เรียบร้อยเสียก่อน
  6. จากนั้นนำเจลใสฟอกสีฟัน ลงถาดฟอกสีฟัน และนำถาดนั้นใส่เข้าไปข้างในปากให้สนิท
  7. สามารถใช้สำลีชุบน้ำ เช็ดน้ำยาฟอกสีฟันที่เกินออกมาจากถาดฟอกสีฟันได้
  8. ใส่ถาดฟอกสีฟันนี้ไว้ประมาณ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
  9. เมื่อครบจำนวนชั่วโมงแล้ว ให้นำถาดฟอกสีฟันออก และบ้วนน้ำสะอาดโดยไม่ต้องแปรงฟัน
  10. จำเป็นต้องเข้าพบทันตแพทย์เพื่อติดตามผลใน 4-7 วันแรก เพื่อตรวจว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่
 

การปฏิบัติตัวหลังฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว

หลังจากที่ฟอกสีฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือวิธีการดูแลฟันของตนเองอย่างถูกวิธี เพื่อยืดระยะเวลาให้ฟันขาวได้นานยิ่งขึ้น โดยวิธีการดูแลฟันหลังฟอกสีฟันเสร็จ มีดังนี้

  1. หลังจากฟอกสีฟันเสร็จ อาจมีอาการเสียวฟันเกิดขึ้น เบื้องต้นสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด หรือยาสีฟันที่ลดอาการเสียวฟัน หลังจากนั้นอาการจะค่อยๆหายจนกลับมาเป็นปกติ
  2. หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม แต่ถ้าหากมีความจำเป็นต้องดื่ม ให้ทำการบ้วนปากหลังจากดื่มเสร็จสิ้นแล้ว
  3. งดสูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่อาจมีผลทำให้ฟันกลับมาเหลืองได้เร็วขึ้น
  4. ใช้แปรงสีฟันหรือไหมขัดฟัน ทำความสะอาดฟันและช่องปากอย่างถูกวิธี
  5. เข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน ทุก 6 เดือน
  6. ส่วนอาหารที่สามารถทานได้ ได้แก่ นมไขมันต่ำ ไก่ไม่มีหนัง เต้าหู้ ไข่ขาว เนื้อปลาหรือชีสที่มีสีขาว เป็นต้น
 

ฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว ราคาเท่าไหร่

โดยปกติแล้ว การฟอกสีฟัน ราคาของแต่ละรูปแบบจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับเครื่องมือที่ใช้ น้ำยาฟอกฟันขาว คลินิกทางทันตกรรม และสภาพฟันของแต่ละบุคคล จึงทำให้แต่ละบุคคลอาจมีค่าใช้จ่ายที่ไม่เท่ากัน ซึ่งโดยประมาณแล้ว แต่ละรูปแบบการฟอกฟันขาว มีราคาดังต่อไปนี้

  1. ฟอกสีฟันด้วยแสงเย็น Cool light ราคาอยู่ที่ประมาณ 6,800-15,000 บาท
  2. ฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์ ราคาอยู่ที่ประมาณ 4,500-10,000 บาท
  3. ฟอกสีฟันแบบ Zoom ราคาอยู่ที่ประมาณ 7,500-15,000 บาท
  4. ฟอกสีฟันที่บ้าน Home Bleaching ราคาอยู่ที่ประมาณ 3,000-6,000 บาท
 

ฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว ที่ไหนดี

ฟอกฟันขาวที่ไหนดี? เป็นสิ่งที่ใครหลายๆคนสงสัย เพราะการเลือกคลินิกทันตกรรมเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด หากเลือกแล้วเจอคลินิกทันตกรรมที่ดี ก็จะทำให้ผลลัพธ์เป็นไปตามแผนการรักษา ทำให้เรารู้สึกคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายที่เราจ่ายไป แต่ถ้าหากเจอคลินิกทันตกรรมที่ไม่ดีพอ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังได้ ดังนั้น การเลือกคลินิกทางทันตกรรมที่ดี จะประกอบด้วยเกณฑ์ดังต่อไปนี้

  1. คลินิกทันตกรรมมีความสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
  2. มีใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้อง
  3. ทันตแพทย์มีความเชี่ยวชาญในด้านการฟอกสีฟัน และมีใบประกอบวิชาชีพทันตกรรม
  4. มีข้อมูลรีวิวการรักษาจากผู้ใช้บริการจริง
  5. มีเครื่องมือทางทันตกรรมที่ทันสมัยและครบครัน
หากยังไม่แน่ใจว่า จะไปหาคลินิกทางทันตกรรมที่เข้าเกณฑ์เหล่านี้ได้จากที่ไหน ทางเราขอแนะนำ คลินิกทันตกรรมสีวลี (Sivalee Dental Clinic) ซึ่งเป็นคลินิกทางทันตกรรมที่ได้มาตรฐาน มีความเชี่ยวชาญในการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันมามากกว่า 20 ปี อีกทั้งยังมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการตรวจวินิจฉัย การรักษา ทำให้สามารถมั่นใจได้ว่าจะทำทันตกรรมได้อย่างปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้ตรงกับความต้องการนั่นเอง  

ข้อสรุป ‘ฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว’

ฟอกฟันขาวรีวิว
 
สรุปก็คือ การฟอกสีฟันคือหนึ่งในทันตกรรมที่สามารถช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของฟันสีคล้ำ หรือฟันเหลืองให้กลับมาเป็นฟันตามธรรมชาติที่ขาวสะอาดได้อีกครั้ง โดยมีรูปแบบการฟอกฟันขาวต่างๆ เช่น แบบใช้แสงเย็น Cool light, แบบใช้เลเซอร์ ,แบบ Zoom และแบบฟอกสีฟันที่บ้านด้วยตนเอง (Home Bleaching) ซึ่งแต่ละแบบมีขั้นตอน ความเข้มข้นของสารฟอกสีฟัน และค่าใช้จ่ายในการทำที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนเลือกทำฟอกสีฟัน ควรเข้าพบทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจวินิจฉัย ขอคำปรึกษาและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล อีกทั้งควรหมั่นดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันหลังจากทำฟอกสีฟันเสร็จสิ้นแล้วอยู่อย่างเสมอ เพื่อสุขอนามัยที่ดีและทำให้ฟันขาวสามารถอยู่กับคุณไปได้นานยิ่งขึ้น



Insurance

Popular Blog
  |  Post by : totheworld
  |  Post by : AllYouShouldKnow
  |  Post by : Peach Phasakorn
  |  Post by : porsiwaporn1995
  |  Post by : Nicha
  |  Post by : ADMEADME
  |  Post by : pooyingnaja
  |  Post by : Nicha

สมัครเพื่อรับข่าวสาร

* indicates required

Intuit Mailchimp